ปีเกิดตั้งรหัสเอทีเอ็มเดาง่ายหายเกลี้ยง

ปีเกิดตั้งรหัสเอทีเอ็มเดาง่ายหายเกลี้ยง

คดีอุทาหรณ์ถึงความชะล่าใจของผู้ตั้งรหัสเอทีเอ็มที่ง่ายต่อการคาดเดา อย่าง  "ณัฐพัชร์ ภู่คะนองศรี" สาวโรงงานวัย 32 ปี จึงตกเป็นหยื่อของมิจฉาชีพสูญเงินนับแสนแต่ก็โชคดีที่ตำรวจไล่ล่าติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีได้ในที่สุด

2 เดือนก่อน ณัฐพัชร์ ขับขี่รถจักรยานยนต์ล้มคว่ำบริเวณทางโค้ง เขต ต.หนองบัวศาลา อ.เมือง จ.นครราชสีมา

แล้วกุญแจรถจักรยานยนต์สูญหายไปเธอจึงทิ้งรถจักรยานยนต์ ซึ่งใต้เบาะนั่งมีกระเป๋าสตางค์และเอกสารไว้ในจุดที่เกิดเหตุ แล้วเดินกลับบ้านพักนำกุญแจสำรองมาไขสตาร์ทรถ พอกลับมาถึงต้องใจหายเมื่อพบว่าเบาะนั่งถูกงัดและกระเป๋าสตางค์หายไป จึงติดต่อไปยังธนาคารเพื่อขอทำบัตรเอทีเอ็มทดแทนใบเก่าที่สูญหาย จึงรู้ว่าเงินสดที่อยู่ในบัญชี 103,000 บาทหายไป
       
เมื่อได้รับแจ้งจากผู้เสียหาย พ.ต.ท.ภูมิ ทองโพธิ์ สว.สส.สภ.เมืองนครราชสีมา พร้อมชุดสืบสวน จึงขอความร่วมมือธนาคารตรวจสอบเส้นทางการกดเงินของคนร้าย เบื้องต้นธนาคารแจ้งให้ทราบว่ามีผู้ใช้บัตรเอทีเอ็มแล้วกดเงินสดออกจากตู้เอทีเอ็มที่ตั้งอยู่บริเวณหน้าบริษัทสงวนวงษ์อุตสาหกรรม และตู้เอทีเอ็มในเขต อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา โดยกดเงินสดออกไปครั้งละ 20,000-30,000 บาท
         
ชุดสืบสวนจึงประสานขอภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดอยู่บริเวณตู้เอทีเอ็ม เพื่อขอดูใบหน้าผู้ที่นำบัตรเอทีเอ็มของผู้เสียหายมากดเงินสดออกไป

แต่ธนาคารซึ่งเป็นเจ้าของตู้เอทีเอ็มดำเนินการล่าช้าเนื่องจากเกิดปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ จนกระทั่งต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ธนาคารส่งสำเนาภาพผู้ที่กดเงินสดของผู้เสียหายเป็นชายไม่ทราบชื่อ อายุประมาณ 28-30 ปี ชุดสืบสวนจึงใช้วิธีเดินแห่รูปไปยังชุมชนต่างๆ ในเขตอุตสาหกรรม และอ.โชคชัย รวมถึงจุดเกิดที่ผู้เสียหายขับขี่รถจักรยานยนต์ล้ม
       
เพียงไม่นาน ก็ได้เบาะแสชายต้องสงสัยที่ชื่อ "นายเอ้บ" บ้านอยู่แถวๆ ต.หนองบัวศาลา ชุดสืบสวนจึงเดินทางกลับมาที่ห้องปฏิบัติการฝ่ายสืบสวน
 
เพื่อค้นประวัติผู้ต้องสงสัย จนทราบชื่อ นายเลิศมงคล ยอดแก้ว อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 217 หมู่ 4 ต.หนองบัวศาลา อ.เมือง จ.นครราชสีมา มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เพิ่งพ้นโทษออกมาไม่นานในคดีจำหน่ายยาเสพติด เมื่อประมาณปี 2550 อีกทั้งรูปถ่ายครั้งที่ถูกจับแล้วชุดสืบสวนบันทึกภาพไว้ มีความคล้ายคลึงกับชายไม่ทราบชื่อที่นำบัตรเอทีเอ็มของผู้เสียหายไปกดเงินสด
       
ชุดสืบสวนจึงรายงานข้อมูลการสืบสวนคดีนี้ให้

พล.ต.ท.ภาณุ เกิดลาภผล ผบช.ภ.3 พล.ต.ต.จักรทิพย์ โหละสุตสกุล รองผบช.ภ.3 และพ.ต.อ.ผดุงเกียรติ ศิริพรวิวัฒน์ ผกก.สภ.เมืองนครราชสีมา ทราบแล้วได้รับคำสั่งให้เร่งสืบสวนติดตามคนร้ายเนื่องจากเป็นภัยสังคม จึงรีบเดินทางไปที่บ้านพักแต่ไม่อยู่ เนื่องจากผู้ต้องสงสัยมาทำงานเป็นพนักงานขับรถส่งของจึงมาเช่าห้องอยู่แถวอุตสาหกรรมจนกระทั่งพบและเชิญตัวมาสอบสวน
       
นายเลิศมงคล สารภาพว่า วันเกิดเหตุขับขี่รถจักรยานยนต์ผ่านไปบริเวณที่เกิดเหตุพอดี และรู้ว่าผู้เสียหายนำกระเป๋าสตางค์เก็บไว้ใต้เบาะนั่ง
 
จึงรอจังหวะที่ผู้เสียหายเดินกลับแล้วในละแวกนั้นไม่มีใครเห็น จึงรีบลงมืองัดเบาะนั่งรถจักรยานยนต์ออก หยิบกระเป๋าสตางค์ไป ค้นดูมีเงินสดไม่กี่ร้อยบาท แต่มีบัตรเอทีเอ็ม จึงลองเสี่ยงกดเงินสด ครั้งแรกเดาจากข้อมูลในบัตรประชาชนของผู้เสียหายโดยเลือกปี พ.ศ.เกิดของผู้เสียหายแต่พอใส่รหัส หน้าจอตู้เอทีเอ็มระบุว่ารหัสไม่ถูกต้อง จึงนำปี พ.ศ.เกิดของผู้เสียหายเทียบกับปี ค.ศ. ปรากฏว่ารหัสผ่านจึงทยอยกดเงินออกมา แล้วนำไปซื้อทองรูปพรรณหนัก 1 สลึงให้ลูก 1 เส้น นำเงินไปให้ป้า และให้พ่อให้แม่ อีกทั้งนำเงินไปซื้อข้าวของเครื่องใช้จนหมด
       
ด้าน นายวรวรรธน์ สุวรรณเจษฏา ผอ.การฝ่ายตรวจสอบและอนุมัติวงเงินธนาคารซิตี้แบงก์
 
และหัวหน้าคณะทำงานชมรมธุรกิจบัตรเครดิต สมาคมธนาคารไทย แนะนำว่า ลูกค้าธนาคารไม่ว่าจะเป็นลูกค้าของธนาคารแห่งใดแล้วมีบัตรเอทีเอ็ม และหรือบัตรเครดิต ควรระมัดระวังในการเก็บรักษาบัตรไว้ในที่ปลอดภัย อีกทั้งรหัสกดเงินไม่ควรให้สอดคล้องกับข้อมูลบุคคลในบัตรประชาชน หรือใบขับขี่ทุกประเภท เพราะหากคนร้ายได้ไปทั้งกระเป๋าสตางค์ไปก็จะง่ายต่อการคาดเดาของคนร้าย
       
"ทางที่ดีควรเก็บบัตรเอทีเอ็มหรือบัตรเครดิตไว้ในที่ปลอดภัย เพราะเดี๋ยวนี้คนร้ายได้บัตรเอทีเอ็ม ซึ่งเดี๋ยวนี้เป็นบัตรเดบิต คนร้ายอาจนำไปรูดซื้อสินค้าแทนเงินสด เพราะฉะนั้นควรกำหนดวงเงินในการใช้ซื้อสินค้าแทนเงินสดหรือหากมีเงินสดในบัญชีแล้วทำบัตรเอทีเอ็ม ควรเปลี่ยนรหัสบ่อยครั้งยากต่อการคาดเดาของคนร้าย" นายวรวรรธน์  แนะนำ

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์