ขโมยสุดแสบย่องมาลักกุมารทองไปแล้ว กลับย้อนรอย มาลักของเล่นกุมารที่ร้านข้าวแกงปักษ์ใต้ อีกรอบคาดเห็นขายดีเลยเอาไปบูชา
วันนี้(19 มิ.ย. )ผู้สื่อข่าวรับแจ้งจาก น.ส.ปิยะภรณ์ สาททอง อายุ 34 ปี เจ้าของร้านข้าวแกงครัวปักษ์ใต้ เลขที่ 3/6 หมู่ 2 ต.ศาลาแดง อ.เมืองอ่างทอง จ.อ่างทอง ว่าที่ร้านถูกหัวขโมยเข้ามาขโมยกุมารทองและของเล่นที่ใช้บูชากุมารไป พร้อมเครื่องบูชาอีกหลายอย่าง จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบเป็นร้านขายข้าวแกงอยู่ริมถนนสายโพธิ์พระยา-ท่าเรือ หมู่ 2 ต.ศาลาแดง อ.เมืองอ่างทอง จ.อ่างทอง ภายในร้านมีลูกค้าที่มานั่งกินข้าวอยู่เป็นจำนวนมาก
โดย น.ส.ปิยะภรณ์ เห็นผู้สื่อข่าวก็รีบเดินเข้ามาหา และพาไปชี้ยังจุดที่ตั้งกุมารทอง ก็พบว่าเป็นตู้กระจกทำด้วยไม้ ชั้นบนสุดของตู้ทำเป็นที่สำหรับบูชากุมารทอง หัวฤาษี และนางกวัก ส่วนภายในตู้กระจกซึ่งแบ่งเป็น 4 ชั้น พบของเล่นเด็กไม่ว่าจะเป็นตุ๊กตา รถและเครื่องบินเด็กเล่นวางอยู่จำนวนหนึ่ง
จากการสอบถาม น.ส.ปิยะภรณ์ กล่าวว่า ตนมีอาชีพขายข้าวแกงปักษ์ใต้ ทำมากว่า 10 ปี แล้ว ตนมีความเชื่อในเรื่องของการบูชาสิ่งที่ดึงดูดลูกค้าไม่ว่าจะเป็นนางกวัก กุมารทอง หัวฤาษี หรือสิ่งต่าง ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ให้โชคลาภ ตั้งแต่ตนค้าขายมาก็พยายามหาสิ่งเหล่านี้มาบูชามาโดยตลอด ปรากฏว่า ค้าขายดี มีลูกค้าเข้ามาซื้อข้าวแกงเป็นจำนวนมาก ซึ่งทุกเช้าก่อนเปิดร้านตนก็จะไปบูชาบอกกุมารว่า หากวันนี้ขายดีจะซื้อของเล่นมาให้ ซึ่งทุกวันตนก็จะขายดีจึงต้องซื้อของเล่นมาให้กุมารทองอยู่เป็นประจำจนเต็ม ตู้ ไม่ว่าจะเป็นตุ๊กตา รถ เครื่องบิน หรือมีดดาบพลาสติก
แต่แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อเดือนที่แล้วนางกวักที่เคยบูชาอยู่บนหลังตู้ก็เกิดหายไป และหลังจากนั้นไม่นานกุมารทอง หัวฤาษี ผ้ายันต์ รูปภาพวัตถุมงคลที่ติดอยู่ข้างเสา ตุ๊กตาปูนปั้น ไห ที่ตั้งอยู่ริมบ่อปลาก็ได้ทยอยหายไปอีก และล่าสุดเมื่อเช้านี้ขณะที่ตนกำลังเปิดร้าน ก็ได้สังเกตเห็นว่าบานประตูตู้ที่เก็บของเล่นได้มีการเปิดทิ้งไว้ ตนจึงเข้าไปดูก็พบว่าของเล่นภายในตู้ได้หายไปจำนวนหนึ่ง โดยเฉพาะมีดดาบพลาสติกจำนวนกว่า 10 เล่ม ที่อยู่ในตู้ได้หายไปทั้งหมด
“กุมารทองและนางกวักที่บูชาอยู่ตอนนี้เป็นตัวที่ 2 แล้ว โดยกุมารทองตัวแรกได้มากจากการไปทอดผ้าป่า วัดวังจิก อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี หลังถูกขโมยก็ไปที่วัดวังจิกอีกครั้ง พร้อมกับเล่าเรื่องให้หลวงพ่อฟัง ท่านจึงได้มอบกุมารให้มาบูชาใหม่” น.ส.ปิยะภรณ์กล่าว
น.ส.ปิยะภรณ์กล่าวอีกว่า ส่วนนางกวักนั้นบูชามาจากวัดต้นสน จ.อ่างทอง ซึ่งหลังจากบูชามาไว้ที่ร้านก็ขายดิบขายดีมาโดยตลอด ทุกวันนี้เมื่อจะปิดร้านตนก็ต้องนำกุมารทอง นางกวัก และของบูชาที่อยู่บนหลังตู้ ขึ้นไปเก็บไว้ในบ้านทุกวัน โดยไม่คาดคิดว่าของเล่นในตู้จะหายตามไปด้วย ก็คาดว่าหัวขโมยดังกล่าวคงจะเห็นว่าร้านตนขายดี จึงได้เข้ามาขโมยของที่ตนบูชาไว้ไปบูชาเอง ซึ่งพอหลังจากที่ขโมยกุมารทองไปแล้ว วันต่อมาคงเพิ่งคิดได้ว่ากุมารทองจะต้องมีของเล่นด้วย จึงกลับมาขโมยของเล่นไปอีก
สาเหตุที่ตนสันนิษฐานแบบนี้ก็เพราะว่า ในร้านของตนนอกจากพวกกุมารทองและนางกวักแล้ว ยังมีพวกอุปกรณ์ในการค้าขายอย่างอื่นซึ่งมีค่ามากกว่ากุมารทองวางอยู่อีก เป็นจำนวนมาก ซึ่งถ้าหากว่านำไปขายจะได้เป็นเงิน ดีกว่าที่จะมาขโมยกุมารทองและนางกวักไปเสียอีก ตั้งแต่ตนเปิดร้านมาก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ ต่อจากนี้ไปตนคงต้องลงมานอนเฝ้าเพื่อป้องกันหัวขโมยเข้ามาขโมยของเล่นไปอีก.