ความรู้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอด เผยงานวิจัยระดับปริญญาโทของ พ.ต.ท.ธวัชชัย สารวัตรหื่นมอมยาหญิงสาวข่มขืนถ่ายคลิปมือถือไว้แบล็กเมล์ เลือกทำเรื่อง การมีส่วนร่วมของประชาชนในการป้องกันยาบ้า พร้อมข้อเสนอแนะในการรณรงค์ป้องกันยาบ้าในชุมชน แต่สุดท้ายตัวเองกลับตกเป็นทาสยาเสพติด
พ.ต.ท.หื่นอัพยา รณรงค์ต้านยาบ้า!
วันนี้ (21 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานถึงคดี
ที่ พ.ต.ท.ธวัชชัย ล้อมวงษ์ อายุ 42 ปี ตำแหน่ง สว.กก.1 ศูนย์สืบสวนสอบสวน สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีมียาเสพติดให้โทษ ประเภท 1 ยาบ้าและยาไอซ์ ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่าย มียาเสพติดให้โทษประเภท 5 กัญชา ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
กระทำผิด พ.ร.บ.อาวุธปืน ข่มขืนกระทำชำเราหญิงซึ่งมิใช่ภรรยาของตนจนไม่สามารถขัดขืนได้ และข่มขืนใจให้ผู้อื่นกระทำการใดโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต หน่วงเหนี่ยวกักขังว่า จนถึงขณะนี้เป็นเวลา 7 วันแล้ว พ.ต.ท.ธวัชชัย ยังคงถูกควบคุมตัวยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร โดยยังไม่มีญาติ หรือเพื่อนสนิทไปดำเนินการขอประกันตัวต่อศาลแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า
เมื่อครั้งที่ พ.ต.ท.ธวัชชัย ดำรงตำแหน่ง สวป.สน.สุทธิสาร ได้เข้าศึกษาในระดับปริญญาโท ในคณะพัฒนาสังคม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ซึ่งในการทำวิจัยภาคนิพนธ์นั้น พ.ต.ท.ธวัชชัย เลือกทำโครงการวิจัยในหัวข้อเรื่อง การมีส่วนร่วมของประชาชนในการป้องกันยาบ้า : กรณีศึกษาชุมชนที่อยู่ในเขตควบคุมดูแลของสถานีตำรวจนครบาลสุทธิสาร เป็นภาคนิพนธ์ศิลปศาสตร์มหาบัณฑิต(พัฒนาสังคม) ในปี 2545
โครงการวิจัยดังกล่าว ได้ระบุถึงวัตถุประสงค์ของการวิจัยว่า
1.เพื่อศึกษาการมีส่วนร่วมของประชาชนในการป้องกันยาบ้าในชุมชนเขตควบคุมดูแลของสถานีตำรวจนครบาลสุทธิสาร
2.เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการมีส่วนร่วมของประชาชนในการป้องกันยาบ้าในชุมชนเขตควบคุมดูแลของสถานีตำรวจนครบาลสุทธิสาร
วิธีการดำเนินการวิจัย เป็นการวิจัยที่รวบรวมข้อมูลจากแบบสอบถาม ซึ่งได้รับจากประชากรกลุ่มตัวอย่าง จากชุมชนที่อยู่ในการควบคุมดูแลของสถานีตำรวจนครบาลสุทธิสาร โดยมีจำนวนกลุ่มตัวอย่าง 285 แบบบังเอิญกับประชาชนในชุมชนต่างๆ
โครงการวิจัยของพ.ต.ท.ธวัชชัย ได้ข้อสรุปและการอภิปรายผล ดังนี้
1.ลักษณะส่วนบุคคลของกลุ่มตัวอย่าง เป็นชาย (ร้อยละ 60.4) มีอายุระหว่าง 28-37 ปี (ร้อยละ 29.0) มีสถานภาพโสดมากที่สุด (ร้อยละ 47.7) จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และมัธยมศึกษาตอนปลายใกล้เคียงกัน (ร้อยละ 24.6 และร้อยละ 24.2) มีอาชีพรับจ้างทั่วไปมากที่สุด (ร้อยละ 37.2) มีรายได้ระหว่าง 5,101-8,000 บาทต่อเดือน (ร้อยละ 43.5) นับถือศาสนาพุทธเกือบทั้งหมด (ร้อยละ 90.3)
2.ประชาชนในพื้นที่สถานีตำรวจนครบาลสุทธิสารมีส่วนร่วมในการป้องกันยาบ้าอยู่ในระดับปานกลาง อาจเนื่องจากการประชาสัมพันธ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจยังขาดความต่อเนื่องที่จะให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญในการให้มีชุมชนและประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการประชุม กำหนดนโยบาย การตัดสินใจแก้ไขปัญหายาบ้าในชุมชน และร่วมรณรงค์ต่อต้านยาบ้า ประกอบกับประชาชนในพื้นที่สุทธิสาร เป็นชุมชนเมือง ทำให้ประชาชนไม่ให้ความสำคัญกับปัญหาของชุมชนมากนัก
3.ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการมีส่วนร่วมในการป้องกันยาบ้า
3.1 เพศ มีความสัมพันธ์กับการมีส่วนร่วมในสถานการณ์ยาบ้า เนื่องจากลักษณะทางกายภาพของเพศชายและเพศหญิง มีความแตกต่างกัน ผู้ชายมีความเข้มแข็งในการร่วมกิจกรรมต่างๆและโดยธรรมชาติผู้ชายดูแลอบรมเลี้ยงดู วัฒนธรรม และบทบาทในสังคม ทำให้พฤติกรรมของเพศทั้งสองมีความแตกต่างกัน ทำให้ผู้ชายเข้ามามีส่วนร่วมในสถานการณ์ยาบ้ามากกว่าเพศหญิง
3.2 อายุ มีความสัมพันธ์กับการมีส่วนร่วมในสถานการณ์ยาบ้า เนื่องจากประชาชนที่มีอายุมากให้ความสำคัญ และตระหนักถึงปัญหายาบ้าที่จะส่งผลกระทบต่อสังคมและประเทศจึงเข้ามามีส่วนร่วมในสถานการณ์ยาบ้าของชุมชน เพื่อแสวงหาแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าวร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
3.3 อาชีพ มีความสัมพันธ์กับการมีส่วนร่วมในสถานการณ์ยาบ้า อาจเนื่องจากประชาชนที่เป็นข้าราชการ เป็นผู้ที่มีบทบาทในการรณรงค์ต่อต้านยาเสพติดของภาครัฐ และเป็นผู้ที่มีความรู้เกี่ยวกับผลกระทบของยาเสพติดมากกว่าผู้อื่น และเป็นผู้ที่ให้ความสำคัญกับปัญหาดังกล่าวมาก
3.4 รายได้ มีความสัมพันธ์กับการมีส่วนร่วมในสถานการณ์ยาบ้า เนื่องจากผู้มีรายได้มากมีความพร้อมที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในการรณรงค์ป้องกันปราบปรามยาเสพติดในชุมชนมากกว่าผู้ที่มีรายได้น้อย เพราะผู้ที่มีรายได้น้อยต้องให้ความสำคัญกับการประกอบอาชีพหาเลี้ยงครอบครัวมากกว่าจะมาให้ความสำคัญต่อสังคม
ในตอนท้ายของโครงการวิจัยดังกล่าว
พ.ต.ท.ธวัชชัย ยังได้ให้ข้อเสนอแนะไว้ด้วยว่า
1.ควรมีนโยบายในการประชาสัมพันธ์ ให้ประชาชนรับทราบถึงปัญหาอาชญากรรมในพื้นที่
2.ควรให้ประชาชนมีความตระหนักและรับรู้ถึงปัญหาเกี่ยวกับยาบ้า
3.ควรให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆของสถานีตำรวจในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ซึ่งจะทำให้ชุมชนมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินยิ่งขึ้น
4.การดำเนินการวิจัยครั้งต่อไป อาจจะทำการศึกษาจากชุมชนในพื้นที่สถานีตำรวจต่างๆ โดยใช้ตัวแปรชุดเดิม เพื่อนำผลวิจัยมาเปรียบเทียบหานโยบายในการส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการป้องกัน ปราบปรามรณรงค์ต่อต้านยาบ้าต่อไป
5.ควรมีการวิจัยในเรื่องการมีส่วนร่วมของประชาชนในการป้องกันอาชญากรรมในรูปแบบของการวิจัยเชิงคุณภาพ เนื่องจากการวิจัยเจาะลึกมีค่อนข้างน้อย
ทั้งนี้ พ.ต.ท.ธวัชชัย
ถูกตำรวจกองกำกับการสืบสวนบก.น.2 และตำรวจจากกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดต่อเด็กและสตรี หรือปดส. เข้าจับกุมเมื่อวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมมา
ภายในห้องพักพร้อมของกลาง
ยาบ้า และยาไอซ์ จำนวน 78 เม็ด
กัญชา 1 ห่อ
ปืนพกสั้น ออโตเมติกขนาด 9 มม.
ทะเบียน กท 2513848 จำนวน 1 กระบอก
กระสุนอีก 14 นัด
ปืนพกสั้นขนาด .38
หมายเลขทะเบียน กท 3916422 จำนวน 1 กระบอก
และกระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 9 นัด
โดยก่อนเข้าจับกุม พ.ต.ท.ธวัชชัย ถูกร้องเรียนว่า ได้ชักชวนหญิงสาวไปที่ห้อง บังคับให้เสพยาและมีเพศสัมพันธ์ ตลอดจนถ่ายคลิปมือถือไว้ข่มขู่หญิงสาว
ตำรวจชุดจับกุม ได้ทำการสืบสวนจนแน่ชัดว่า พ.ต.ท.ธวัชชัยมีพฤติกรรมตามคำร้องเรียน จึงขออนุมัติหมายค้นจากศาลอาญาเข้าตรวจค้นห้องพักและจับกุมดังกล่าว
ผู้จัดการออนไลน์
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: ผู้จัดการออนไลน์