ดอกไม้เหล็กกองพิสูจน์หลักฐาน

นายเวร สายดำ"

ช่วงเทศกาลแห่งความสุข ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ปี 2550 ที่เพิ่งผ่านพ้นไปนี้ หลายๆ คนได้ไปท่องเที่ยว หรือกลับบ้านต่างจังหวัด ในขณะที่เมืองหลวง "กรุงเทพมหานคร" เกิดเหตุระเบิดป่วนเมือง จนทำให้มีทั้งผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต แต่ไม่ว่า จะมีเหตุร้าย หรือไม่มีเหตุร้ายเกิดขึ้นในช่วงเทศกาลดังกล่าว

ยังคงมี "ตำรวจ" หน่วยหนึ่ง ที่ต้องเสียสละเวลาแห่งความสุข เพื่อออกทำงาน หากเกิดเหตุการณ์ต่างๆขึ้น และในช่วงรอยต่อแห่งปี 2549 กับ 2550 ถือเป็นรอยต่อแห่งปีที่พวกเขาต้องทำหน้าที่กันอย่างหนักที่สุด จากเหตุระเบิดป่วนเมืองที่เกิดขึ้น ทีมข่าวอาชญากรรม ผู้จัดการออนไลน์ ขอนำเสนอเรื่องราวที่ไม่เคร่งเครียด แต่เป็นอีกแง่มุมหนึ่งในงานที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมที่หลายคนอาจจะเคยผ่านตา แต่น้อยคนที่จะได้สัมผัสและรู้จักการทำงานของพวกเขา

งานที่ว่านี้ก็คืองานตรวจสถานที่เกิดเหตุ กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.)

ในสังกัดของสำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ตำรวจ (สนว.ตร.) ซึ่งเชื่อว่าบรรดาไทยมุง ผู้ที่เคยพบเห็นหรือผู้ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับอาชญากรรม ก็น่าจะเคยเห็นการทำงานของพวกเขาเหล่านี้มาบ้างแล้ว ว่าหลังจากเกิดเหตุขึ้น บริเวณพื้นที่เกิดเหตุจะถูกกั้นด้วยแถบสีเหลือง เพื่อให้พวกเขาได้เข้าตรวจสอบหาร่องรอย หลักฐานต่างๆ เพื่อใช้ในการสืบสวนสอบสวน หรือติดตามหาร่องรอยคนร้ายซึ่งถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งในงานของตำรวจเลยทีเดียว

บางคนอาจยังไม่ทราบว่างานสำคัญ ๆ อย่างงานตรวจสอบที่เกิดเหตุนี้ จะมีตำรวจหญิงร่วมทีมด้วย เพราะดูแล้วเป็นงานที่ค่อนข้างสมบุกสมบันไม่ค่อยเป็นเวลาเพราะอาชญากรรมจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ไม่มีใครทราบ และค่อนข้างอันตราย แต่ที่งานตรวจสอบที่เกิดเหตุนี้ไม่ใช่ตำรวจหญิงเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่ยังมีอีกถึง 6 นาย เราจึงได้ไปพูดคุยเจาะลึกถึงการทำงานของพวกเธอมาให้ได้ทราบกัน

ก่อนอื่นก็ขอแนะนำ


สมาชิกตำรวจหญิงประจำงานตรวจสอบที่เกิดเหตุกันก่อน เริ่มจากผู้อาวุโสที่สุด คือ พ.ต.ต.หญิง ศิริประภา รัตตัญญู หรือสารวัตรอุ๊ ซึ่งทำหน้าที่นี้มาแล้วถึง 9 ปี และตามด้วยกลุ่มยังบลัดที่เพิ่งเข้ามาทำงานพร้อมกันได้ประมาณ 2 ปี ได้แก่ ร.ต.ท.หญิง กรุณา คดีพิศาล หรือผู้กองแจ๊ส, ร.ต.ท.หญิง กีรัณ มิสเซอร์ หรือผู้หมวดกีกี้, ร.ต.ท.หญิง ออมสิน เพิ่มศักดิ์มีทรัพย์ หรือผู้หมวดจ๋อมแจ๋ม, ร.ต.ท.หญิง พัชรี ศรีธัญรัตน์ หรือผู้หมวดปักเป้า และคนสุดท้ายคือ

ซึ่งแต่ละคนล้วนมีดีกรีวิทยาศาสตร์บัณฑิต สาขาวิชาเคมี จากมหาวิทยาลัยชื่อดังทั่วประเทศ และต้องสอบแข่งขันจากผู้สมัครทั่วประเทศหลายพันคนกว่าฝ่าฟันเข้ามาเป็นอันดับ 1-7 ของผู้ที่สมัครเพื่อมาทำงานตรงนี้ได้ก็ถือว่าไม่ธรรมดาทีเดียว ซึ่งแต่ละคนก็รู้สึกดีใจที่ได้เข้ามาทำงานตรงนี้ที่ถือว่ามีเกียรติ และได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ

สารวัตรอุ๊ กล่าว


เมื่อไปถึงยังที่เกิดเหตุขั้นแรกจะต้องเข้าไปคุยถึงพฤติการณ์เบื้องต้นกับผู้เสียหายและพนักงานสอบสวนให้ทราบเกี่ยวกับคดีก่อน จากนั้นร้อยเวรจะมีหน้าที่สั่งการลงมือตรวจสอบตามขั้นตอน ให้ผู้ช่วยคนแรกถ่ายภาพเก็บที่เกิดเหตุไว้ตรวจสอบ และอีกคนจะช่วยร้อยเวรตรวจเก็บหลักฐานที่รวบรวมได้ในที่เกิดเหตุ ซึ่งก็มีการอบรมกันมาก่อนที่จะปฏิบัติหน้าที่แล้วทุกคน

ผู้หมวดจ๋อมแจ๋ม


ยังเล่าถึงคดีที่ประทับใจน่าตื่นเต้น ให้ฟังว่า เหมือนเป็นดวงว่า เวลาตนเองเข้าเวรมักจะเจอคดีที่ไม่เหมือนใคร มักไม่ค่อยซ้ำ เช่น คดีฆ่าผู้หญิงในห้องน้ำแล้วยัดขวดเบียร์ในช่องคลอด น่าตกใจที่ว่าจากการตรวจสอบเบื้องต้นนั้นไม่มีใครทราบว่ามีขวดเบียร์อยู่ในตัวผู้ตายจนเกือบจะกลับแล้ว ได้สังเกตเห็นว่าท้องทั้งสองข้างนูนไม่เท่ากัน จึงลองไปกดดูปรากฏว่ามีบางอย่างอยู่ข้างใน พอล้วงเข้าไปตรวจสอบทุกคนจึงตกใจมากเพราะเป็นขวดเบียร์ขนาดใหญ่ รู้สึกว่าถ้าไม่ได้มาทำงานในหน้าที่นี้ก็คงไม่ได้รับประสบการณ์เช่นนี้แน่นอน

คดีแปลกๆ อย่างฆ่าหั่นศพใส่กระเป๋า คนทะเลาะกันใช้มีดดาบไล่ฟันจนตกตึกเสียชีวิต คดีเหล่านี้เป็นสิ่งที่ท้าทายในการทำคดี เพราะเราต้องคิดว่าจะหาหลักฐานแบบไหนเพื่อมายืนยันเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เราต้องใช้ความคิดหลายๆ แบบซึ่งน่าสนใจ ผู้หมวดจ๋อมแจ๋ม กล่าว

ด้านผู้หมวดแจ๊ส


ยังเล่าถึงความน่ารักของเพื่อนๆ และญาติๆ ที่เห็นการทำงานของพวกเธอผ่านทางข่าวโทรทัศน์ให้ฟังว่า คนเหล่านี้เปรียบเสมือนแฟนคลับ อย่างญาติ หรือเพื่อนๆ แม้แต่คนที่ไม่ได้พบกันมานานซึ่งไม่รู้ว่ามาทำงานเป็นตำรวจก็จะโทรศัพท์มาหาเมื่อเห็นในทีวีว่าใช่หรือเปล่า

บางครั้งยังตรวจสถานที่เกิดเหตุยังไม่เสร็จด้วยซ้ำ ส่วนใหญ่จะคอยบอกว่าภาพเวลาออกโทรทัศน์เป็นอย่างไร บางทีก็แซวว่าหน้ามันไปแล้วนะ ซึ่งก็ดีเหมือนมีแฟนคลับคอยให้กำลังใจ

กลัวผีก็กลัวนะคะ แต่ไม่กลัวศพ ไม่มีใครอยากจะเห็นภาพแบบนั้นอยู่แล้ว แต่เวลาที่เราทำงานเราไม่ได้คิดถึงความสยดสยอง แต่เราจะคิดว่ามันคือภาระหน้าที่ของเรา กังวลว่าต้องทำงานให้ถูกต้องครบถ้วนมากกว่า ที่เรียนมาก็คือเรียนด้านวิทยาศาสตร์ไม่ได้เตรียมใจมาก่อนเหมือนกัน ผู้หมวดกีกี้ กล่าว

ผู้หมวดปักเป้า เล่าประสบการณ์ครั้งแรกๆ


ที่ออกปฏิบัติหน้าที่ให้ฟังว่า เป็นคนกลัวผี ที่เคยไปเห็นแล้วสยองที่สุดคือคดีข่มขืนแล้วปาดคอบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน เมื่อประมาณ ปี 2548 พอกลับมาก็มีความรู้สึกเหมือนใครตามมาแต่จริงๆ ก็ไม่มีอะไรแค่คิดไปเองนั้น แต่ส่วนใหญ่ทุกคนก็สิ่งศักดิ์สิทธิ์ติดตัวอยู่ตลอดอยู่แล้ว อย่างน้อยก็เพื่อเป็นที่พึ่งทางใจไปไหนปลอดภัย


ผู้หมวดกีกี้ เล่าให้ฟังถึง

ก่อนที่จะมาทำอาชีพตำรวจคิดว่าไม่ค่อยเข้ากับบุคลิก เพราะปกติเป็นคนที่เรียบร้อยมาก ยังคิดว่าจะทำหน้าที่ตรงนี้ได้รึเปล่า แต่ก่อนมาทำงานก็ต้องไปฝึกที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจเป็นเวลา 3-4 เดือน ทั้งการออกกำลังกาย ฝึกการใช้ปืน และศิลปะป้องกันตัว ก็ทำให้มั่นใจมากขึ้นทีเดียว ประสบการณ์ก่อนที่จะมาเข้ามาทำงาน

ร.ต.ท.หญิง กีรัณ มิสเซอร์ หรือผู้หมวดกีกี้



ผู้หมวดแจ๊ส กล่าว


การทำงานในส่วนนี้คิดว่าความเป็นผู้หญิงของเราไม่ได้สร้างอุปสรรค คิดว่าจะได้รับการยอมรับด้วยเพราะเราจะได้ใช้ความรู้ความสามารถทางด้านวิทยาศาสตร์ที่เรียนมา และผู้หญิงน่าจะทำงานตรงนี้ได้ดี เพราะข้อได้เปรียบของผู้หญิงอีกอย่างคือเรามีความละเอียดรอบคอบซึ่งช่วยได้มาก

ผู้หมวดจ๋อมแจ๋ม

เล่าถึงปัญหาในการทำงานให้ฟังว่า คดีที่หนักใจคือคดีที่หาวัตถุพยานไม่พบ คือทางเจ้าหน้าที่แม้จะพยายามเชื่อมโยงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วเพื่อหาหลักฐานในที่เกิดเหตุ เช่น ควรมีลายนิ้วมือ หรืออาวุธ แต่ก็ไม่พบเหล่านี้จะทำให้ยากในการสืบสวนถือว่าไม่ประสบความสำเร็จในการทำงาน แต่คดีไหนที่ได้วัตถุพยานมากมายนั้นยิ่งดีเพราะจะให้การทำงานของเราง่ายขึ้น

มาทางด้าน สารวัตรอุ๊


งานตรวจสอบที่เกิดเหตุถือเป็นงานที่ค่อนข้างอันตราย สารวัตรอุ๊ กล่าวถึงมาตรการป้องกันขณะออกตรวจคดีระเบิดว่า ก่อนที่จะเข้าตรวจจะให้เจ้าหน้าที่หน่วยสรรพาวุธเข้าไปเคลียร์พื้นที่จนมั่นใจถึงจะเข้าตรวจ ส่วนคดีเพลิงไหม้ตึกเราก็จะต้องตรวจสอบว่าไฟดับแล้วหรือยัง และโครงสร้างอาคารก็ต้องให้เจ้าหน้าที่โยธามาตรวจว่าจะถล่มหรือไม่ เพราะเราต้องคำนึงถึงความปลอดภัยมาเป็นอันดับแรกด้วย

ผู้หมวดปักเป้า กล่าว

เวลาไปตรวจคดีต่างๆ ล้วนมีความเสี่ยงโดยเฉพาะคดีเพลิงไหม้อาคารที่ถูกไฟไหม้พื้นจะกร่อน เคยมีคนที่ไปเหยียบแล้วร่วงลงมาได้รับบาดเจ็บ แต่เราก็มีการระวังป้องกันเตรียมรองเท้ากันตะปู หน้ากากกันฝุ่น แต่เราก็ต้องระมัดระวังตัวเองในการออกปฏิบัติหน้าที่แต่ละครั้งด้วย

ผู้หมวดแจ๊ส


เล่าถึงประโยชน์การทำงานให้ฟังด้วยว่า การมาทำงานตรงนี้ทำให้สนใจในสิ่งที่ทำมากขึ้น ซึ่งบางครั้งก็นำไปใช้ที่บ้านอย่างตรวจเหตุลักทรัพย์ ก็จะรู้ว่าบริเวณไหนที่เป็นจุดด้อยของบ้าน ก็จะนำมาปรับปรุงที่บ้านของตนเอง อย่างเช่น หน้าต่างบานเกร็ดที่ใกล้ประตูก็จะปิดตายไปแล้ว เพราะขโมยแค่เอาบานเกร็ดออกก็สามารถเอมมือมาเปิดลูกบิดประตูได้

ผู้หมวดลิ กล่าวเสริม

บางคนก็แอบนำไปใช้ตรวจสอบแฟนก็มีนะคะ(หัวเราะ) เพราะหน้าที่นี้ฝีกให้เราช่างสังเกตมากขึ้น แล้วนำมาประมวลเรื่องราวต่างๆ ในสิ่งที่ได้ยินกับหลักฐาน ทำให้เราสามารถสร้างภาพได้ว่าจริงอย่างพูดรึเปล่า เช่น เวลาขึ้นรถวันนี้ไปไหนมารึเปล่า มีอะไรแปลกๆ เส้นผมทำไมยาวกว่าผมเรา แต่ก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรนะคะ (หัวเราะ)


จากคำบอกเล่าของพวกเธอเหล่านี้ คงพอจะทำให้ได้เห็นอีกด้านในการทำงานและหน้าที่ของพวกเธอที่ต้องเสียสละเวลา โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดยาวอย่างนี้คงมีเหตุอาชญากรรมเกิดขึ้นมากมาย และพวกเธอก็ต้องออกปฏิบัติหน้าที่ในขณะที่คนส่วนใหญ่ได้ไปพักผ่อนแน่นอน แต่อย่างไรก็ตามทีมข่าวอาชญากรรมของเราก็ขอเป็นกำลังใจในการทำงานให้กับพวกเธอ และหากใครต้องการส่งกำลังใจให้กับพวกเธอก็สามารถส่งผ่านทางเว็บบอร์ดของเราซึ่งเชื่อว่าพวกเธอจะคอยติดตามและได้รับกำลังใจเหล่านี้แน่นอน



ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: ผู้จัดการออนไลน์

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์