ใต้ฆ่าผอ.รร.-ผช. สยอง 2 ศพ ยิงแล้วจุดไฟเผา [

"ใต้รุนแรงหนัก ยิงแล้วเผา"


ใกล้วันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ แต่สถานการณ์ ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ทวีความรุนแรงมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะลดลง และมีแนวโน้มจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆหลังจากมีการเปลี่ยนรัฐบาลใหม่พร้อมกับนโยบายสมานฉันท์ กลายเป็นการสร้างความชอบธรรมให้ขบวนการแบ่งแยกดินแดนได้ใจ ออกอาละวาดไล่เข่นฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ล้มตายเป็นใบไม้ร่วง โดยเฉพาะชาวไทยพุทธในพื้นที่แทบจะไม่มีแผ่นดินอยู่ ต้องอพยพหนีตายกันอลหม่าน ในขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐก็หมดปัญญาควบคุมสถานการณ์ แถมยังตกเป็นลูกไล่ให้โจรชั่วลอบถล่มอยู่ฝ่ายเดียว เพราะปัญหาการขาดเอกภาพในการทำงานและกลัวปัญหาด้านการเมือง เนื่องจากเกรงจะกระทบต่อมวลชนซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม ส่งผลให้โจรชั่วกำเริบเสิบสานประกาศปักธงรัฐปัตตานีในหลายพื้นที่นั้น

สำหรับเหตุร้ายรายวัน เริ่มที่ จ.ยะลา เมื่อเวลา 08.45 น. วานนี้ (29 ธ.ค.) ร.ต.ท.ทัศพล สุวรรณบูลย์ ร้อยเวร สภ.อ.เมืองยะลา รับแจ้งเกิดเหตุคนร้ายสังหารครู 2 รายแล้วจุดไฟเผา ที่บ้านบาโด หมู่ 2 ต.ยุโป จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.นราศักดิ์ เชียงสุข รอง ผบก.ภ.จ.ยะลา พ.ต.อ.ภูมิเพ็ชร พิพัฒน์เพ็ชรภูมิ ผกก. นายนฤพล แหละตี นอภ. เมืองยะลา และหน่วยกู้ภัยแม่ทับทิมรุดไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุอยู่บนถนนในหมู่บ้าน พบเพลิงกำลังลุกไหม้ รถกระบะอีซูซุ ดีแมกซ์ สีบรอนซ์ ทะเบียน บง 7254 ยะลา ซึ่งพุ่งชนรั้วบ้านเลขที่ 44/3 หมู่ 3 ต.ยุโป เจ้าหน้าที่รีบฉีดน้ำดับเพลิงอย่างโกลาหล ปรากฏว่าไฟไหม้รถเสีย หายทั้งคัน ห่างไปทางด้านท้ายรถราว 80 เมตร พบศพชาย 2 ราย นอนหงายอยู่บนถนน และมีไฟกำลังลุกไหม้ร่างเป็นที่น่าสยดสยอง กลิ่นเนื้อมนุษย์ไหม้ไฟเหม็นคละคลุ้ง เจ้าหน้าที่ทหาร ฉก.11 ยะลา ต้องใช้น้ำยาเคมีดับเพลิงฉีดเข้าใส่จนไฟมอดลง ปรากฏว่าทั้ง 2 ศพถูกไฟไหม้เกรียมดำเป็นตอตะโกแทบจำเค้าเดิมไม่ได้

ทราบชื่อผู้เสียชีวิตรายแรกคือ นายจำนง ชูพัฒนพงค์ อายุ 59 ปี ผอ.ร.ร.บ้านบาโด สภาพศพถูกยิงด้วยปืน 9 มม. และปืน .380 ที่ศีรษะและสีข้างขวาหลายนัด โดยศพนายจำนงที่บริเวณศีรษะถูกไฟไหม้จนเหลือแต่ กะโหลกขาวโพลน ส่วนรายที่ 2 ชื่อ นายมนูญ ศรแก้ว อายุ 53 ปี ผช.ผอ.โรงเรียนเดียวกัน ถูกยิงด้วยปืนขนาดเดียวกันที่ศีรษะและหน้าอกด้านขวาหลายนัดเช่นกัน ในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนทั้ง 2 ขนาดตกอยู่ เกลื่อนถนน เก็บรวบรวมไว้ได้ 16 ปลอก และกระสุนปืน 9 มม. ยังไม่ได้ยิงอีก 2 นัด

"ภรรยาร่ำไห้กอดศพ"


ขณะที่เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพอยู่นั้น ได้มีนางถวิล ชูพัฒนพงค์ ภรรยาของนายจำนง ซึ่งเป็นพยาบาลประจำอยู่ที่ รพ.ศูนย์ยะลา เดินทางมาที่เกิดเหตุพร้อมกับลูกชาย ขณะเดียวกันนางนงคราญ ศรแก้ว ภรรยาของนายมนูญ และลูกสาวซึ่งทราบข่าวร้าย ก็เดินทางมายังที่เกิดเหตุเช่นกัน ทันทีที่เห็นสภาพศพสามี นางนงคราญ กับลูกสาว รีบโผเข้าไปกอดร่างไหม้เกรียม ใช้มือลูบใบหน้าและเท้าศพอย่างไม่รังเกียจ ร้องไห้คร่ำครวญปิ่มว่าจะขาดใจเป็นที่น่าเวทนา สร้างความสลดหดหู่ใจให้กับผู้อยู่ในเหตุการณ์อย่างยิ่ง

จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุนายจำนง ชูพัฒนพงค์ ผอ.ร.ร.บ้านบาโด ขับรถกระบะคันดังกล่าวออกจากบ้านเลขที่ 84 หมู่ 1 บ้านลำใหม่ ต.ลำใหม่ อ.เมืองยะลา เดินทางไปรับนายมนูญ ศรแก้ว เพื่อนครูโรงเรียนเดียวกัน ที่บ้านเลขที่ 19 ซอยจินากุล ถนนคูหามุข เขตเทศบาลนครยะลา เพื่อเป็นเพื่อนร่วมเดินทางไปโรงเรียน ซึ่งอยู่ห่างจากเขตเทศบาลประมาณ 3-4 กม. โดยครูทั้ง 2 คนต่างทราบดีว่า ตัวเองเป็นบุคคลเป้าหมายของกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ จึงเตรียมอาวุธปืนขนาด .38 คนละกระบอกติดตัวไปด้วย พร้อมทั้งสลับสับเปลี่ยนเส้นทางการเดินทางเข้า-ออกโรงเรียนทุกวัน

ก่อนเกิดเหตุ นายจำนงขับรถโดยใช้เส้นทางเข้าทาง ร.ร.คณะราษฎรบำรุง 2 หมู่ 3 ต.ยุโป แล้วเลี้ยวขวาผ่านหมู่บ้านบาโด หมู่ 2 ซึ่งมีบ้านเรือนราษฎรปลูกอยู่ตลอดเส้นทาง กระทั่งอีกราว 300 เมตร จะถึงโรงเรียน ปรากฏว่ามีคนร้าย 4 คน ใช้รถ จยย.เป็นพาหนะ รถคันที่มีมือปืนนั่งซ้อนท้ายได้เร่งเครื่องเข้าประกบพร้อมใช้ปืนยิงใส่นายจำนงและนายมนูญติดต่อกันหลายนัด เป็นเหตุให้ทั้งคู่ถูกกระสุนปืนเข้าที่ลำตัวบาดเจ็บ แต่ยังมีสติเปิดประตูรถวิ่งกระเสือกกระสนหนีตายออกมาเพื่อจะไปขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน

คนร้ายที่รอจังหวะอยู่ยังไม่ละความพยายาม ตามไปยิงจ่อซ้ำเข้าที่ศีรษะครูทั้ง 2 คน จนขาดใจตายคาที่ จากนั้นคนร้ายได้แสดงความเหี้ยมโหดด้วยการใช้น้ำมันเบนซินที่เตรียมมาราดลงบนศพทั้ง 2 จนชุ่มโชกแล้วจุดไฟเผาย่างสดอย่างอำมหิต ก่อนหันไปค้นหาปืนพกของผู้เสียชีวิตที่ตกอยู่ในรถอย่างใจเย็น โดยมีชาวบ้านเห็นเหตุการณ์แต่ไม่กล้าเข้าไปช่วยเหลือ เมื่อได้ปืนแล้วคนร้ายได้ราดน้ำมันเบนซินที่รดแล้วจุดไฟเผาก่อนพากันหลบหนีไป สำหรับนายจำนง เคยเป็น ผอ.ร.ร.บ้านเบอเส้ง หมู่ 1 ต.สะเตงนอก อ.เมืองยะลา เคยถูกคนร้ายลอบเผาบ้านพักภายในโรงเรียนจนเสียหายหมดทั้งหลัง เมื่อวันที่ 15 เม.ย.2548 หลังจากนั้นได้ย้ายไปเป็น ผอ.ร.ร.บ้านบาโด กระทั่งมาถูกคนร้ายยิงแล้วเผาพร้อมนายมนูญ เพื่อนครูดังกล่าว

"โปรยตะปูเรือใบ"


พ.ต.อ.นราศักดิ์ เชียงสุข รอง ผบก.ภ.จ.ยะลา กล่าวว่า นับตั้งแต่ทำงานในพื้นที่มากว่า 15 ปี ส่วนตัวถือเหตุการณ์ครั้งนี้นับว่ารุนแรงและน่าสลดหดหู่ใจมากที่สุด คนร้ายกล้าก่อเหตุอุกอาจโดยไม่เกรงกลัวอำนาจรัฐ เป็นเพราะเราตั้งโจทย์ผิด ปัญหาความไม่ยุติธรรมและการอุ้มฆ่าในพื้นที่ไม่มีนานแล้ว มีแต่ปัญหาการแบ่งแยกดินแดน ทุกวันนี้ชาวไทยพุทธตกเป็นเป้าถูกสังหารรายวัน เพราะคนร้ายต้องการให้กลายเป็นปัญหาความแตกแยกด้านศาสนา หากเรายังคงตั้งสมมติฐานเดิมๆ จะไม่มีทางแก้ปัญหาได้อย่างแท้จริง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนเกิดเหตุฆ่าแล้วเผาครู 2 ศพนั้น เกิดเหตุคนร้ายซึ่งคาดว่าเป็นกลุ่มเดียวกันตระเวนโปรยตะปูเรือใบบนเส้นทางรอบๆ ต.ยุโป และหมู่บ้านที่เกิดเหตุ นอกจากนี้ ยังนำกล่องต้องสงสัยไปวางบนสะพานข้ามแม่น้ำปัตตานี ใกล้จุดตรวจท่าสาป และหัวสะพานข้ามแม่น้ำปัตตานี บริเวณ ร.ร.คณะราษฎรบำรุง 2 รอยต่อเขตเทศบาลนครยะลา เพื่อสกัดการติดตามของเจ้าหน้าที่ เป็นเหตุให้รถยนต์ชาวบ้านเหยียบตะปูเรือใบได้รับความเสียหายหลายคัน ส่วนวัตถุต้องสงสัย 2 จุด เมื่อชุดเก็บกู้ไปยิงทำลายแล้ว ปรากฏว่าภายในมีเพียงก้อนอิฐและทรายบรรจุอยู่

ต่อมาเมื่อเวลา 15.30 น. ที่วัดพุทธภูมิ อ.เมืองยะลา ได้มีพิธีอาบน้ำศพนายจำนง ชูพัฒนพงศ์ ผอ.ร.ร.บ้านบาโด และนายมนูญ ศรแก้ว ผช.ผอ.โรงเรียนเดียวกัน โดยมีนายธีระ มินทราศักดิ์ ผวจ.ยะลา พร้อมด้วยนายเดชรัฐ สิมศิริ ปลัดจังหวัดยะลา นายอดินันท์ ปากบารา ผอ.สพท.เขต 1 ยะลา และบรรดาเพื่อนครูในพื้นที่จังหวัดยะลานับร้อยคนเข้าร่วมในพิธี บรรยากาศเป็นไปด้วยความเศร้าสลด

นายอดินันท์ ปากบารา ผอ.สพท.เขต 1 ยะลา กล่าวว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ส่งผลให้ครูและบุคลากรทางการศึกษารู้สึกสะเทือนใจและเสียขวัญกำลังใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นสิ่งที่โหดร้ายทารุณ ส่งผลกระทบต่อการเรียนการสอนอย่างแน่นอน จากนี้ไปจะเน้นให้ประชาชนในพื้นที่เข้ามาร่วมเป็นกำลังสำคัญในการดูแลความปลอดภัยกับคณะครู พร้อมได้เน้นย้ำให้ครูทุกคนระมัดระวังตนเองมากยิ่งขึ้น ในส่วนมาตรการของเจ้าหน้าที่ขอให้มีการดูแลความปลอดภัยให้กับครูอย่างใกล้ชิด และให้ปฏิบัติตามแผนอย่างต่อเนื่อง ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากให้มีการสับเปลี่ยนกำลังบ่อยครั้ง อย่างไรก็ตาม จากที่ได้พูดคุยกับคณะครู ร.ร.บ้านบาโด ทุกคนยังยืนยันที่จะปฏิบัติหน้าที่ และไม่ขอย้ายออกจากพื้นที่อย่างแน่นอน

"คนร้ายลอบวางเพลิง"


ด้านนายสัญญา สุวรรณโพธิ์ ประธานสมาพันธ์ครูจังหวัดยะลา กล่าวถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า นับเป็นการสูญเสียบุคลากรทางการศึกษาที่มีบทบาทสำคัญของกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องบ่อยครั้งจนกลายเป็นสถานการณ์ซ้ำซาก จึงไม่อยากจะโทษและตำหนิใคร เชื่อว่าทุกฝ่ายทำงานอย่างเต็มที่แล้ว แต่กลุ่มคนร้ายมักฉวยโอกาสและหาช่องว่างก่อเหตุจนได้ ดังนั้น ครูในพื้นที่ทุกคนต้องเพิ่มความระมัดระวังตนเองให้มากขึ้น ในส่วนของสมาพันธ์ครูฯคงจะไม่เข้าไปดำเนินการหรือกดดันในเรื่องใด เนื่องจากในอดีตที่ผ่านมามีการเรียกร้องมามากแล้ว แต่เหตุการณ์ก็ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะรัฐบาลยังมีความอ่อนแออยู่ และนับวันเหตุร้ายจะยิ่งเพิ่มความรุนแรงมากขึ้น

ช่วงเช้าวันเดียวกัน พ.ต.อ.อลงกรณ์ สีมาวุธ ผกก. สภ.อ.ธารโต นำกำลังไปตรวจสอบที่เกิดเหตุคนร้ายลอบวางเพลิงเผาบ้านไม่มีเลขที่ของนายแบมะ ปูเต๊ะ ซึ่งปลูกสร้างอยู่ในสวนยางพาราที่บ้านผ่านศึก หมู่ 2 ต.คีรีเขต เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ปรากฏว่า บ้านไม้ยกพื้นสูงถูกไฟไหม้เสียหายทั้งหลัง โชคดีขณะเกิดเหตุนายแบมะพาครอบครัวกลับภูมิลำเนาที่ จ.ปัตตานี เพื่อฉลองตรุษอีดิลอัฎฮา หรือวันรายอฮัจญ์ ในวันที่ 31 ธ.ค.นี้ จึงไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ต่อมาในช่วงบ่าย เกิดเหตุยิงกันที่ปากทางเข้าบ้านบาตูปูเต๊ะ หมู่ 6 ต.บ้านแหร อ.ธารโต ผู้บาดเจ็บ 2 ราย ชื่อนายอับดุลสาและ แยกาจิ อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 22 หมู่ 6 ต.บ้านแหร ถูกยิงด้วยปืนเข้าที่แขนซ้ายกระดูกแตก และ ด.ญ.ซูเฟีย แยกาจิ อายุ 2 ขวบ ลูกสาว ถูกกระสุนปืนที่ข้อศอกซ้ายกระดูกแตกเช่นกัน ก่อนเกิดเหตุนายอับดุลสาและ พาลูกสาวนั่งซ้อนท้ายรถ จยย.ออกไปดูแพะที่ล่ามไว้ให้กินหญ้าบริเวณปากทางเข้าหมู่บ้าน ขณะเดินทางกลับ ถูก 2 คนร้าย ขี่รถ จยย.ตามประกบยิง

ขณะที่ จ.ปัตตานี ก็เกิดเหตุรุนแรงไม่แพ้กัน โดยเมื่อเวลา 10.30 น. ร.ต.ต.ธวัชชัย คงมั่น ร้อยเวร สภ.อ.ปะนาเระ นำกำลังไปตรวจสอบที่เกิดเหตุที่ร้านขายของชำตั้งอยู่ในตลาดนัด เลขที่ 195 หมู่ 1 ต.ปะนาเระ พบผู้เสียชีวิตนอนตายอยู่ภายในร้าน ชื่อนายธรรมนูญ ปราโมทย์ไพบูลย์ อายุ 50 ปี เจ้าของร้านดังกล่าว สภาพศพถูกยิงด้วยปืน .38 เข้าศีรษะและลำตัว รวม 2 นัด ขณะตรวจสอบที่เกิดเหตุปรากฏว่าพบวัตถุต้องสงสัยวางอยู่ หน้าร้าน จึงให้ชุดเก็บกู้เข้าตรวจสอบปรากฏว่าเป็นระเบิดปลอม โดยก่อนเกิดเหตุผู้ตายนั่งขายของอยู่ในร้าน ปรากฏว่ามีคนร้าย 2 คนขี่รถ จยย.มาจอด คนซ้อนท้ายลงมาทำทีซื้อบุหรี่ จากนั้นชักปืนยิงใส่ทันที กระสุนถูกนายธรรมนูญเสียชีวิต

"ยิงกลางหลังทะลุหน้าอก"


ต่อมาเวลา 13.30 น. พ.ต.ท.สการียา ยูโซ๊ะ รอง ผกก. สส.สภ.อ.สายบุรี จ.ปัตตานี รับแจ้งมีคนถูกยิงภายในปั๊มน้ำมันเชลล์ ถนนสายบุรี ต.ตะลุบัน ไปตรวจสอบพบกองเลือดจำนวนมากอยู่ที่หัวจ่ายน้ำมัน ส่วนคนเจ็บถูกส่งไป รพ.สมเด็จพระยุพราชสายบุรี ทราบชื่อนายดนัย เทพพรหม อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 11 ซอย 1 ถนนกลาพอ ต.ตะลุบัน ถูกยิงด้วยปืนพกเข้าคาง และกลางหลังทะลุหน้าอก รวม 2 นัด อาการสาหัส สอบสวนทราบว่า นายดนัยเป็นพนักงานขายน้ำมันที่ปั๊มดังกล่าว ก่อนเกิดเหตุกำลังเติมน้ำมันให้กับลูกค้า จู่ๆมี 2 คนร้ายขี่รถ จยย.เข้ามาในปั๊ม จากนั้นชักปืนยิงทันที กระสุนถูกนายดนัยล้มลงกองกับพื้น คนร้ายรีบเร่งเครื่องหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว

ก่อนหน้านั้นเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา พ.ต.อ.สุรศักดิ์ ศรีคล้าย ผกก.สภ.อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี นำกำลังไปตรวจสอบเหตุยิงกันบนถนนสายคลองชลประทาน หมู่ 1 ต.ม่วงเตี้ย พบผู้เสียชีวิตนอนตายใกล้รถ จยย. ทราบชื่อนายแวหะมะ ปอแซ อายุ 45 ปี ถูกยิงด้วยปืนเข้าลำตัว 4 นัด สอบสวนทราบว่า ขณะที่ผู้ตายขี่รถ จยย.จะกลับบ้าน ถูก 2 คนร้ายขี่รถ จยย.ตามประกบยิง เวลาไล่เลี่ยกัน ขณะที่นายไพรุต สาและ อายุ 16 ปี อยู่บ้านเลขที่ 142 หมู่ 3 ต.บาโรย อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ขี่รถ จยย.มาตามถนนสายปัตตานี-นราธิวาส หมู่ 3 ต.ทุ่งคล้า อ.สายบุรี ปรากฏว่าถูก 2 คนร้ายขี่รถ จยย.ตามประกบยิงจนเสียหลักล้มข้างทาง และเสียชีวิตขณะนำส่ง รพ.สายบุรี หลังเกิดเหตุ พ.ต.ท.สการียา ยูโซ๊ะ รอง ผกก.สส.สภ.อ.สายบุรี นำกำลังไปที่เกิดเหตุ สอบสวนทราบว่าผู้ตายขี่รถ จยย.มาจาก จ.นราธิวาส มุ่งหน้ากลับบ้าน ถึงที่เกิดเหตุถูกคนร้ายตามประกบยิง

ด้าน จ.นราธิวาส คนร้ายยังก่อเหตุอย่างต่อเนื่องเช่นกัน เมื่อเวลา 09.30 น. ร.ต.ต.เด่นพงศ์ เต็มยอด ร้อยเวร สภ.อ.สุไหงปาดี รับแจ้งพบวัตถุต้องสงสัยวางอยู่ริมถนนสายสุไหงปาดี-สุไหงปาดีใน บ้านต้นไม้สูง หมู่ 2 ต.ปะลุรู จึงนำกำลังพร้อมชุดเก็บกู้ระเบิด ตชด.447 ไปตรวจสอบ พบกล่องเหล็กพันด้วยเทปกาวสีดำวางอยู่ จึงตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือแล้วเข้าไปตรวจสอบ ก่อนยิงทำลายด้วยปืนแรงดันน้ำแล้วทำการเก็บกู้พบเป็นระเบิดแสวงเครื่องหนัก 5 กก. มีชิ้นส่วนอุปกรณ์ระเบิดครบถ้วน โดยคนร้ายทำระเบิดเป็น 2 ชั้น ชั้นแรกจะใช้สายไฟฟ้าจุดชนวนด้วยแบตเตอรี่ ส่วนชั้นที่ 2 คนร้ายต่อวงจรจุดระเบิดไว้ด้านใน เมื่อเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้แกะระเบิดชั้นแรก ระเบิดชั้นที่ 2 จะทำงานทันที แต่ ตชด.ชุดเก็บกู้เกิดความสงสัย จึงใช้ ปืนยิงทำลาย ทำให้รอดตายหวุดหวิด

"วางเพลิงเผารถยนต์"


ก่อนหน้านั้นเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา คนร้ายได้ลอบวางเพลิงเผารถยนต์ที่จอดอยู่ในโรงโม่หินร้างริมถนนจารุเสถียร บ้านไอกูบู หมู่ 1 ต.สุไหงปาดี หลังรับแจ้ง พ.ต.อ.ปราบพาล มีมงคล ผกก.สภ.อ.สุไหงปาดี นำกำลังตำรวจนั่งรถตราโล่ หมายเลข 40025 และหมายเลข 39495 ไปตรวจที่เกิดเหตุ เมื่อถึงสะพานคลองตลิ่งสูงระหว่างหมู่ 1 กับหมู่ 9 ต.สุไหงปาดี ห่างจากโรงโม่หินร้างราว 300 เมตร คนร้ายที่ลอบวางระเบิดแสวงเครื่องเอาไว้ที่หัวสะพานทั้ง 2 ด้าน แล้วใช้ถุงพลาสติกปิดทับเอาไว้ลากสายไฟฟ้าเข้าไปในป่าข้างทาง ได้กดชนวนระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่น เจ้าหน้าที่จึงยิงตอบโต้นาน 5 นาที คนร้ายพากันหลบหนีไป ตำรวจปลอดภัยแต่รถยนต์ทั้ง 2 คัน ถูกสะเก็ดระเบิดเสียหายเล็กน้อย สำหรับที่เกิดเหตุเผารถยนต์พบว่า คนร้ายใช้น้ำมันเบนซินราดรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า สีน้ำเงิน ทะเบียน น-7011 ยะลา แล้วจุดไฟเผาเสียหายทั้งคัน

เวลาไล่เลี่ยกัน ขณะที่นายบรอเฮม ยะโกะ อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 48 หมู่ 5 บ้านกูวา ต.ริโก๋ อ.สุไหงปาดี เป็น ชรบ.บ้านกูวา ขี่รถ จยย.กลับจากเข้าเวร รปภ.หมู่บ้าน ปรากฏว่าถูกคนร้ายที่ดักซุ่มอยู่ในป่าข้างทางกราดยิงด้วยปืนอาก้า ปืนเอ็ม 16 และปืนลูกซอง กระสุนถูกศีรษะและใบหน้าหายไปทั้งแถบ เสียชีวิตคาที่ ร.ต.ท.กฤษณะ เข็มกลัดทอง ร้อยเวร สภ.อ.สุไหงปาดี นำกำลังไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนขนาดต่างๆรวมเกือบ 10 ปลอก สาเหตุเป็นการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบ

ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 12.30 น. นายพระนาย สุวรรณรัฐ ผอ.ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการร่วมประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ถึงการแก้ปัญหาความไม่สงบชายแดนภาคใต้ ว่า ทาง ศอ.บต.จะนัดประชุมกับทีมงานในสัปดาห์แรกของเดือน ม.ค. เพื่อจัดทีมบิวดิ้ง จะอยู่ด้วยกัน 3 วัน 3 คืน ในสถานที่แห่งหนึ่ง เพื่อทำความเข้าใจภาพรวมในการปฏิบัติงาน ศอ.บต.จะเน้นการทำงานด้านพลเรือน ทำความเข้าใจกับชาวบ้านให้มีความรู้สึกที่ดีต่อรัฐ เหมือนเป็นพี่เลี้ยงแก่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้ข้าราชการเกิดความมุ่งมั่นในการทำงาน ได้รับขวัญกำลังใจมากขึ้น ส่วนการจัดการด้านความมั่นคงและเหตุร้ายรายวัน รวมทั้งการข่าวเป็นหน้าที่ของฝ่ายความมั่นคง

"อยากให้รัฐบาลจัดการอย่างจริงจังได้แล้ว"


เมื่อเวลา 14.00 น. ที่พรรคไทยรักไทย นายวีระ มุสิกพงศ์ รักษาการกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย กล่าวถึงแนวทางการแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ภายใต้การบริหารงานของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ว่า ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้นับวันยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น และรุนแรงยิ่งกว่าสถานการณ์ในภูมิภาคตะวันออกกลาง อิสราเอล และปาเลสไตน์ อยากถามว่าเหตุใดผู้ก่อการร้ายถึงกระทำการฝ่ายเดียว โดยไม่มีการปะทะจากฝ่ายตำรวจและทหาร รัฐบาลปัจจุบันได้ให้ความสำคัญต่อ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้หรือไม่ เดิมมีการตั้งสมมติฐานจากหลายฝ่าย โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ถ้าหาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นลาออก รวมทั้งฟื้นฟู ศอ.บต. สถานการณ์จะดีขึ้น แต่วันนี้ เมื่อมี ศอ.บต. สถานการณ์ก็ยังไม่สงบ ยังมัวแต่ชักช้าโอ้เอ้ มีปัญหาเรื่องงบประมาณและกำลังคน ปีใหม่นี้จึงอยากขอให้รัฐบาลและ คมช. เลิกรับกระเช้าดอกไม้ แล้วลงไปคลุกคลีในพื้นที่เพื่อแก้ปัญหาอย่างจริงจัง

นายวีระกล่าวว่า สำหรับการที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธาน คมช. เดินทางไปประเทศซาอุดีอาระเบีย เพื่อประกอบพิธีฮัจญ์และพูดคุยหารือกับผู้นำประเทศมุสลิมนั้น ไม่รู้ว่าก่อนไปได้ปรึกษาหารือกับผู้เชี่ยวชาญด้านต่างประเทศหรือไม่ว่า การเดินทางไปไม่ใช่ในฐานะนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีต่างประเทศ หรือประมุขของรัฐ แต่เดินทางไปในนามประธาน คมช. ซึ่งเป็นสถานะที่แปลก มีประเทศเดียวในโลก เป็นห่วงว่าจะเป็นการเจรจาเพื่อแก้ปัญหาหรือจะยกระดับปัญหาภาคใต้ไปสู่สากล ตามที่วงการทูตเห็นวิพากษ์วิจารณ์กัน น่าห่วงมากว่าจะนำไปสู่การเสียดินแดนหรือไม่ ส่วนตัวทราบว่า ขณะนี้มีการจัดตั้งองค์กรไทยพุทธ เพื่อมาดูแลความปลอดภัยกันเอง ซึ่งปัญหาในพื้นที่ต่อไปอาจจะลุกลามบานปลายเป็นปัญหาแบ่งแยก ฉะนั้นอยากให้รัฐบาลหันมาสนใจคนกลุ่มนี้อย่างจริงจัง โดยการลงไปสร้างความเข้าใจอย่าปล่อยให้เป็นการจัดตั้งกองกำลังประชาชนปะทะกับประชาชน เพราะจะทำให้ปัญหาบานปลาย

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์