จี้เอาผิดแม่ปวส.ด้วย ร่วมทิ้งศพแฉขัง8ชม.ก่อนฆ่า!

ด.ญ.เหยื่อแฉหนุ่มปวส.คลั่งรัก จับ "น้องอุ้ม" น.ศ.สาวขังในห้องน้ำ 8 ช.ม. ก่อนจ่อยิงทะลุอก ตร.ระบุมือปืนปวส.กระสับกระส่ายนอนไม่หลับจนต้องจับตาตลอดทั้งคืน เพราะกลัวเครียดฆ่าตัวตายในห้องขัง พ่อแม่มือปืนโร่เยี่ยมลูกชาย เผยเหยื่อสาวเป็นเด็กน่ารัก นิสัยดี อ้างที่เกิดเรื่องทั้งหมด เพราะพ่อแม่ฝ่ายหญิงกีดกัน เห็นว่าลูกชายยากจน ตร.คุมตัวผู้ต้องหาไปทำแผนขั้นตอนฆ่าทิ้งศพ ศาลตัดสินจำคุก 1 เดือน น้องสาวผู้ต้องหาที่ช่วยซ่อนเร้นศพ แต่ให้รอลงอาญา 1 ปี ญาติรับศพน้องอุ้มไปบำเพ็ญกุศล แพทย์ชันสูตรศพกระสุนทะลุหัวใจ

จากคดีสะเทือนขวัญนายอาทิตย์ พรหมจันทร์ อายุ 20 ปี นักเรียนชั้นปวส.ปี 1 โรงเรียนดุสิตพณิชยการ ใช้ปืนจ่อยิงทะลุอกน.ส.สุภาวดี หรือน้องอุ้ม แวงวรรณ อายุ 19 ปี น.ศ.ปี 1 คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ตายสยองคาห้องน้ำในบ้านพักภายในซอยพหลโยธิน 30 แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กทม. จากนั้นใช้ด้ามปืนทุบหัวด.ญ.นิสารัตน์ หรือน้องอ้อม แวงวรรณ อายุ 11 ขวบ นักเรียนชั้นป.6 โรงเรียนรุจิเสรีวิทยา น้องสาวของน.ส.สุภาวดีแล้วใช้สายไฟรัดคอจนแน่นิ่ง ก่อนชักชวนน.ส.จันจิรา พรหมจันทร์ อายุ 18 ปี น้องสาว กับนายแมว จักษุทิพย์ อายุ 27 ปี เพื่อน ช่วยกันนำศพน.ส.สุภาวดีและร่างของด.ญ.นิสารัตน์ ซึ่งคิดว่าเสียชีวิตแล้ว ขึ้นรถซาเล้งไปทิ้งในพงหญ้าเพื่ออำพรางคดี ก่อนแยกย้ายกันหลบหนี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 15 ม.ค. ที่ผ่านมา แต่ไม่รอดโดนตำรวจตามจับได้ทั้งหมด นายอาทิตย์สารภาพว่าเป็นคนยิงน.ส.สุภาพร เพราะแค้นที่ผู้ตายบอกเลิกรา ทั้งที่คบหากันมานาน 3 ปีแล้ว ส่วนด.ญ.นิสารัตน์นั้นได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ และแกล้งทำเป็นตายเลยรอดมาได้ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 16 ม.ค. ที่สน.พหลโยธิน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอาทิตย์ พรหมจันทร์ ผู้ต้องหาก่อคดีรักคุดฆ่าน.ส.สุภาวดี หรือน้องอุ้ม ยังคงถูกควบคุมตัวอยู่ภายในห้องขัง โดยเมื่อคืนที่ผ่านมา นายอาทิตย์มีอาการเคร่งเครียดอย่างมากนอนไม่หลับ กระสับกระส่าย นอนก็พลิกตัวไปมาอยู่ตลอดเวลา จนเจ้าหน้าที่ตำรวจสิบเวรต้องคอยดูแลตลอด เพราะเกรงว่าอาจจะเครียดจนคิดสั้นทำร้ายตัวเอง

ต่อมาในช่วงเช้า นายประสิทธิ์ และนางชำเลียง พรหมจันทร์ พ่อแม่ของนายอาทิตย์ เข้าเยี่ยมลูกชายที่หน้าห้องคุมขังพร้อมกับนำข้าวปลาอาหารมาให้นายอาทิตย์กิน แต่เนื่องจากยังไม่ถึงเวลาเยี่ยม จึงยังไม่อนุญาตให้เข้าเยี่ยมได้

นางชำเลียงกล่าวว่า สำหรับน.ส.สุภาวดี หรือน้องอุ้ม คบหาเป็นแฟนกับนายอาทิตย์ลูกชายมานานเกือบ 3 ปี นายอาทิตย์ยังเคยพาน้องอุ้มมาเที่ยวที่บ้านบ่อยๆ ซึ่งตนก็เห็นว่าฝ่ายหญิงเขาเป็นเด็กน่ารักนิสัยใจคอดี แต่พ่อแม่ของฝ่ายหญิงเขากีดกัน เพราะเห็นว่าทางบ้านฐานะไม่ค่อยดี ปกตินายอาทิตย์เป็นเด็กเงียบๆ และไม่ค่อยพูดจากับใคร ซึ่งตนเพิ่งรู้ว่าทั้งคู่เลิกคบกันได้เดือนกว่า แต่ไม่รู้ว่ามีปัญหามากอะไร หรือมีเรื่องอื่นหรือเปล่า นอกจากนี้ ตนไม่ทราบว่านายอาทิตย์มีปืน เอาปืนมาจากไหน ตั้งแต่ถูกจับก็ยังไม่ได้พบหน้ากันเลย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับอาวุธปืนลูกซองกระบอกที่นายอาทิตย์ใช้สังหารน.ส.สุภาวดีนั้น จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า นายอาทิตย์ได้ซื้อมาในราคากระบอกละ 3,000 บาท ซึ่งเชื่อว่านายอาทิตย์เตรียมไว้เพื่อนำไปยิงแฟนใหม่ของน.ส.สุภาวดี แต่มาเกิดเรื่องตรงนี้เสียก่อน เพราะบังเอิญไปเจอน.ส.สุภาวดีจึงชักชวนไปที่บ้าน เพื่อตามตื๊อให้กลับมาคบหากันอีก แต่น.ส.สุภาวดียืนยันว่าจะเลิกรา นายอาทิตย์จึงบันดาลโทสะชักปืนจ่อยิงน.ส.สุภาวดีในที่สุด

สำหรับน.ส.จันจิรา น้องสาวนายอาทิตย์ พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาช่วยกันปิดบังซ่อนเร้นอำพรางทำลายศพ และนำตัวไปทำเรื่องส่งฟ้องศาลแขวงไปแล้ว ตั้งแต่เมื่อวันที่ 15 ม.ค. ที่ผ่านมา ศาลแขวงได้พิจารณาโทษปรับ 1,000 บาท และจำคุก 1 ดือน โดยโทษจำให้รอลงอาญา 1 ปี

ที่สถาบันนิติเวชวิทยา จ.ส.อ.สมหมาย แวงวรรณ อายุ 45 ปี น.ส.บังอร แวงวรรณ อายุ 32 ปี พ่อและอาของน.ส.สุภาวดี หรือน้องอุ้ม พร้อมญาติประมาณ 10 คน ได้เดินทางมารับศพของน้องอุ้ม เพื่อนำศพไปบำเพ็ญกุศลทางศาสนา ที่วัดมะกอก ศาลา 4 โดยน.ส.บังอร กล่าวว่า สำหรับน้องอุ้มกับนายอาทิตย์คบหาดูใจกันมาประมาณ 3 ปี โดยนายอาทิตย์ก่อนหน้านี้เคยเข้าออกที่บ้านของน้องอุ้มบ่อยครั้ง แต่ทางพ่อแม่ของน้องอุ้มไม่ค่อยสนับสนุนให้น้องอุ้มคบหากับแฟนหนุ่มคนนี้เท่าไรนัก โดยเฉพาะนางนิภารัตน์ แม่ของน้องอุ้ม กีดกันไม่ให้ทั้ง 2 คนได้พบเจอกัน เวลาที่นายอาทิตย์มาหาน้องอุ้มที่บ้าน นางนิภารัตน์จะไม่ให้น้องอุ้มออกจากบ้าน เอากระถางต้นไม้มาตั้งไว้บริเวณประตูทางออก

น.ส.บังอรกล่าวว่า สำหรับน้องอุ้มและนายอาทิตย์ได้เลิกกันมาได้ประมาณ 3 เดือนแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้น้องอุ้มเคยถูกแฟนหนุ่มคนนี้ข่มขู่และพาตัวน้องอุ้มไปกักขังไว้ถึง 2 วัน โดยตนได้บอกกับจ.ส.อ.สมหมายให้เข้าแจ้งความกับตำรวจในข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยวและพรากผู้เยาว์ แต่จ.ส.อ.สมหมายได้ปฏิเสธ เนื่องจากกลัวจะเป็นการทำร้ายจิตใจลูกสาว จึงไม่ได้แจ้งความเอาไว้ก่อนหน้านี้

"น้องอ้อมเล่าถึงเหตุการณ์ในวันที่ก่อเหตุว่า วันนั้นนายอาทิตย์ขังน้องอุ้มและน้องอ้อมไว้ในห้องน้ำภายในบ้านตั้งแต่เที่ยงถึง 2 ทุ่ม ระหว่างนั้นนายอาทิตย์ได้ควงปืนไปมาและข่มขู่ว่าจะยิงน้องอุ้มเข้าไปที่หัวใจ โดยน้องอุ้มพยายามร้องขอชีวิตน้องสาว และบอกว่าหากต้องการจะทำอะไรก็ให้ทำกับตนเพียงคนเดียว จนกระทั่ง 2 ทุ่มเศษ นายอาทิตย์จึงลงมือก่อเหตุฆ่าน้องอุ้มภายในห้องน้ำ และทำร้ายร่างกายน้องอ้อมโดยการบีบคอจนสลบก่อนที่จะนำศพน้องอุ้มและร่างน้องอ้อมไปทิ้ง โดยไม่รู้ว่าน้องอ้อมยังไม่ได้เสียชีวิต" น.ส.บังอรกล่าว

น.ส.บังอรกล่าวว่า น้องอ้อมได้เล่าอีกว่าขณะที่ถูกนำไปทิ้ง น้องอ้อมรู้สึกคันคอมาก แต่ก็ไม่กล้าไอ เพราะต้องแกล้งทำเป็นตาย และเมื่อน้องอ้อมแก้มัดออกมาได้นั้นเหมือนกับว่ามีคนมานำทางพาไปหาบ้านคน ซึ่งตนคิดว่าน่าจะเป็นวิญญาณของน้องอุ้มเป็นคนนำทางพาน้องไปหาคนช่วย อย่างไรก็ตาม ตนอยากให้ตำรวจดำเนินคดีกับพ่อแม่ของนายอาทิตย์ เนื่องจากในวันเกิดเหตุพ่อแม่ของนายอาทิตย์ได้อยู่ที่บ้านหลังที่เกิดเหตุด้วย อีกทั้งพ่อแม่ของนายอาทิตย์ยังช่วยนำผ้ามาห่อศพของน้องอุ้มและช่วยนำศพใส่ในกล่อง ก่อนที่จะนำศพไปทิ้ง สำหรับผลการชันสูตรศพพบว่าน้องอุ้มเสียชีวิตจากบาดแผลกระสุนปืนทำลายหัวใจและปอด

จ.ส.อ.สมหมาย พ่อน้องอุ้ม กล่าวว่า อยากขอความเป็นธรรมจากตำรวจในกรณีติดตามตัวผู้กระทำผิดว่ามีใครร่วมลงมือก่อเหตุบ้าง อีกทั้งตนต้องการทราบว่าทำไมนายอาทิตย์ต้องเอาลูกสาวของตนไปฆ่าทิ้งที่บ้านของเขาด้วย ทั้งๆ ที่ภายในบ้านของนายอาทิตย์ก็มีคนอยู่หลายคน ทำให้เห็นว่าต้องมีคนภายในบ้านรู้เห็นเป็นใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนคิดว่านายอาทิตย์ไม่น่าจะลงมือก่อเหตุดังกล่าวเพียงคนเดียว น่าจะมีคนอื่นในครอบครัวนายอาทิตย์ลงมือก่อเหตุด้วย และในวันที่ตำรวจเข้าตรวจสอบที่บ้านของนายอาทิตย์ ตนเข้าไปด้วย ตอนนั้นแม่และน้องสาวของนายอาทิตย์ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่พอตำรวจนำตัวแม่และน้องสาวของนายอาทิตย์มาสอบปากคำที่สถานีตำรวจ ทั้ง 2 คนก็ยอมรับสารภาพว่าร่วมลงมือด้วย

"ผมยืนยันได้ว่าเคยเห็นนายอาทิตย์เพียงครั้งเดียวที่กรมทหาร ร.1 พัน.4 รอ. ผมพูดดีๆ กับนายอาทิตย์ว่าให้กลับไปเรียนหนังสือ อย่าขาดเรียนเลย เพราะยังอยู่ในวัยเรียนกัน หลังจากที่ได้พูดตักเตือนไป ผมต้องไปตามน้องอุ้มที่บ้านนายอาทิตย์ถึง 2 ครั้ง เพราะโดนกักขังตัวไว้" จ.ส.อ.สมหมายกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จ.ส.อ.สมหมายได้นำหญ้าที่เปื้อนเลือดบริเวณที่พบศพน้องอุ้มติดตัวมาด้วย เนื่องจากมีความเชื่อที่ว่า ชาติหน้าน้องอุ้มกับจ.ส.อ.สมหมายจะกลับมาเกิดเป็นพ่อลูกกันใหม่อีกครั้ง ทั้งนี้เมื่อจ.ส.อ.สมหมายเห็นศพของน้องอุ้มก็ได้โผเข้ากอดศพน้องอุ้ม พร้อมทั้งได้ร้องไห้ด้วยความเศร้าโศก นอกจากนี้ญาติของน้องอุ้มต้องการให้นายอาทิตย์มาขอขมาศพน้องอุ้มที่วัดมะกอก เพื่อเป็นการขอขมาลาโทษและอโหสิกรรมไม่จองเวรต่อกัน โดยศพน้องอุ้มสวดพระอภิธรรม 5 วัน และจะฌาปนกิจศพในวันที่ 20 ม.ค.นี้

เวลา 13.30 น. พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผบก.น.2 พ.ต.อ.วิชัย สังข์ประไพ รองผบก. พ.ต.อ.สมศักดิ์ วิมานรัตน์ ผกก.สน.พหลโยธิน พ.ต.ท.เฉลียง อินทิพย์ สวส.พงส.(สบ3) เบิกตัวนายอาทิตย์ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่บ้านหลังเกิดเหตุ ภายในซอยพหลโยธิน 30 เขตจตุจักร โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจกว่า 40 นาย คอยควบคุมและกันประชาชนที่ทราบข่าวมาสังเกตดูการทำแผนครั้งนี้กว่า 200 คน

จุดแรกเริ่มจากนายอาทิตย์ชี้จุดกลางห้อง ซึ่งเป็นจุดยืนโต้เถียงกันกับผู้ตายเพื่อตกลงปัญหาความรัก จุดที่สองคือภายในห้องน้ำ ซึ่งเป็นจุดที่ใช้ปืนยิงแฟนสาวจนเสียชีวิต และจุดที่สามบริเวณหน้าห้องน้ำโดยนายอาทิตย์ได้ใช้ปืนทุบที่ศีรษะของน้องอ้อมแล้วใช้เชือกรัดคอจนสลบ จากนั้นได้ช่วยกันนำผ้าห่มมาห่อศพแล้วยกขึ้นรถซาเล้ง เพื่อนำไปทิ้งภายในซอยเสนานิเวศน์ 2

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่นำตัวนายอาทิตย์ทำแผนที่บ้านหลังดังกล่าว นายประสิทธิ์ พรหมจันทร์ พ่อของนายอาทิตย์เข้าสวมกอดลูกชายแล้วบอกให้ทำใจกับการกระทำครั้งนี้ จากนั้นนายนายอาทิตย์ได้ก้มกราบเท้านายประสิทธิ์โดยพูดว่า "ผมทำตัวไม่ดีจึงเกิดเหตุเช่นนี้ขึ้น"

จากนั้นเจ้าหน้าที่เตรียมนำตัวไปทำแผนยังบริเวณจุดทิ้งศพภายในซอยเสนานิเวศน์ 2 โดยประสานกับเจ้าหน้าที่สน.โชคชัย เพื่อนำกำลังไปรอ ระหว่างนั้นพล.ต.ต.อำนวยได้รับรายงานว่า มีชายฉกรรจ์กว่า 20 คนไปดักรอเพื่อรุมประชาทัณฑ์ จึงยุติการทำแผนโดยให้นำตัวกลับไปควบคุมที่สน.พหลโยธินตามเดิม