หัวหน้าชุดสอบสวนคดีระเบิดกรุง"จงรัก จุฑานนท์"ยืนยันคดีมีความคืบหน้า รู้กลุ่มวางระเบิดแล้ว แต่ขาดหลักฐานที่จะขอศาลอนุมัติออกหมายจับ พร้อมเตรียมเรียกตัว "ชนาพัทธ์"หลังเบี้ยวให้ข้อมูลเพิ่ม
จงรักฟุ้ง?รู้กลุ่มระเบิดกรุง!แต่ขาดหลักฐานอนุมัติจับ
วันนี้(16 ม.ค.)ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
พล.ต.ท.จงรัก จุฑานนท์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.(ปป1) ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีลอบวางระเบิดทั้ง 9 จุดในเขตกรุงเทพมหานครและ จ.นนทบุรี ได้เรียกประชุมพนักงานสอบสวนในพื้นที่ที่เกิดเหตุทั้ง 9 จุดมาประชุมร่วมกัน
โดยมี พล.ต.ต.กฤษฎา พันธ์คงชื่น รองผบช.น. พล.ต.ต.เจตต์ มงคลหัตถี รองผบช.น. เข้าร่วมประชุมเพื่อเร่งรัดการทำงานและสรุปความคืบหน้าของการสอบสวนในแต่ละพื้นที่ โดยใช้เวลาในการประชุมกว่า 1 ชั่วโมง
พล.ต.ท.จงรัก เปิดเผยหลังการประชุมว่า
วันนี้ได้เรียกคณะพนักงานสอบสวน ฝ่ายสืบสวนบางส่วน รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล เข้าประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าในการสอบสวนคดีวางระเบิดทั้ง 9 จุด รวมทั้งพิจารณาเรื่องที่นายชนาพัทธ์ ณ นคร ประธานเครือข่ายเตมูจิน ให้ข้อมูลไว้ก่อนหน้านี้ว่าเหตุระเบิดเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม
มาจากการกระทำของกลุ่มอำนาจเก่า สำหรับการสอบสวนในคดีนี้มีความคืบหน้าอยู่ตลอด แต่เรามาสามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ต้องให้ทางกองอำนายการรักษาความมั่นคงภายใน(กอ.รมน.)เป็นผู้ดำเนินการในการให้ข่าวต่างๆ
พล.ต.ท.จงรักกล่าว
ขณะนี้เราพอจะรู้ตัวกลุ่มที่ลอบวางระเบิดแล้ว ซึ่งเป็นกลุ่มที่ประชาชนสันนิษฐานก่อนหน้านี้ แต่ตำรวจยังขาดพยานหลักฐานที่จะขอศาลอนุมัติออกหมายจับ โดยเฉพาะพยานบุคคลหรือประจักษ์พยานที่เห็นเหตุการณ์ซึ่งมีความสำคัญมากที่ศาลจะรับฟัง ในส่วนนี้ต้องขอความร่วมมือจากประชาชนที่เห็นเหตุการณ์เข้ามาให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ส่วนพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่จะไปเทียบเคียงกับหลักฐานที่จะได้จากผู้ต้องหา อย่างไรก็ตามขณะนี้การสอบสวนยังได้พยานหลักฐานไม่มาก อยากให้ได้มากกว่านี้อีก เพื่อที่จะเชื่อมโยงไปยังกลุ่มที่ก่อเหตุ เพราะการทำงานจะใช้ความรู้สึกว่ากลุ่มโน้นกลุ่มนี้ทำไม่ได้ต้องมีพยานหลักฐานที่ชัดเจน
พล.ต.ท. จงรัก กล่าวต่อว่า
สำหรับข้อมูลที่นายชนาพัทธ์ ให้มานั้น เราก็จะต้องทำการสอบสวน ว่าที่มาของข้อมูลต่างๆ มาจากไหนมีความน่าเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน ในเบื้องต้นมีเพียงเอกสารที่แสดงถึงกลุ่มอำนาจเก่า แต่ไม่มีเอกสารการจ่ายเงินแต่อย่างใด ซึ่งในวันนี้ตนเองได้นัดหมายให้นายชนาพัทธ์ มาให้รายละเอียดเพิ่มแต่ปรากฏว่าไม่มา เนื่องจากติดภาระกิจเรื่องการถูกฟ้องร้อง
ตนเองจึงดำเนินการไปตามหลักฐานที่นายชนาพัทธ์ ได้มอบให้ไว้ในครั้งแรก โดยได้แบ่งหน้าที่ให้พนักงานสอบสวนไปทำการสอบสวน ขณะเดียวกันก็ให้ทางตำรวจสันติบาลทำการสืบสวนหาข้อมูลอีกทางหนึ่งด้วย และจะทำหนังสือเชิญนายชนาพัทธ์มาให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกครั้งเพื่อให้เกิดความชัดเจนของข้อมูล
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ