ไฟเผาโรงเรียนปรางค์กู่ปะทุซ้ำ

เมื่อเวลา 04.30 น. วันที่ 26 ธ.ค. ที่โรงเรียนปรางค์กู่ อ.ปรางค์กู่ จ.ศรีสะเกษ ได้เกิดเพลิงไหม้ซ้ำขึ้นที่บริเวณห้องโปงลางอาคารเรียน 1 ซึ่งเป็นบริเวณที่เกิดเพลิงไหม้เมื่อวันที่ 25 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยเพลิงไหม้ได้เกิดขึ้นที่บริเวณฝ้าเพดานบนห้องโปงลาง ซึ่งมีกองหนังสือที่ถูกไฟไหม้กองอยู่เป็นจำนวนมาก ไฟได้ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะนั้น นายกิจจา เตารัตน์ ครูที่อยู่เวรยามเห็นเหตุการณ์ จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และรีบระดมกำลังกันดับเพลิงอย่างเต็มที่ โดยได้ขอรถดับเพลิงมาจากเทศบาล ต.ปรางค์กู่ เทศบาลต.ห้วยเหนือ และเทศบาลต.ห้วยทับทันมาช่วยกันฉีดน้ำ ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ก็สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ สาเหตุจากการดับไฟวันก่อนยังไม่สนิทดี

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองผบ.ตร. ฝ่ายป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ได้เรียกพล.ต.ท.จงรัก จุฑานนท์ พล.ต.ท.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ผู้ช่วยผบ.ตร. พล.ต.ต.ประพัฒน์ คนตรง รองผู้บัญชาการสำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ตำรวจ และผู้บังคับการจังหวัด 18 จังหวัด ที่เกิดเพลิงไหม้โรงเรียน เข้าประชุมสืบสวนสอบสวนกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้โรงเรียนบ่อยครั้งในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา โดยใช้เวลา ประชุม 2 ชั่วโมง

พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวภายหลังการประชุมว่า การประชุมครั้งนี้เนื่องจากมีข้อสงสัยเกิดเหตุเพลิงไหม้โรงเรียนเกิดขึ้นบ่อยครั้งในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ในพื้นที่ บช.ภ. 3, 4, 5, 6, 7 ไม่นับรวมภาค 9 รวมทั้งหมด 18 จังหวัดเกิดเหตุเพลิงไหม้ทั้งหมด 34 ครั้ง เป็นการวางเพลิง 7 ครั้ง ไฟฟ้าลัดวงจร 13 ครั้ง เกิดจากความประมาท 5 ครั้ง และอยู่ระหว่างสืบสวนหาสาเหตุ ทั้งหมด 9 ครั้ง

ที่ พล.ม.2 รอ. พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.และประธาน คมช.กล่าวถึงกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้หลายพื้นที่ในภาคเหนือและอีสานว่า การแก้ปัญหาไฟไหม้เราคงจะทำให้มันหายหรือหมดไปไม่ได้ นอกจากทำให้คนมีความรู้สึกและนึกว่าชาติบ้านเมืองมีความสำคัญขนาดไหน และควรจะทำอย่างไร หากเราจะไปทำในทุกที่คงจะลำบาก

เมื่อถามถึงการพิสูจน์สาเหตุของการลอบวางเพลิง พล.อ.สนธิ กล่าวว่า การพิสูจน์เรื่องการวางเพลิงทำได้ง่าย เพราะมีสารเริ่มต้นในการติดไฟ ซึ่งประเด็นว่าเพลิงไหม้แต่ละแห่งเกิดจากการวางเพลิงหรือไม่พิสูจน์ได้ง่าย ซึ่งตรงจุดนี้ผู้ว่าราชการจังหวัด และกระทรวงศึกษาธิการ กำลังหารือกันอยู่ ซึ่งเรามีการทำร่วมกัน เรามีมาตรการให้เขาแล้ว ทั้งนี้ ต้องไปถามกระทรวงศึกษาธิการว่าจะเพิ่มมาตรการอะไรบ้าง หรือเพิ่มจำนวนคนในการดูแล ซึ่งเราคิดกันไปแล้ว