"ครูยุ่น"พาเด็กชายวัย 3 ขวบ ร่างสะบักสะบอม แจ้งจับพ่อเลี้ยงโหด จับหัวโขกพื้น - ชกปาก อ้างเด็กดื้อ แม่แท้ ๆ ใช้ไม้จนตัวลาย
เวลา 22.30 น.นายมนตรี สินทวิชัย หรือครูยุ่น อายุ 53 ปี เลขาธิการมูลนิธิคุ้มครองเด็ก ได้พาด.ช.ก้อง (นามสมมติ) อายุ 3 ปี เข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.เฉลียว บุญฤทธิ์ พนักงานสอบสวน(สบ1) สน.พระโขนง หลังได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า ด.ช.ก้อง ถูกพ่อเลี้ยงและแม่แท้ ๆ ทารุณกรรมทุบตีได้รับบาดเจ็บ หน้าผากบวมปูด บริเวณแก้มและตามร่างกายฟกช้ำ ภายในห้องพักเลขที่9112 อัมพรภิรมย์ อพาร์ทเมนท์ ซอยวชิรธรรมสาธิต 5 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กทม.
หลังจากได้รับแจ้งจึงเดินทางไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงพบด.ช.ก้อง อยู่ภายในห้องกับ นายปุณณพัฒน์ นรดี อายุ 28 ปี พ่อเลี้ยง สภาพใบหน้าบวมปูด และมีอาการหวาดกลัว จึงเข้าไปพูดคุยกับนายปุณณพัฒน์ แต่นายปุณณพัฒน์ไม่ยอมพูดคุยและให้นำเด็กออกมา ตนจึงโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาตรวจสอบ พร้อมกับแจ้งนางรุ่งนภา นาแล อายุ 33 ปี มารดาของเด็กให้เดินทางกลับมาที่ห้องพัก
นายมนตรี กล่าวอีกว่า ตนใช้เวลาเจรจาอยู่นานมารดาของเด็กจึงยอมให้มูลนิธินำตัวด.ช.ก้อง ไปดูแล
จากการสอบถามมารดาของด.ช.ก้องเบื้องต้นให้การว่า ได้อยู่กินกับนายปุณณพัฒน์มาประมาณ 1 ปีเศษแล้ว ทำงานเป็นพนักงานทำความสะอาดย่านสุขุมวิท ส่วนนายปุณณพัฒน์ไม่ได้ทำงานอะไร ก่อนหน้านี้ได้ส่งลูก 3 คนรวมทั้งด.ช.ก้อง ให้ยายดูแลย่านประเวศ แต่ระยะหลังไม่มีเงินส่งเสีย จึงรับตัวด.ช.ก้องมาดูแลเอง โดยรับมาอยู่ที่ห้องพักดังกล่าวกับนายปุณณพัฒน์ได้ 2 เดือน ส่วนสาเหตุที่ต้องทุบตี เป็นเพราะเด็กดื้อ โดยนายปุณณพัฒน์ได้จับหัวด.ช.ก้อง โขกกับพื้น และชกที่ปาก ส่วนมารดาก็ตบตีตามร่างกาย จนระยะหลังชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงพบเห็นและได้ยินเสียงเด็กร้องทนไม่ไหว แจ้งให้มูลนิธิเข้ามาตรวจสอบ หลังจากนี้จะรับตัวด.ช.ก้อง ไปดูแลฟื้นฟูสภาพจิตใจ ส่วนเรื่องคดีปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจต่อไป
ด.ช.ก้อง ให้การด้วยสภาพหวาดกลัวและเจ็บปวดตามร่างกาย ว่า พ่อกับแม่เป็นคนทำ พ่อชอบจับหัวโขกกับพื้นและตีตามร่างกาย รู้สึกหวาดกลัว และเจ็บที่ศีรษะ เวลาถูกตีก็จะร้อง ตนไม่อยากกลับไปอยู่กับพ่อแล้ว พ่อบอกว่าดื้อเลยต้องตี
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จะทำการสอบปากคำพ่อเลี้ยงและมารดาของด.ช.ก้อง อย่างละเอียดพร้อมทั้งส่งตัวด.ช.ก้อง ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล ซึ่งหลังจากนี้จะต้องรอผลการตรวจร่างกายเสียก่อน จึงจะทำการแจ้งข้อหาและดำเนินคดีตามกฎหมายภายหลัง