หมายหัวอดีตสส. โยงบอมบ์ จ่อถล่มกรุงรอบ2

สนธิ รุดหารือ สุรยุทธ์


เหตุระเบิดป่วนกรุงในช่วงของวันหยุดส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เกิดขึ้นมานานกว่า 1 สัปดาห์ แต่การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการคลี่คลายคดีและจับกุมตัวคนร้ายมาลงโทษ ยังไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร ทำให้เกิดกระแสข่าวลือเรื่องปลด ผบ.ตร.แพร่สะพัดออกมาไม่เว้นแต่ละวัน ขณะที่หลายฝ่ายยังเป็นห่วงสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังไม่นิ่ง เร่งวางมาตรการป้องกันหวั่นเหตุร้ายเกิดซ้ำขึ้นมาอีก

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 8 ม.ค. พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.และประธาน คมช. เดินทางเข้าพบ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล โดยใช้เวลาประมาณ 20 นาที จากนั้น พล.อ.สุรยุทธ์ให้สัมภาษณ์ว่า พล.อ.สนธิ มาหารือความคืบหน้าของสถานการณ์ต่างๆ ในฐานะที่ดูแลกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.)

นอกจากนี้ยังนำบัตรเชิญให้ไปร่วมงานวันกองทัพบกในวันที่ 19 ม.ค. ผู้สื่อข่าวถามว่าหารือกันถึงสถานการณ์ทางการเมืองหรือความคืบหน้าเหตุการณ์ลอบวางระเบิดใน กทม. นายกรัฐมนตรีตอบว่า ส่วนใหญ่เป็นเรื่องการติดตามความคืบหน้า เหตุระเบิด เพราะทุกคนเป็นห่วง และอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชน ขอเรียนว่าเราพยายามอย่างเต็มที่ที่จะแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ให้ลุล่วงไป

พล.อ.สุรยุทธ์กล่าวต่อว่า


เรื่องการป้องกันก็เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญ ความร่วมมือจากประชาชนเป็นเรื่องที่ทางเจ้าหน้าที่ขอขอบคุณ แต่มีอีกส่วนหนึ่งที่ยังโทรศัพท์มาแบบแจ้งข่าวลวง ไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเสียเวลา ขอเรียนว่าใครพบปะสิ่งต้องสงสัย ขอให้ ชี้แจงด้วยความเป็นจริง เราไม่อยากทำให้เกิดปัญหากับพี่น้องประชาชน เช่นเดียวกันคนที่ปล่อยข่าวลวงมา หรือโทรศัพท์มาลวงเจ้าหน้าที่ ก็ควรจะระงับการดำเนินการ

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังอยู่ในเกณฑ์ที่จะต้องช่วยกันดูแล เพราะในวันเด็กที่จะถึงนี้ หลายส่วนมีความเป็นห่วง ได้มีการหารือกันเบื้องต้นว่า จะมีมาตรการป้องกันผู้ไม่หวังดีไม่ให้สามารถก่อเหตุได้


จี้ตำรวจสางคดีระเบิดให้เร็วที่สุด


ผู้สื่อข่าวถามถึงความคืบหน้าในการติดตามตัว ผู้ก่อเหตุลอบวางระเบิดใน กทม. พล.อ.สุรยุทธ์ตอบว่า ได้นำภาพจากโทรทัศน์วงจรปิดมาดู และติดตามบุคคลซึ่งอาจจะถือว่าเป็นผู้ต้องสงสัย เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังดำเนินการเรื่องเหล่านี้อยู่ เพราะถือเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์

เมื่อถามว่าผู้ต้องสงสัยที่พบสามารถชี้ได้หรือไม่ ว่าเชื่อมโยงกับคนกลุ่มใด

พล.อ.สุรยุทธ์ตอบว่า ยังไม่ทราบ เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต่อข้อถามว่าคดีนี้จะมีความชัดเจนได้เมื่อไหร่ พล.อ.สุรยุทธ์ตอบว่า ไม่อยากไปกำหนดเวลา อยากให้เจ้าหน้าที่ใช้เวลาที่มีอยู่ดำเนินการให้เร็วที่สุดเท่าที่สามารถจะทำได้ ทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่าเป็นเรื่องที่ประชาชนให้ความสนใจ ตนยังไม่ได้กำหนดเวลา เพราะไม่อยากจะไปบีบบังคับเจ้าหน้าที่ด้วยเงื่อนเวลา แต่ก็ขอร้องให้เร็วที่สุด

ยืนยันไม่คิดปลด โกวิท


ผู้สื่อข่าวถามว่ามีกระแสข่าวปลด พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. ออกจากตำแหน่ง เพราะไม่สามารถรักษาความสงบเรียบร้อยได้ ทั้งๆที่รู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดเหตุ ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร พล.อ.สุรยุทธ์กล่าวว่า ยังไม่มี ผมอยากให้ทุกท่านได้ทำงานอย่างเต็มที่ในช่วงเวลานี้ ไม่มีอะไร เมื่อถามว่ามีข่าวว่าจะใช้เรื่องการจับผู้วางระเบิดเป็นตัวชี้วัดการดำรงตำแหน่งต่อของ ผบ.ตร. นายกฯตอบว่า ยังไม่ได้เป็นผู้กำหนดอันนี้ แต่ถามว่าตนมีอะไรเป็นตัวชี้วัดหรือไม่ ขณะนี้ยังไม่มี

เมื่อถามถึงกรณีหลายฝ่ายออกมาวิจารณ์นายกฯหลังออกมาระบุว่าอาจมีเหตุวางระเบิดอีกภายใน 1-2 เดือนนี้ จนทำให้ประชาชนตื่นตระหนก และอาจเกิดผลเสียมากกว่าดี พล.อ.สุรยุทธ์ตอบว่า คิดว่าเราไม่ประมาทดีกว่า ถ้าเผื่อประมาทและเกิดเหตุการณ์ขึ้น ก็จะเสียใจกัน ถ้าตั้งอยู่ บนความไม่ประมาทและระมัดระวังไม่ให้เหตุการณ์เกิดขึ้นซ้ำซ้อนเข้ามาอีก ตรงนี้น่าจะเป็นผลดีมากกว่าผลเสีย


สนธิ เผยสั่งเช็กข่าวอดีต ส.ส.


ขณะที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. และประธาน คมช. กล่าวว่า เข้าหารือกับ พล.อ.สุรยุทธ์ 2 เรื่องคือ

1. นำหนังสือเชิญไปร่วมงานเลี้ยงวันกองทัพบกที่จะจัดขึ้นในวันที่ 19 ม.ค.นี้
2. หารือถึงสถานการณ์ต่างๆว่าบ้านเมืองเป็นอย่างไรบ้าง โดยมีการเสนอความคิดเห็น ซึ่งไม่มีอะไรที่สำคัญ และได้บอกนายกฯว่าให้สบายใจได้ ไม่ต้องกลัว เราทำเต็มที่เรื่องความมั่นคง

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายกฯระบุว่าจะมีการก่อเหตุร้ายขึ้นใน 1-2 เดือน พล.อ.สนธิกล่าวว่า ทางต่างจังหวัดเริ่มรายงานให้ทราบว่าในเดือน ก.พ. และ มี.ค.นี้เป็นห้วงเวลาที่น่าสังเกต ขณะนี้กำลังให้ติดตามบุคคลสำคัญต่างๆในทุกจังหวัด เมื่อถามว่า หมายถึงบุคคลที่เป็นอดีต ส.ส.และฐานอำนาจเก่าใช่หรือไม่ พล.อ.สนธิกล่าวว่า ทุกส่วนที่น่าจะมีพลังเรากำลังติดตามอยู่ทั้งหมด

เมื่อถามว่า กลุ่มที่ติดตามจะมีการนำม็อบเข้ามาในกรุงเทพฯ หรือมีการก่อเหตุลักษณะใด พล.อ.สนธิกล่าวว่า ไม่แน่ใจว่าจะเกิดภาพอะไร แต่ต้องการดูว่าพลังที่จะเกิดขึ้นตรงจุดใดก็ตาม มีรูปแบบใดบ้าง กำลังติดตามดูอยู่เพื่อหยั่งรู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อถามว่า กลุ่มที่เคลื่อนไหวมีจุดประสงค์อะไรเป็นเป้าหมายหลัก พล.อ. สนธิกล่าวว่า นี่แหละคือสิ่งที่ต้องตาม เพราะมีเวลาเหลืออีกตั้งเดือนกว่า

พรทิพย์ อัด ตร.ไม่ตั้งใจเก็บหลักฐาน

ต่อมาเวลา 16.20 น. พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ รักษาการผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ได้หอบเอกสารเกี่ยวกับการสืบสวนคดีลอบวางระเบิด 8 จุดในกรุงเทพฯ ไปมอบให้แก่ พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ใช้เวลาไม่ถึง 15 นาที จึงเดินทางกลับ

โดย พญ.คุณหญิงพรทิพย์เปิดเผยว่า มาคุยกับนายกฯหลายเรื่อง รวมถึงเรื่องระเบิด ผู้สื่อข่าวถามว่า จะสามารถจับคนร้ายได้หรือไม่ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ตอบว่า ไม่มีทางเลย เพราะ เจ้าหน้าที่ไม่ได้ตั้งใจเก็บหลักฐาน


บุญรอด รับจับผู้อยู่เบื้องหลังยาก


พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ว่า คิดว่าน่าจะจับตัวคนร้ายที่ไปวางระเบิดได้ เพราะตำรวจมีเครือข่ายเยอะใน กทม. แต่โอกาสที่จะสาวไปถึงคนทำหรือผู้อยู่เบื้องหลังเป็นเรื่องลำบาก คนที่ทำกับคนที่วางระเบิดเป็นคนละคนกัน คนที่ทำคือคนผลิตขึ้นมา เสร็จแล้วก็ว่าจ้างให้อีกคนไปวางระเบิด พวกนี้เป็นมืออาชีพ ไม่ใช่มือสมัครเล่นธรรมดา

โอกาสสาวไปถึงคนที่อยู่ เบื้องหลังเป็นเรื่องลำบาก เพราะทุกขั้นตอนมีการตัดตอนแล้ว เป็นเทคนิคของการปฏิบัติการ ส่วนข่าวที่ระบุว่ามีการจับตัวคนร้ายได้แล้วนั้น ก็เป็นเพียงการจับตัวผู้ต้องสงสัยมาสอบสวนแล้วก็ปล่อยตัวกลับไปแล้ว

รมว.กลาโหมกล่าวอีกว่า

การเคลื่อนไหวต่างๆ ไม่ว่า จะเป็นเรื่องการดิสเครดิตรัฐบาลหรือ คมช. หรือการทำในลักษณะออกมาขับไล่รัฐบาล และ คมช. คงจะไม่หยุดอยู่เพียงแค่นี้ แต่จะรุนแรงไปถึงเดือน มี.ค.นี้ และไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่การวางระเบิดอย่างเดียว แต่จะมีการก่อเหตุอย่างอื่นมาผสมผสาน เช่น เรื่องของการดิสเครดิต เพื่อให้เห็นว่าไม่ชอบธรรม ไม่เหมาะสม ป้องกันความสงบไม่ได้ ต่อไปก็จะมีการเคลื่อนไหวอื่นออกมา

โดยเฉพาะการเคลื่อนของคนต่างจังหวัดมาใน กทม.เพื่อแสดงความไม่พอใจรัฐบาล ซึ่งถ้าพบว่ามีการทำผิดก็ต้องว่าไปตามกฎหมาย และต้องสาวไปถึงเบื้องหน้าเบื้องหลังว่ามีความเป็นมาอย่างไร เพราะการล้มรัฐบาลไม่ได้ทำด้วยกระบอกปืนอย่างเดียว แต่สามารถใช้พลังประชาชนได้ กลุ่มคนที่ดำเนินการวางระเบิดใน กทม.

เมื่อวันที่ 31 ธ.ค.ที่ผ่านมายังมีขีดความสามารถที่จะก่อเหตุให้ร้ายแรงกว่านี้ ดังนั้นจึงต้องออกมาเตือนประชาชนไม่ให้อยู่บนความประมาท และช่วยเป็นหูเป็นตาให้กับทางการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกหน่วยงาน ถ้าไม่ให้ความร่วมมือ นายกฯจะใช้อำนาจที่มีอยู่จัดการ


ยันนายกฯไม่เคยถอดใจ


เมื่อถามว่า รัฐบาลจะสามารถทนต่อแรงเสียดทานได้หรือไม่ และนายกฯ จะถอดใจหรือไม่ พล.อ.บุญรอดกล่าวว่า นายกฯ ไม่ถอดใจหรอก ตลอดชีวิตของท่านมีแรงกดดันมามาก ที่บอกว่าท่านทนได้เพราะท่านปล่อยวาง ไม่เอามาเป็นทุกข์มาก อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ท่านพูดว่าใครจะทำให้มาทำกับท่าน ซึ่งท่านพูดเรื่องการลอบสังหาร บอกว่าถ้าจะเกิดก็เกิด เรื่องการตายเป็นเรื่องธรรมดา ทุกคนหนีไม่พ้น ไม่ใช่มานั่งตรงนี้แล้วกลัวนั่นกลัวนี่

แสดงว่ามีข่าวการลอบสังหารนายกฯ ใช่หรือไม่

พล.อ.บุญรอดตอบว่า ไม่ใช่มีข่าว แต่อย่าลืมว่าการที่มีระเบิดเกิดขึ้น เป้าหมายคือเรื่องบุคคล ทั้งทางตรงและทางอ้อม ดังนั้นไม่ใช่ว่าจะมองข้าม

ผบ.ตร.สั่งรับมือบึมรอบสอง

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ วันเดียวกัน พล.ต.อ. โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. เรียก พล.ต.ท.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ผช.ผบ.ตร. พล.ต.ท.วิโรจน์ จันทรังษี ผบช.น.และ พล.ต.ท.เอก อังสนานนท์ ผบช.สนว.ตร. เข้าพบที่ห้องทำงานชั้น 5 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อกำชับมาตรการป้องกันและรักษาความปลอดภัยตามสถานที่ต่างๆ รับมือเหตุลอบวางระเบิดที่อาจจะเกิดซ้ำขึ้นมาอีก

รวมทั้งการรักษาความปลอดภัยในงานวันเด็กแห่งชาติ ในวันเสาร์ที่ 13 ม.ค.หลังการประชุม พล.ต.อ.โกวิท กล่าวว่า ได้สั่งกำชับตำรวจนครบาล ภูธรภาค 1-9 และสันติบาล ให้วางมาตรการรักษาความปลอดภัย ป้องกันเหตุระเบิดที่อาจจะเกิดซ้ำขึ้นมาอีก และดูแลในงานวันเด็กอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะตามสถานที่จัดงานต่างๆหรือแหล่งชุมชนที่จะมีผู้คนรวมกลุ่มหรือสัญจรจำนวนมาก อาทิ ห้างสรรพสินค้า สถานที่ราชการต่างๆ



ตำรวจออสซี่ช่วยเก็บหลักฐาน


ด้าน พล.ต.ท.เอก อังสนานนท์ ผู้บัญชาการสำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ตำรวจ (ผบช.สนว.ตร.) เปิดเผยว่า สนว.ตร.พยายามเก็บรวบรวมวัตถุพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุระเบิด 8 จุด พื้นที่ กทม. นำมาตรวจสอบให้มากที่สุด เพื่อส่งให้ฝ่ายสืบสวนนำไปใช้เป็นข้อมูลในการติดตามตัวคนร้าย

และขณะนี้งานตรวจสถานที่เกิดเหตุ กองพิสูจน์หลักฐานยังได้รับความร่วมมือจากตำรวจออสเตรเลีย มาร่วมตรวจสถานที่เกิดเหตุทั้งหมดอีกครั้ง เพื่อเก็บวัตถุพยาน โดยเฉพาะลายนิ้วมือแฝง ในจุดที่ต้องใช้วิทยาการระดับสูงตรวจสอบ เช่น บริเวณจุดระเบิด หน้าห้างเกษร พลาซ่า ตรวจพบลายนิ้วมือ แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นของบุคคลใด

เนื่องจากนำไปเปรียบเทียบกับลายนิ้วมือของผู้ที่เคยต้องคดีกับทางศูนย์ AFIS ของกองทะเบียนประวัติอาชญากรแล้ว ยังไม่พบในฐานข้อมูล แต่เมื่อฝ่ายสืบสวนได้ตัวผู้ต้องสงสัย ก็สามารถนำลายนิ้วมือมาตรวจเปรียบเทียบกันได้



ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์