เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 31 พ.ค. ที่ห้องพิจารณา 809 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก
ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีฆ่าชิงทรัพย์หมายเลขดำที่ อ.4746/2552 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ฟ้อง นายสุวิทย์ บุญไพโรจน์ อายุ 26 ปี อดีตพนักงานทำความสะอาด เป็นจำเลยในความผิดฐานชิงทรัพย์ผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาเพื่อประโยชน์ของตัวเองหรือของผู้อื่น, พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ และข่มขืนกระทำชำเราหญิงอื่นที่ไม่ใช่ภรรยาตน ตามฟ้องโจทก์ระบุความผิดจำเลยสรุปว่า
เมื่อวันที่ 29 ก.ย. 52 จำเลยได้เสพเมทแอมเฟตามีน หรือยาบ้า จำนวน 2 เม็ด ต่อมาวันที่ 1 ต.ค. 52
ขณะที่น.ส.ศศิประภา วิงวอน อายุ 29 ปี พนักงานโรงแรมแห่งหนึ่งย่านสุขุมวิท นั่งรอรถที่ป้ายรถโดยสารประจำทางตรงข้ามวัดศรีบุญเรือง ระหว่างซอยรามคำแหง 64 - 66 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. จำเลยได้เข้ามาขอเงินผู้ตาย แต่ผู้ตายปฏิเสธ จึงใช้กำลังประทุษร้ายลากผู้ตายเข้าไปบริเวณป่าหญ้าด้านหลังป้ายรถประจำทางใช้กำลังชกต่อยที่บริเวณใบหน้า ลำตัว และบีบคอจับศรีษะกดน้ำจนถึงแก่ความตาย และถอดกางเกงผู้ตายเพื่อค้นหาเงิน และเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นความผิดอาญาข้อหาชิงทรัพย์ จำเลยจึงได้อำพรางศพด้วยการ เตรียมจะข่มขืนกระทำชำเรา แต่มีผู้พบเห็นเหตุการณ์ก่อน จึงหลบหนีไปและถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.หัวหมายติดตามจับกุมจำเลยได้ จำเลยให้การรับสารภาพโดยตลอด และไม่ติดใจสืบพยาน
ศาลพิเคราะห์คำเบิกความพยานประกอบคำรับสารภาพของจำเลยแล้วเห็นว่า ฝ่ายโจทก์มีคนขายหมูทอดและคนขายน้ำเต้าหู้ ซึ่งเป็นประจักษ์พยานและพยานแวดล้อม พยานทั้งสองล้วนเบิกความสอดคล้องต้องกันมีเหตุผล ไม่มีพิรุธน่าสงสงสัยแต่อย่างใด รวมทั้งคำเบิกความของพนักงานสอบสวนที่จับกุมจำเลยได้
พิพากษาให้ลงโทษประหารชีวิตจำเลยในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289 (7) ฐานฆ่าผู้อื่นเพื่อจะเอาหรือเอาไว้ซึ่งผลกระโยชน์อันเกิดจากการกระทำที่ตนได้กระทำความผิด ซึ่งเป็นบทหนักสุด, จำคุก 6 เดือน ฐานเสพยาเสพติด จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุกจำเลยไว้ตลอดชีวิต ส่วนข้อหาอื่นให้ยก