ผกก.สน.พญาไท เผย"พันเอก"ให้ปากคำเพิม มอบกล้อง,เสื้อผ้าวันเกิดเหตุให้พิสูจน์ ลูกสาวยังไม่ให้ปากคำ รองผบก.น.1 รอแพทย์อนุญาตสอบถาม"หมอมุก"
เมื่อเวลา 11.00 น. ที่สถานีตำรวจนครบาลพญาไท พันเอกศักดิ์สิทธิ์ ภู่กลั่น ผู้อำนวยการกองกลาง สำนักงานปลัดบัญชีทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย ผู้ต้องหาขับรถชน พันตรีแพทย์หญิงหทัยพร หรือ หมอมุก อิ่มวิทยา แพทย์ ร.พ.พระมงกุฏ นายอนุสรณ์ พสุธาพรหม ทนายความ และนายทหารพระธรรนูญ เข้าพบ พ.ต.อ.สมาน รอดกำเนิด ผกก.สน.พญาไท และ พ.ต.ท.โชติ สุวรรณจุณีย์ รอง ผกก.สส.สน.พญาไท เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมคดีขับรถชน พ.ต.พญ.หทัยพร พร้อมนำหลักฐานกล้องดิจิตอล ยี่ห้อแคนนอน รุ่น IXUS 75 ใช้ถ่ายภาพ พ.ต.พญ.หทัยพร และเสื้อผ้าสวมใส่ในวันเกิดเหตุของครอบครัวมามอบให้ตำรวจด้วย
พ.ต.อ.สมาน เปิดเผยว่า ได้ทำหนังสือแจ้ง พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ให้มาให้ปากคำเพิ่มเติม พร้อมนำหลักฐานกล้องถ่ายภาพ เสื้อผ้าของ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ภรรยา และลูกสาวสวมใส่ในวันเกิดเหตุมามอบ เพื่อส่งให้กองพิสูจน์หลักฐาน(พฐ.)ตรวจสอบ แต่เมื่อวาน(27 มิ.ย.) พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ บอกว่าทำบุญก่อน และมาในวันนี้แทน ซึ่งยังไม่ได้เป็นผู้ต้องหา ต้องรอผลตรวจพิสูจน์หลักฐานเสียก่อน เพื่อชี้ชัดใครเป็นคนขับ
"ส่วนลูกสาวพันเอกศักดิ์สิทธิ์ ยังไม่ติดต่อเข้าให้ปากคำ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นลูกสาวเป็นตัวละครที่พันเอกศักดิ์สิทธิ์ อ้างถึง ดังนั้นจึงต้องให้พาเข้ามาให้ปากคำด้วย" ผกก.สน.พญาไท ระบุ
พ.ต.อ.สมาน กล่าวอีกว่า หากลูกสาวยังไม่มา คิดว่าก็คงไม่ต้องออกหมายเรียก เนื่องจากไม่ได้มีความสำคัญขนาดนั้น และไม่ได้รีบร้อน
ส่วนกรณีมีผู้วิพากษ์วิจารณ์ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ รับผิดแทนลูกสาวหรือรับผิดแทนผู้มีพระคุณนั้น ยังมองไม่เห็นจะทำอย่างนั้นเพื่ออะไร ที่สำคัญผลการตรวจพิสูจน์ยังไม่ชัดเจน ไม่สามารถระบุได้ใครคือคนขับรถตัวจริง ส่วนเรื่องโทรศัพท์ข่มขู่ไปที่โรงพยาบาลนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบ ยังไม่มีกำลังไปรักษาความปลอดภัย มีเพียงสายสืบนอกเครื่องแบบคอยแวะเวียนไปหาข่าว และตำรวจไปรับและไปส่งมารดาของหมอมุก เนื่องจากอายุมากแล้ว จะเดินทางลำบาก อย่างไรก็ตาม ผู้บังคับบัญชาได้เน้นย้ำให้ปฏิบัติอย่างตรงไปตรงมา ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งตนและพนักงานสอบสวนไม่ได้รู้สึกหนักใจ
ขณะที่ พันเอกศักดิ์สิทธิ์ กล่าวว่า ก่อนจะเข้ามาสน.พญาไท กับมารดาพร้อมทนายความได้ไปเยี่ยมหมอมุกที่ ร.พ.พระมงกุฏ
แต่ตนไม่ได้ขึ้นไป เพราะกลัวคนจะมองไม่ดี มีแม่เข้าไปเยี่ยมและพูดคุยกับแม่หมอมุก วันนี้ได้นำหลักฐานกล้องดิจิตอล พร้อมเสื้อผ้าตน ภรรยา และลูกสาวใส่วันเกิดเหตุมามอบพนักงานสอบสวน นำไปประกอบหลักฐาน ผู้สื่อข่าวขอคำยืนยันว่า ไม่ได้รับผิดแทนใคร และถามถึงลูกสาวเหตุใดจึงยังไม่มาให้ปากคำกับตำรวจ พันเอกศักดิ์สิทธิ์ ส่ายหน้าแล้วตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉยสั้น ๆ ว่า เป็นคนขับรถเอง ส่วนลูกสาวยังไม่พร้อมจะพามา แต่ไม่รู้สึกกดดัน เพราะทุกอย่างก็ดำเนินไปตามที่เป็น
ส่วน นายอนุสรณ์ ทนายความ กล่าวว่า ช่วงเช้า พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์กับมารดาไปเยี่ยมหมอมุกเพื่อให้กำลังใจ ขอให้หายเร็ว ๆ
โดยแม่พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์เดินทางมาจากลำพูน เพราะเห็นข่าวแล้วรู้สึกไม่สบายใจ อยากมาเยี่ยมตั้งนานแล้ว แต่เห็นว่ายังอยู่ห้องไอซียูจะรบกวน จึงมาในช่วงหมอมุกอาการดีขึ้นแล้ว นอกจากนี้ มารดาของพ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ยังได้มอบพระแก้วมรกตให้หมอมุกด้วย อีกทั้งยินดีจะรับผิดชอบและบรรเทาทุกข์ครอบครัวหมอมุกอย่างเต็มที่ เนื่องจากเข้าใจหัวอกคนเป็นแม่ดี
ถัดมา พ.ต.อ.วีรวิทย์ จันทร์จำเริญ รองผบก.น.1 กล่าวว่า วันนี้เท่าที่ทราบ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ได้ติดต่อเข้ามาเพื่อนำหลักฐานมามอบให้เพิ่มเติม
ส่วนกรณีลูกสาวและเพื่อนยังไม่ได้ติดต่อกับทางตำรวจว่า จะมาให้ปากคำวันไหน เนื่องจากกลัวกองทัพสื่อมวลชนที่มารอทำข่าว ส่วนกรณีการสอบปากคำของหมอมุกต้องรอให้แข็งแรงก่อน และจะต้องสอบถามกับทีมแพทย์ด้วยว่าสามารถเข้าสอบปากคำได้หรือไม่ เนื่องจากเป็นพยานปากสำคัญ เบื้องต้นผลการตรวจจากกองพิสูจน์หลักฐานจะออกในช่วงบ่ายของวันนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเดินทางมาของพ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ในวันนี้มีสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะเข้าไปให้ปากคำและโชว์กล้องดิจิตอลที่ใช้ถ่ายรูปหมอมุก โดยยืนยันว่าถ่ายไว้เพียงใบเดียว