มือปืนเหี้ยม ยิงกลางกรุง จ่อหัวนายกฯอบจ.ลพบุรี กับพวก ตาย 1 เจ็บอีก 2 คน เป่า 4 นัดล้มดิ้น ขณะยืนซื้อไอศกรีมบริเวณตลาดราชดำเนินพลาซ่า
วันนี้ (16 มิ.ย.) เวลา 14.30 น. พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รองผบ.ตร.พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 พ.ต.อ.ทรงพล วัธนะชัย รองผบก.น.1 และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเดินทางไปตรวจที่เกิดเหตุ กรณีมีคนร้ายบุกยิงนายกองค์การบริหารส่วนจังหลัดลพบุรี เสียชีวิตกลางเมืองกรุง หลังได้รับรายงานจาก พ.ต.ท.ณฐกร คุ้มทรัพย์ รองผกก.สส.สน.ชนะสงคราม ว่ามีเหตุมีผู้ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ 3 ราย บริเวณตลาดราชดำเนินพลาซ่า โซน A17 แขวงตลาดยอด เขตพระนคร กทม.
ที่เกิดเหตุบริเวณทางเดินหน้าร้านขายเครื่องประดับ โดยยังมีกองเลือดจำนวนหนึ่งปรากฏอยู่ ส่วนผู้บาดเจ็บทั้ง 3 ราย
ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลวชิระพยาบาล ไปก่อนหน้านี้ ทราบชื่อต่อมา คือ นายสุบรรณ จิระพันธุ์วาณิช นายก อบจ.ลพบุรี หัวคะแนนพรรคภูมิใจไทย น.ส.อรพรรณ จิระพันธุ์วาณิช ภรรยา น.ส.ชนุตพร โพธิสัมภารวงศ์ เลขาฯ โดย นายสุบรรณ ถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วน น.ส.อรพรรณ และ น.ส.ชนุตพร อาการปลอดภัยแล้ว
สอบสวนพยานที่เห็นเหตุการณ์ เบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดผู้บาดเจ็บทั้ง 3 คน ได้เดินมาจากทางลานจอดรถ
จากนั้นได้แวะซื้อไอศกรีมจากรถเข็น ขณะนั้นมี คนร้ายเป็นชาย 1 คน สูงประมาณ 170 ซม.สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีฟ้า นุ่งกางเกงยีนส์สีน้ำเงิน เข้ามาจ่อยิงที่ศีรษะ นายสุบรรณ และยิงผู้หญิงทั้ง 2 คน ล้มลง รวม 4 นัด จากนั้นคนร้ายได้รีบวิ่งหนีไปขึ้นรถ จยย.ที่มีคนร้ายอีกคนสตาร์ทเครื่องติดรออยู่แล้วหลบหนีไป
ด้าน พ.ต.ท.ณฐกร กล่าวว่า เบื้องต้นทราบเพียงว่ากลุ่มของนายสุบรรณ เดินทางมาหาเพื่อนของภรรยานายสุบรรณ ซึ่งเป็นหมอ
โดยจะเดินทางมาเป็นประจำเพื่อทำดีทอล์กดูแลสุขภาพ ระหว่างที่ยืนซื้อไอศกรีมก็มีคนร้ายมาจ่อยิง ก่อนวิ่งหลบหนีไป คาดว่า คนร้ายน่าจะติดตามความเคลื่อนไหวของผู้ตาย และตามมาสังหาร สำหรับสาเหตุการสังหารขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปได้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการนำตัวพยานไปสเกตช์ภาพคนร้ายแล้ว
อย่างไรก็ตาม สำหรับ นายสุบรรณ จิระพันธุ์วาณิช นายกฯ อบจ.ลพบุรี ถือเป็นหัวคะแนนคนสำคัญของพรรคภูมิใจไทย โดยการเลือกตั้งครั้งนี้ นายสุบรรณ เป็นตัวหลักในการสนับสนุนผู้สมัครของพรรคภูมิใจไทย ที่ลงสมัครรับเลือกตั้งพื้นที่ เขต 1 ,เขต 2 และ เขต 4 ทั้งนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ชาวลพบุรีต่างเชื่อว่า สาเหตุน่ามาจากเรื่องการเมืองอย่างแน่นอน.