ลือสนั่น! หนาวตามๆกัน จะมี ปฏิวัติ ซ้อน ปฏิวัติ

ท่านเป็นคนดีในสายตานายกรัฐมนตรี "พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์"


และท่านก็เป็นคนดีในสายตาประธาน คมช. "พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน"

แต่ความเป็น "คนดี" ของท่าน ดูเหมือนจะคนละประเด็นกับ "ประสิทธิภาพการบริหาร" ในฐานะผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งต้องดูแลบ้านเมืองและประชาชนให้อยู่รอด-ปลอดภัยจากพวกทุจริต ทำผิดกฎหมาย

ในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แค่จับรถมีอุปกรณ์วัตถุระเบิดเท่านั้นแหละ ด้วยประสิทธิภาพการบริหารตำรวจของท่าน

จับปุ๊บรู้ปั๊บเลยว่า


นี่คือ "คาร์บอมบ์" หวังสังหารนายกฯ ทักษิณ!

แล้วก็สืบสวน-สอบสวนพรึ่บพรั่บ จับกราวรูดทั้งนายทหารเล็ก-ใหญ่ไปเป็นผู้ต้องหา

แต่พอมาถึงยุครัฐบาล คมช. ซึ่งตัวท่านเองก็เป็น ๑ ในคณะปฏิรูปฯ ที่ยึดอำนาจการบริหารมาจากทักษิณแท้ๆ แต่ดูเหมือนว่าประสิทธิภาพในตำแหน่งผู้บริหารตำรวจจะลดน้อยถอยลง จนประชาชนหวังฝากผี-ฝากไข้อะไรไม่ได้เลย

ยกเว้นให้ในกรณี "เหตุการณ์ ๓ จังหวัดใต้"


แต่นอกจากนั้น เป็นไปอย่างที่ ทพ.ศุภผล เอี่ยมเมธาวี ผู้ประสานงานภาคีมวลชนโคราชรักประชาธิปไตย แถลงข่าววานนี้

เกิดเหตุการณ์ "เผาโรงเรียน" ในภาคอีสาน-เหนือ ไม่รู้กี่สิบแห่ง

ตำรวจของ พล.ต.อ.โกวิท นอกจากจับใครไม่ได้เลย แล้วยังไม่รู้อะไรเลยด้วย

ทางเหนือ-อีสาน เขารู้กันทั้งบ้าน-ทั้งเมืองว่า "กลุ่มคลื่นใต้น้ำ"


ใช้เงินทำงานผ่านองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นบ้าง กำนัน-ผู้ใหญ่บ้านบ้าง เพื่อการเคลื่อนไหวทางมวลชน

แต่ตำรวจของ พล.ต.อ.โกวิท ก็ไม่รู้อะไรเลย!

นี่ก็ระเบิดกันทั่วกรุง ทำให้ทั้งคนไทย-คนเทศ ขาดความเชื่อมั่นในประสิทธิภาพของกำลังรัฐ ซึ่งจะก่อความเสียหายกับ "ธุรกิจ-อุตสาหกรรมหลัก" ของประเทศคือ "การท่องเที่ยว" โดยตรง

ชาวบ้านร้านตลาดเขารู้กันทั่วว่า "มันมาจากใคร?"


แต่ตำรวจของ พล.ต.อ.โกวิท ก็ไม่รู้อะไรเลยอีกนั่นแหละ!

คำว่าการข่าว คำว่าหน่วยสืบ คำว่าราชการลับ อะไรต่างๆ เหล่านี้ ดีอยู่อย่างเดียวคือ "ผลาญงบลับ"

แต่ประสิทธิภาพ "หมาไม่แดก" ในข่าวเบื้องลึกเพื่อการปราบปรามและป้องกัน ด้วยประการทั้งปวง!

ถ้าการข่าวได้ผล มันก็น่าจะป้องกัน หรือปราบปรามกันล่วงหน้าได้บ้าง


หรืออย่างน้อยถ้ามีปฏิบัติการ หลงหู-หลงตา เกิดขึ้นบ้าง มันก็ยังพอมีคำตอบให้ประชาชนเกิดความรู้สึกที่อุ่นใจได้บ้างว่า

"อ้อ..ดีว่าตำรวจเขารู้ล่วงหน้านะนี่ ไม่งั้นมันคงแย่กันกว่านี้"

แต่นี่..จนบัดป่านนี้ ตกเข้ามาวันนี้แล้ว นักข่าวถามถึงความคืบหน้าของคดีและเรื่องราว นายกฯ สุรยุทธ์ได้แต่ตอบว่า

"ยังไม่มีอะไรคืบหน้า ยังไม่มีหลักฐานอะไร ยังไม่มีข้อมูลอะไร"

ในเมื่อฝ่ายอำนาจสูงสุดของบ้านเมืองบอกว่า "ไม่มีอะไร"


ในความรู้สึกตอบสนอง "ศรัทธาและความเชื่อ" จากประชาชนอันพึงมีต่อรัฐ มันก็โหวงเหวง วิเวก วังเวง วิเหวโหวว น่ะซีครับ

ชีวิตคนไทย นอกจากมีไว้เสียภาษีแล้ว นอกนั้น.. ตัวใคร-ตัวมัน!

แล้วอย่างนี้ มี "ผบ.ตร." ไว้ทำวิมานอะไร?


สงสัยงานในตำแหน่ง "รองประธาน" คมช.ของ พล.ต.อ.โกวิทท่านคงเยอะ จึงไม่มีเวลามาบริหาร "สร้างประสิทธิภาพ" ตำรวจเพื่อสังคมประเทศและสวัสดิภาพประชาชน

ควรให้ พล.ต.อ.โกวิทไป "รับใช้ชาติ" อยู่ในตำแหน่งรองประธาน คมช.ตำแหน่งเดียวนะครับ..ผมว่า

ยกตำแหน่ง ผบ.ตร.ให้นายตำรวจคนอื่นเขาบ้าง เลือกเอาคนที่เหมาะกับสถานการณ์และงานปัจจุบันได้ยิ่งดี

ผมว่าไม่ว่าใครจะมาเป็น ผบ.ตร.ถึงอย่างไรก็น่าจะ "ดีกว่า" พล.ต.อ.โกวิทในเวลานี้

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส นั่นปะไร เห็นเรียกกันว่า "วีรบุรุษนาแก"


และเป็นนายตำรวจไม่กี่คน หรืออาจจะเป็นคนเดียวด้วยซ้ำที่ได้รับพระราชทานเหรียญรามาธิบดี

ลองเอามาใช้ เพื่อพิสูจน์ฝีมือและความสามารถให้ "หายข้องใจ" กันเสียทีว่า ที่กล่าวขาน-ร่ำลือกันนั้น

"ราคาจริง" หรือ "ราคาคุย" กันแน่?

หรือรัฐบาลเห็นว่านายตำรวจท่านไหน "ฝีมือเข้าตา" กับสถานการณ์ปัจจุบัน


ก็น่าลอง ดีกว่าเอาความสงบสุข และความปลอดภัยในชีวิต-ทรัพย์สินประชาชน และเอาภาพลักษณ์ของประเทศ

ไปแลกกับ "พล.ต.อ.โกวิท" บนตำแหน่ง ผบ.ตร.เพียงคนเดียว!

พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ท่านแถลงเมื่อวานนี้


มีอยู่คำหนึ่งที่ "สะดุดหู-สะดุดใจ" ผมมาก เพราะการบัญญัติศัพท์นี้ขึ้นใช้

มันสะท้อนถึงการ "ยอมรับสภาพ"

มันบ่งบอกถึงการ "สิ้นประสิทธิภาพ"

และที่สำคัญ มันมีนัยถึงการขยายขอบเขตของ ปัญหา-สถานการณ์-เงื่อนไข


นอกเหนือไปจากคำว่า "อาชญากรรม" ธรรมดาทั่วๆ ไปแล้ว

ลองมาดูประโยคนี้ของพลเอกสุรยุทธ์กันหน่อย แล้วช่วยกันพินิจ-พิจารณาว่า

น่าจะเป็นลีลาบอกความเช่นนั้นใช่หรือไม่ว่า

"ขณะนี้บ้านเมืองไทย มันมีอะไรคืบคลานเข้ามาใหม่ ชนิดไม่สามารถใช้คำเรียกหาเดิมๆ สื่อความถึง "สถานการณ์" นั้นได้อย่างตรงตัวอีกแล้ว"

ในมาตรการของการระวังป้องกัน ทางกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.)


"จะเป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่ในการประสานงาน ดูแลเฝ้าระวังในช่วงระยะเวลาต่อไปว่า เราจะต้องมีมาตรการอะไรบ้าง มีวิธีการในการเฝ้าตรวจเพิ่มเติมอย่างไรบ้าง จะใช้เจ้าหน้าที่ของรัฐทุกส่วนเพิ่มเติมอย่างไรบ้าง

แต่ส่วนที่สำคัญคือ

การขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนทุกคน เราคงไม่มีใครอยากเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในลักษณะอย่างนี้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์

จึงขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนว่า

ภัยในรูปแบบใหม่ ที่เราจำเป็นจะต้องหาทางแก้ไขนั้น ต้องการความร่วมมือ ความเข้าใจจากพี่น้องประชาชน..."

ครับ..นี่คือถ้อยแถลงของพลเอกสุรยุทธ์


ท่านต้องการความร่วมมือจากประชาชน ท่านต้องการความเข้าใจจากประชาชน

ผม-ในฐานะประชาชนคนหนึ่งก็อยากถามท่านว่า ที่เหมือน "ตกหล่ม" อยู่ขณะนี้นั้น

"รัฐบาลเอาบ่าแบกล้อ แล้วเฆี่ยนควายให้เดินบ้างแล้วหรือยัง?"

คือกวดขัน "ทุกหน่วยงาน" ถึงประสิทธิภาพในการทำงานตามภารกิจแล้วหรือยัง?

ใครดี ก็ปูนบำเหน็จ

ใครย่อหย่อน ก็เด็ดหัวมันทิ้ง!

ไอ้ที่เก่งแต่ ข่มขู่ชาวบ้าน รับจ้างอุ้มฆ่า


รับจ้างรื้อไล่ที่ รับจ้างทวงหนี้ รับจ้างคุมบ่อน-คุมบาร์ รับจ้างเป็นหางหมานักการเมือง รับจ้างตั้งข้อหามั่วคดี

อะไรพวกนี้ "กวดขัน-จัดการ" กันบ้างหรือยัง?

ทำให้ประชาชนเห็นความเด็ดเดี่ยว เข้มแข็ง จริงใจ-จริงจัง จากรัฐบาลก่อน

ไม่ใช่เอะอะก็รัฐบาล "ปูผ้ากราบ" ขอส่วนบุญจากประชาชนตะพึดตะพือ!

คำว่า ภัยในรูปแบบใหม่ หมายความว่าอย่างไรครับท่านนายกฯ?

การที่ท่านใช้คำนี้กับสถานการณ์ที่ "รัฐไม่มีคำตอบให้ได้" ในขณะนี้ ผมว่าจะเป็นคำที่ช่วยเติม "ส่วนที่ขาด" ในจินตนาการกระเจิดกระเจิงของประชาชนให้เป็นรูปร่างแห่งความเชื่อว่า

"ภัยในรูปใหม่" คือการคืบคลานของ "ภัยก่อการร้าย" ที่ขยายเข้ามาฟักตัวในประเทศไทย

ไม่เพียง ๓ จังหวัดใต้ ขนาดในศูนย์กลางแห่งความเป็นประเทศไทย คือในบางกอก แห่งกรุงสยาม

"กลุ่มก่อการร้าย"

มันอยากทำอะไร มันก็ทำได้ ทุกเวลา-ทุกสถานที่ "และตอนนี้..มันกำลังได้ใจ"!?

และที่น่าตื่นตระหนกลึกๆ ก็คือ รัฐบาลไร้ขีดความสามารถในการปราบปราม-ป้องกัน ด้วยประการทั้งปวง!

เพราะประจักษ์ชัดแล้ว

เพราะพลเอกสุรยุทธ์ "ยอมรับแล้ว" ด้วยการจำแนกหมวดหมู่ "ภัยจากคนเก่าๆ" ให้ใหม่ว่าเป็น ภัยในรูปแบบใหม่!!

ผมไม่ได้พูดอะไรให้ดูน่ากลัว ผิดเพี้ยนไปจากฐานของความเป็นจริง

"ลุงผ่อง" หรือ "ผ่อง พันธุโรทัย" ท่านย้อนประโยคผมในวันก่อนที่ว่า

ปล่อยนก-ปล่อยปลา นั้นอาจได้บุญ แต่ปล่อยโจรปล้นบ้านปล้นเมือง นอกจากไม่ได้บุญแล้ว ตัวเองนั่นแหละจะถูกโจร "สนองคุณ" ในที่สุด

มาด้วยบทกลอนของสุนทรภู่ จากเรื่องพระอภัยมณี ดังนี้

ประเวณีตีงูให้หลังหัก มันก็มักทำร้ายเมื่อภายหลัง

จระเข้ใหญ่ไปถึงน้ำมีกำลัง เหมือนเสือขังเข้าถึงดงก็คงร้าย

อันแม่ทัพจับได้แล้วไม่ฆ่า ไปข้างหน้าศึกจะใหญ่ขึ้นใจหาย

ต้องตำรับจับให้มั่นคั้นให้ตาย จะทำภายหลังยากลำบากครัน.

ครับ..ว่างๆ แล้วจะเล่าเรื่อง "จอมพลถนอม กิตติขจร" ปฏิวัติซ้อนตัวเอง เมื่อ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๑๔ เพื่อแก้ปัญหาบางอย่างให้ฟัง.

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์