ระทึกเรือนำเที่ยวล่ม ´160ชีวิต´ ลอยคอ

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 5 ม.ค. ร.ต.ท.ประมูล บุญชาลี ร้อยเวร สภ.อ.พระนครศรีอยุธยา รับแจ้งมีเหตุเรือโดยสารนำเที่ยวเกิดอับปางกลางแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณคุ้งน้ำหน้าวัดสนามไชย หมู่ 7 ต.ประตูชัย อ.พระนครศรีอยุธยา จึงพร้อมด้วย พล.ต.ต.นเรศ นันทโชติ ผบก.ภ.จ.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.อ.กมล ปั้นศิริ ผกก. ทีมแพทย์กู้ชีพ รพ. พระนครศรีอยุธยา หน่วยกู้ภัยทางน้ำของมูลนิธิร่วมกตัญญู มูลนิธิพุทไธสวรรค์ หน่วยกู้ภัยอยุธยาและเรือกู้ภัยของ เทศบาลนครนครศรีอยุธยาอีก 2 ลำ รุดไปให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน

จุดเกิดเหตุเป็นคุ้งน้ำขนาดความกว้างประมาณ 100 เมตร มีกระแสน้ำไหลเชี่ยวกราก พบเรือโดยสารแบบ 2 ชั้น ชื่อ เรือกานต์กิตติ 1 ขนาดความยาว 18 เมตร กว้าง 5 เมตร สูง 5 เมตร พลิกตะแคงข้างซ้ายจมอยู่ในแม่น้ำเจ้าพระยาห่างจากฝั่งประมาณ 20 เมตร มีผู้โดยสารลอยคอร้องขอความช่วยเหลือกว่า 100 คน มีทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ทางเจ้าหน้าที่และชาวบ้านได้ระดมกำลังออก ไปช่วยพากลับเข้าฝั่งก่อนจะลำเลียงส่ง รพ.พระนครศรีอยุธยารวม 57 ราย โดย นพ.วีระพล ธีระพันธ์เจริญ ผอ.รพ. สั่งระดมทีมแพทย์และพยาบาลกว่า 60 คน มาช่วยกันดูแลผู้บาดเจ็บซึ่งส่วนใหญ่มีอาการสำลักน้ำ และบางรายมีอาการหมดสติด้วย

พบว่าในจำนวนผู้บาดเจ็บทั้ง 57 ราย มี 3 รายที่อาการสาหัสเนื่องจากสำลักน้ำเข้าไปในปอดเป็นจำนวนมากคือ 1. นางเฟาะ ขันธรักษ์ อายุ 81 ปี อยู่ห้องไอซียูและใช้เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลา 2. นางนวลละออ กุฎีพันธ์ อายุ 30 ปี อยู่หอผู้ป่วยอาร์ซียู และ 3. ด.ช.จิรวัฒน์ ดาวเรือง อายุ 4 เดือน อยู่หอผู้ป่วยเด็ก แพทย์ช่วยรักษาจนอาการพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ยังต้องเฝ้าดูภาวะแทรกซ้อนอีกประมาณ 1 สัปดาห์ ส่วนผู้บาดเจ็บรายอื่นหลังแพทย์ปฐมพยาบาลให้แล้ว รับตัวไว้รักษาที่ รพ.เพียง 13 รายเท่านั้น ที่เหลืออนุญาตให้กลับบ้านได้ แต่ต้องคอยสังเกตดูอาการหากมีภาวะแทรกซ้อน มีไข้ ไอ หายใจไม่ออกให้รีบมาพบแพทย์โดยทันที

ในส่วนของการค้นหาผู้ที่อาจจะสูญหายไปกับกระแสน้ำ ทางนักประดาน้ำของมูลนิธิร่วมกตัญญูได้ใช้ ความพยายามค้นหาอยู่นานกว่า 2 ชม. ก็ไม่พบมีใครติดค้างอยู่ในเรือลำเกิดเหตุ ส่วนซากเรือที่อับปางทางศูนย์พัฒนาร่องน้ำ กรมขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี นำเรือติดเครน (เรือกว้าน) มาทำการเก็บกู้ซากเรือดังกล่าวเพื่อนำไปตรวจสอบและเพื่อไม่ให้กีดขวางเส้นทางการเดินเรือ ซึ่งจุดเกิดเหตุเป็นเส้นทางที่มีการสัญจรหนาแน่นตลอดทั้งวัน

จากการสอบสวนนายจักรกฤษณ์ เซ็นขาว อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 58 หมู่ 3 ต.ประตูชัย อ.พระนครศรีอยุธยา และเป็นรักษาการโต๊ะอิหม่ามมัสยิดอารีบันนูรอย หมู่ 3 ตำบลเดียวกัน หนึ่งในผู้โดยสารที่มากับเรือกานต์กิตติ 1 และรอดชีวิตมาได้แบบหวุดหวิดเผยว่ากลุ่มชาวบ้านที่ประสบอุบัติเหตุเป็นคนไทยมุสลิมที่มีถิ่นอาศัยอยู่ในพื้นที่หมู่ 3 ต.ประตูชัย กับหมู่ 7 ต.สำเภาล่ม อยู่ระหว่างเดินทางไปร่วมงาน โฮ้นประจำปีบูชาท่านแซ็ค มูฮัมหมัด ที่สุเหร่าตะเกียโยดีน ตั้งอยู่ที่หมู่ 13 ต.คลองตะเคียน อ.พระนครศรีอยุธยา ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 3-5 ม.ค.นี้ เป็นประเพณีที่คนไทยมุสลิมภาคกลางให้ความสำคัญเดินทางมาร่วมงานนับพันคน เฉพาะชาวบ้านหมู่ 3 กับหมู่ 7 ก็มีจำนวนกว่า 600 คนแล้ว

นายจักรกฤษณ์กล่าวต่อไปว่า สำหรับงานดังกล่าวจะมีการจัดขบวนแห่ทางน้ำของคนไทยมุสลิมจากทุ่งภูเขาทองล่องเรือไปถึงสุเหร่าตะเกียโยดีนสถานที่จัดงาน มีเรือร่วมขบวนแห่กว่า 20 ลำ สำหรับชาวบ้านหมู่ 3 และหมู่ 7 ได้ตกลงเช่าเหมาเรือของบริษัทกานต์กิตติ จำกัดจำนวน 4 ลำ เป็นเรือนำเที่ยวแบบ 2 ชั้น 2 ลำ คือเรือกานต์กิตติ 1 และเรือกานต์กิตติ 2 ส่วนอีก 2 ลำ เป็นเรือนำเที่ยวแบบชั้นเดียวชื่อกานต์กิตติ 3 และกานต์กิตติ 4 สำหรับเรือที่ประสบอุบัติเหตุบรรทุกผู้โดยสารจำนวน 160 คน แล่นตามขบวนเรือมาเป็นลำดับที่ 4 ช่วงก่อนจะเกิดเหตุ ทางนายท้ายเรือตะโกนให้ผู้โดยสารย้ายจากท้ายเรือมานั่งที่หัวเรือบ้าง เนื่องจากเรือบรรทุกคนเกินอัตราที่กำหนดคือ 60 คน แต่ไม่มีใครทำตาม เนื่องจากกำลังสนุกสนานอยู่กับวงดนตรีพื้นบ้านที่แสดงอยู่ท้ายเรือ จนกระทั่งน้ำทะลักเข้าท้ายเรืออย่างรวดเร็ว นายท้ายเรือเห็นท่าไม่ดีจึงรีบหันหัวเรือเข้าฝั่ง แต่ยังไม่ทันถึงที่ เรือก็พลิกตะแคงเทกระจาดผู้โดยสารลงไปลอยคอในน้ำหมดทั้งลำ

ด้าน พ.ต.อ.กมล ปั้นศิริ ผกก.สภ.อ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวภายหลังตรวจสอบที่เกิดเหตุว่า เรือลำดังกล่าวมีนายประสิทธิ์ เรืองทรัพย์ อายุ 56 ปี เป็นนายท้ายเรือ และมีนายศราวุธ มากปรุง อายุ 21 ปี เป็นเด็กประจำเรือ หลังเกิดเหตุเข้ามอบตัวต่อ พ.ต.ท.ไพฑูรย์ อยู่พะเนียด สารวัตรเวร สภ.อ.พระนครศรีอยุธยา ระบุว่า รับผู้โดยสารกว่า 160 คน ซึ่งเกินกว่าที่กำหนดไว้คือ 60 คน แม้พยายามจะทัดทานว่าบรรทุกเกินกำหนด อาจจะเกิดอันตรายแต่ผู้จัดงานก็ยืนยันให้ขนคนลงเรือทั้งหมด แล่นมาตามแม่น้ำเจ้าพระยาจนถึงจุดเกิดเหตุ ปรากฏว่าตัวเรือไม่สมดุลมีอาการเอียงไปทางกราบซ้ายค่อนข้างมาก จึงให้นาย ศราวุธไปเรียกให้ผู้โดยสารถ่ายน้ำหนักมาทางด้านขวาและหัวเรือบ้าง แต่ไม่มีใครเชื่อฟัง เมื่อเรือแล่นมาถึงโค้งน้ำ ก็เสียการทรงตัว มีน้ำไหลทะลักเข้าทางท้ายเรือและกราบเรือด้านซ้ายอย่างรวดเร็ว ทำให้เรืออับปางดังกล่าว หลังสอบปากคำเสร็จสิ้นแล้วก็ปล่อยตัวไปชั่วคราว เพื่อรอผลการตรวจสอบพยานหลักฐานและจะเรียกตัวผู้จัดงานมาสอบปากคำด้วย หากพบว่ามีส่วนผิดก็จะต้องแจ้งข้อหากับทั้งสองฝ่ายต่อไป

ขณะเดียวกัน ทางเจ้าหน้าที่ของกรมเจ้าท่าได้รุดไปตรวจสอบที่บริษัทกานต์กิตติ จำกัด พบนางพรเพ็ญ กิตติธรรมกูล อายุ 54 ปี เจ้าของบริษัท ระบุว่า เรือลำเกิดเหตุมีอายุการใช้งานแค่ 6 ปีเท่านั้น และได้ทำประกันอุบัติเหตุไว้กับทางบริษัทกมลประกันภัย จำกัด แต่จำวงเงินไม่ได้ สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรู้สึกเสียใจและยินดีให้ ความช่วยเหลือผู้บาดเจ็บทุกราย สำหรับเรื่องที่มีการบรรทุกคนเกินกำหนดนั้น จะต้องสอบถามกับนายท้ายเรือและทางผู้เช่าด้วยว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร

ต่อมาเวลา 13.00 น. วันเดียวกัน นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เดินทางไปตรวจเยี่ยมอาการของผู้บาดเจ็บที่ รพ.พระนครศรีอยุธยา ก่อนจะเปิดเผยว่า ทางกระทรวงฯจะดูแลเรื่องค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดของผู้บาดเจ็บ เนื่องจากอาจจะมีภาวะแทรกซ้อน เนื่องจากสำลักน้ำในแม่น้ำที่ไม่ค่อยสะอาดเข้าไปอาจจะมีการติดเชื้อในระบบหายใจได้ โดยให้สังเกตความผิดปกติในช่วง 1 สัปดาห์ หากมีไข้ ตัวร้อน ไอ จาม และหายใจไม่สะดวก ก็ให้รีบมาพบแพทย์โดยทันที สำหรับผู้บาดเจ็บสาหัส 3 รายนั้น จากการตรวจล่าสุดพบว่าพ้นขีดอันตรายแล้ว ล่าสุด เหลือผู้บาดเจ็บที่นอน รพ. เพียง 13 รายเท่านั้น

สำหรับรายชื่อผู้บาดเจ็บที่ยังคงนอนพักรักษาตัวอยู่ใน รพ.พระนครศรีอยุธยา มี 1. นางเฟาะ ขันธรักษ์ อายุ 81 ปี 2. นางนวลละออ กุฎีพันธ์ อายุ 30 ปี 3. นางดารา กระจ่างแสง อายุ 65 ปี 4. นางทองใบ ขันธรักษ์ อายุ 78 ปี 5. นางสำอางค์ เรืองอร่าม อายุ 65 ปี 6. ด.ญ.อริสรา ชำนาญหมอ อายุ 11 ขวบ 7. ด.ญ.มาริสา สุขเกษม อายุ 8 ขวบ 8. นางมาเรียม เส้นขาว อายุ 47 ปี 9. น.ส.สุจรีย์ ขันธรักษ์ อายุ 24 ปี 10. นางทองปลิว ศรีสังข์ อายุ 45 ปี 11. ด.ช.จิรวัฒน์ ดาวเรือง อายุ 4 เดือน 12. ด.ญ.วิภาภรณ์ ฝันอยู่ อายุ 2 ขวบ และ 13. ด.ช.ธนา ไวยจรา อายุ 3 ขวบ