วัตถุประหลาดที่แท้ที่แท้ดาวเทียมจีน!
บึ้มปริศนากลางเวหาที่ภูมิซรอล ที่แท้เป็นชิ้นส่วนดาว เทียมของจีน รมว.กลาโหมเผยเป็นส่วนประกอบดาวเทียม
ที่เสียหายหรือวงโคจรอาจอยู่ต่ำในชั้นบรรยากาศ ทำให้เผาไหม้ก่อนถึงโลกไม่ทัน ผบ.ทบ.ชี้เป็นชิ้นส่วนถังเชื้อเพลิงดาว เทียม ยันไม่ใช่เครื่องบินหรือดาวเทียมสอดแนมของไทยหรือเขมร เพราะไม่จำเป็นและเป็นการลงทุนที่สูงเกินไป เผยปี และปี เคยมีวัตถุคล้ายกันตกลงมาแถวภูมิซรอลและผามออีแดงเช่นกัน แต่ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าเป็นอะไร
จากกรณีเกิดเสียงระเบิดขึ้นกลางเวหา เหนือน่านฟ้าบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ใกล้กับเขาพระวิหาร หมู่บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ก่อนมีแผ่นเหล็กลึกลับกระเด็นตกลงมา โดยแผ่นเหล็กดังกล่าวมีลักษณะเป็นสีเหลืองและสีบรอนซ์ มีรอยไหม้เกรียม ตกกระจายไปทั่วบริเวณ วัตถุบางชิ้นมีอักษรระบุ 'CE37-4-4B2' ทหารจึงเร่งสั่งตรวจสอบหาที่มา และสันนิษฐานว่าอาจเป็นชิ้นส่วนอากาศยานระเบิด เหตุเกิดวันที่ 22 ธ.ค.ที่ผ่านมา ตามที่เสนอข่าวไปนั้น
ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเหตุระเบิดปริศนาบนน่านฟ้าชายแดนไทย-กัมพูชา ชาวบ้านภูมิซรอลก็ยังคงออกไปทำไร่ไถนากันตามปกติ โดยมีชาวบ้านบางส่วนจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์เรื่องที่เกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง แต่ไม่ได้วิตกกังวลถึงเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะส่วนใหญ่ได้รับการชี้แจงจากทางการแล้วว่าไม่ใช่การยิงปืนใหญ่หรือสู้รบกัน
นายวีระยุทธ ดวงแก้ว กำนันตำบลเสาธงชัย กล่าวว่า ขณะนี้ทหารกองกำลังสุรนารีตระเวนเก็บวัตถุที่ตกลงมาจากท้องฟ้าได้กว่า 20 ชิ้น และออกประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านทุกหมู่บ้านในเขตต.เสาธงชัย ทราบข้อเท็จจริงว่าเหตุระเบิดดังกล่าวไม่ใช่การยิงปืนใหญ่หรือเกิดสงคราม แต่เป็นการระเบิดของอากาศยานใกล้เขาพระวิหาร ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่รับทราบแล้ว แต่ยังมีชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียงที่ทราบข่าวเดินทางมาแวะชมจุดที่มีวัตถุลึกลับตก ลงมา
วันเดียวกัน พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม กล่าวว่า สำหรับเรื่องวัตถุลึกลับได้พูดคุยกับพล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 แล้ว โดยยืนยันว่าวัตถุดังกล่าวเป็นส่วนประกอบชิ้นหนึ่งของดาวเทียม ลักษณะเหมือนฝาปิดกล่อง ซึ่งไม่ใช่เครื่องบินสอดแนมของประเทศไทยและกัมพูชาอย่างแน่นอน โดยอาจเป็นดาวเทียมของประเทศในแถบอาเซียนที่ใช้ตรวจตราอะไรอยู่แล้ว แต่สภาพอาจเสียหายหรือวงโคจรอาจจะอยู่ต่ำในชั้นบรรยากาศ ทำ ให้การสันดาปและการเผาไหม้ก่อนจะตกถึงโลกทำไม่ทัน จึงตกลงมาในพื้นที่ดังกล่าว
ด้านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. กล่าวถึงการตรวจสอบวัตถุลึกลับว่า ตอนนี้กำลังตรวจสอบอยู่ โดยส่งชิ้นส่วนดังกล่าวไปให้ทหารอากาศดูว่าเป็นอะไรกันแน่ เบื้องต้นสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นชิ้นส่วนของอากาศยาน ซึ่งตอนนี้มีรูปมาแล้ว แต่ยังยืนยันไม่ได้ เท่าที่ดูเหมือนเป็นชิ้นส่วนดาวเทียมอะไรสักอย่าง ลักษณะเหมือนเปลือกนอก คล้ายถังอุปกรณ์เชื้อเพลิง โดยเมื่อปี 2553 ก็มีวัตถุคล้ายกันตกลงมาบริเวณดังกล่าว แสดงว่าตรงนั้นต้องมีวงโคจรอะไรสักอย่าง แต่ยืนยันว่าไม่ใช่อากาศยานที่กองกำลังสุรนารียิงตกแน่นอน เพราะทหารไทยไม่เคยยิง และเราไม่ได้ทะเลาะกับใคร หากมีเครื่องบินเข้ามาจะใช้วิธีแจ้งเตือน ประกอบกับตอนนี้เราพูดคุยและประชุมระหว่างประเทศร่วมกันมากขึ้น
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า ถึงแม้วัตถุลึกลับที่พบจะเป็นดาวเทียมก็ไม่ต้องกลัวว่า ใครจะนำดาวเทียมมาสอดแนม เพราะทุกวันนี้ไม่มีอะไรที่จะไม่รู้ ทุกคนต่างคนต่างรู้ ไม่จำเป็นถึงขั้นต้องใช้ดาวเทียมมาตรวจชายแดนไทย-กัมพูชา แค่ใช้สายตามองก็รู้แล้ว เนื่องจากอยู่กันมาตั้งแต่เด็ก คงไม่ต้องใช้ดาวเทียมให้สิ้นเปลือง และถ้าเกิดโดนจับได้ก็อายเปล่าๆ อีกทั้งเป็นการลงทุนสูงเกินไป
พล.ท.ธวัชชัยกล่าวว่า บรรยากาศบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ในวันนี้ยังเรียบร้อยดี ส่วนเหล็กชิ้นส่วนโลหะที่ตกลงมาจากท้องฟ้าสรุปว่าเป็นชิ้นส่วนดาวเทียมของประเทศจีน แต่ขณะนี้กองทัพไทยยังไม่ได้ทำหนังสือสอบถามเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ
รายงานข่าวแจ้งว่า วัตถุที่ตกลงมาครั้งนี้ดูจากลักษณะของโลหะคล้ายคลึงกับวัตถุที่เคยตกลงมาเมื่อปี 2546 โดยมีเสียงดังสนั่นก่อนตกลงมาเช่นกัน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 21 ต.ค. 2546 เวลา 10.30 น. บริเวณทิศตะวันตกของผามออีแดง ต่อมาวันที่ 24 พ.ย. 2546 ชุดลาดตระเวนหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 อ.กันทร ลักษ์ ยังพบวัตถุชนิดเดียวกันนี้ แต่มีขนาดใหญ่กว่าตกอยู่ที่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือของช่องทับอู่ ห่างจากชายแดนไทย-กัมพูชา ประมาณ 2 ก.ม. ก่อนส่งเศษชิ้นส่วนวัตถุดังกล่าวไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบว่าเป็นชิ้นส่วนของอะไร แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจนจากผู้เชี่ยวชาญ