ประวุฒิ เผย เปลี่ยนพงส.คดีรับส่วยโอเกะ

โฆษก สตช. เผย กรณี ผกก.สอบสวนกลาง ขอเปลี่ยน พงส. ในคดีที่ถูกกล่าวหา รับส่วยคาราโอเกะ เพราะเป็นคู่ความกันอยู่ สั่งการให้เปลี่ยนแล้ว

พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ตามที่ พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้กำกับการฝ่ายอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้ยื่นคำร้องขอให้ พล.ต.อ.สถาพร หลาวทอง เจรตำรวจแห่งชาติ เปลี่ยนตัว พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม เจรตำรวจสบ 8 ในฐานะเป็นหัวหน้าสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง

กรณี พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ เก็บส่วยร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือ ภาคอีสาน โดยในคำร้อง พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้ระบุว่า ต้องการให้เปลี่ยนตัวจาก พล.ต.ท.สมคิด เป็นบุคคลอื่น

เนื่องจาก พล.ต.ท.สมคิด เป็นคู่ความในคดีที่ พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ ฟ้องคดีอาญา ซึ่ง พล.ต.อ.สถาพร ได้สั่งการให้เปลี่ยนเป็น พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง

โดยสำนวนการสืบสวนข้อเท็จจริง  ที่ได้ดำเนินการมามอบหมายให้ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ดำเนินการต่อ หากพบว่าการสอบสวนข้อเท็จจริงมีหลักฐาน ก็จะตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงต่อไป

ส่วนกรณีที่ พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ ฟ้องร้องคดีอาญาต่อ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ นายตำรวจระดับผู้บังคับบัญชา รวม 14 นาย พล.ต.ต.ประวุฒิ กล่าวยอมรับว่า ยังรู้สึกแปลกใจ เรื่องดังกล่าวยังไม่มีการตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงด้วย แต่เหตุใดจึงมีการฟ้องร้องเป็นคดีอาญาก่อน ซึ่งศาลจะรับฟ้องหรือไม่ คงต้องติดตามต่อไป