แจ้งจับนายกฯ ติดสินบนศาล รธน. คดีซุกหุ้นภาคแรก
ประธานกลุ่มพิทักษ์สิทธิเสรีภาพของประชาชน แจ้งตำรวจกองปราบ จับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ในข้อหาติดสินบนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในคดีซุกหุ้นภาคแรก
วันนี้ (22 ก.พ.) ที่กองบังคับการกองปราบปราม นายวีระ สมความคิด ประธานกลุ่มพิทักษ์สิทธิเสรีภาพของประชาชน เดินทางเข้าร่องทุกข์ต่อ พล.ต.ต.วินัย ทองสอง ผบก.ป. เพื่อให้ดำเนินคดีต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ส.ส.พรรคไทยรักไทย ในความผิดฐานให้ ขอให้ หรือรับว่าจะให้ประโยชน์อื่นใดแก่เจ้าพนักงานในตำแหน่งตุลาการตามประมวลอาญา มาตรา 167 โดยนำอาเอกสารคำให้การของพยานจำเลยทั้งห้า เมื่อวันที่ 11 ส.ค.2547 คดีอาญาหมายเลขดำที่ 2658/2545 จำนวน 9 แผ่น และสำเนาภาพถ่ายเอกสารหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ฉบับวันพฤหัสบดีที่ 14 ต.ค.47 จำนวน 3 แผ่นมาเป็นหลักฐานมอบให้กับพนักงานสอบสวน
นายวีระ กล่าวว่า จากคดีซุกหุ้นของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อปี 2544 ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมากมีมติ 8 ต่อ 7 ว่า ผู้ถูกร้องไม่มีความผิดและให้ยกคำร้องนั้น ต่อมาปรากฏว่ามีคอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์บางฉบับเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการขึ้นเบิกความของนายบัณฑิต ศิริพันธ์ พยานในคดีนี้ว่า ระหว่างการพิจารณาคดีได้มีผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดีเข้ามาวิ่งเต้นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญบางคนให้ช่วยเหลือเพื่อแลกเปลี่ยนกับตำแหน่งหน้าที่การงานของบุตรชายของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญคนนั้น ในการเป็นเลขาฯ ทูต ตามประเทศต่างๆ ตามความพอใจ หรือหากต้องการเข้ามาเป็น ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ในพรรคไทยรักไทย ก็ยินดี นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังพยายามติดสินบนตุลาการศาลรัฐธรรรมนูญอีกหลายคนด้วย
นายวีระ กล่าวต่อว่า การเข้าแจ้งความในครั้งนี้เนื่องจากหากเรื่องที่มีการกล่าวหากันในคำเบิกความไม่เป็นความจริงแล้วเหตุใดผู้ที่ถูกกล่าวอ้างถึง คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ รวมทั้งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จะเกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงเกียรติยศอย่างมาก แต่ที่ผ่านมาไม่เห็นมีผู้ใดจะออกมาฟ้องร้องฐานเบิกความเท็จกับนายบัณฑิตหรือหนังสือพิมพ์ที่ได้นำเอาคำเบิกความเรื่องนี้ออกมาเผยแพร่ จึงเชื่อว่าคำเบิกความดังกล่าวเป็นความจริงที่ พ.ต.ท.ทักษิณ และน้องสาวมีส่วนในการกระทำความผิดฐานให้สินบนกับเจ้าพนักงานจึงร้องทุกข์ให้กองปราบปรามสอบสวนดำเนินคดีต่อไป
ประธานกลุ่มพิทักษ์สิทธิเสรีภาพของประชาชน กล่าวด้วยว่า หากผู้บังคับการกองปราบปรามไม่ดำเนินการเรื่องคดีก็จะมีการฟ้องร้องดำเนินคดีกับผู้บังคับการกองปราบปราม กับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ด้วย
ด้าน พล.ต.ต.วินัย ทองสอง ผบก.ป.กล่าวว่า จะให้พนักงานสอบปากคำเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานในการดำเนินคดีต่อไป