ศาลอ่านคำพิพากษาคดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 1 เป็นโจทก์ฟ้องนายชู ไพ เคน(MR. HSU PEI KEN) อายุ 33 ปี และนาย เชน ชวน ชิ (MR.SHEN SHUAN CHI ) อายุ 25 ปี ทั้งสองเป็นชาวไต้หวัน ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1 - 2 ตามลำดับในความผิดฐาน ร่วมกันมีและใช้บัตรอิเลกทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 21 ต.ค. 54 ระบุความผิดสรุปว่า
เมื่อวันที่ 14 ส.ค.53 จำเลยกับพวกได้กระทำผิดกฎหมายโดยใช้บัตรเอทีเอ็ม ธนาคารกรุงเทพฯ 2 ใบ แล้วโทรศัพท์ไปหาผู้เสียหาย 2 ราย ออกอุบายแสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร ว่าผู้เสียหายค้างชำระค่าบัตรเครดิตจำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ยังอ้างตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า มีผู้แอบอ้างนำบัตรประชาชนของผู้เสียหายไปเปิดบัญชีธนาคาร และทำบัตรเอทีเอ็มธนาคาร พาณิชย์ อื่น ๆ เพื่อป้องกันมิให้ผู้อื่นมากระทำผิดได้ จึงให้ผู้เสียหายไปลบข้อมูลเกี่ยวกับการเงินที่ตู้เอทีเอ็ม
ซึ่งเมื่อผู้เสียหายดำเนินการตามขั้นตอนตามที่จำเลยแนะนำ กลับกลายเป็นการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารที่จำเลยทั้งสองเปิดไว้โดยทุจริต จำนวน 99,968 บาท และ จำนวน 150,000 บาท ตามลำดับรวมเป็นเงิน 249,968 บาท เหตุเกิดที่แขวง - เขตห้วยขวาง กทม. และที่อื่นเกี่ยวพันกัน ชั้นสอบสวนจำเลยให้การปฏิเสธ แต่ ให้การรับสารภาพในชั้นศาล
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้อง พิพากษาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 269/5, 269/6 ,269/7 ,335(7) วรรคแรก ประกอบมาตรา 83 ให้ลงโทษทุกกรรม ฐานร่วมกันมีไว้ซึ่งบัตรเครดิตจำคุกจำเลยคนละ 2 กระทง ๆ 2 ปี และฐานร่วมกันใช้ บัตรอิเลกทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบจำคุกจำเลยคนละ 2 กระทง ๆ 2 ปี รวมจำคุกจำเลยคนละ 8 ปี คำรับสารภาพเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยไว้คนละ 4 ปี การกระทำของจำเลยทั้งสองนับเป็นเรื่องร้ายแรงเสียหายต่อประชาชน ไม่สมควรรอการลงโทษ และให้ใช้เงินคืนแก่ผู้เสียหาย ริบสมุดโน้ต และกระดาษจดบันทึกวิธีการกดเอทีเอ็ม
คุก4ปีไม่รออาญาแก๊งคอลฯไต้หวัน
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!