นร.ลดอ้วน-ช็อกดับ

น.ร.สาววัย 19 ดับปริศนาคาห้องนอน สงสัยกินยาลดความอ้วน

แม่เผยลูกสาว เพิ่งสอบเข้าเรียนต่อเภสัชฯ ม.สารคามแต่กังวลเรื่องน้ำหนักตัวมากถึง 89 ก.ก. กลัวใส่ชุดนิสิตไม่สวย แอบกินยาลดความอ้วนจนน้ำหนักลดฮวบเหลือ 79 ก.ก. แพทย์ระบุเกิดจากหัวใจวายเฉียบพลัน ตร.ส่งเม็ดยาที่เจอในห้องพิสูจน์ให้ชัดว่าเป็นยาอะไร

เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 12 พ.ค. พ.ต.ท.บรรเจิด ชมภูพฤกษ์ สารวัตรเวร สภ. เมืองร้อยเอ็ด

รับแจ้งเหตุหญิงสาวเสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุ ในห้องนอนบ้านเลขที่ 226 บ้านสามแยก หมู่ 2 ต.เหนือเมือง จึงรุดไปยังที่เกิดเหตุพร้อมด้วยน.พ.ฉันทิชญ์ พูลลาภ แพทย์เวรโรงพยาบาลร้อยเอ็ด และหน่วยกู้ภัยอโศก พบศพน.ส.ณัฐิญาภรณ์ อุดมก้านตง อายุ 19 ปี เสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุ โดยมีนางอรพิน อุดมก้านตง อายุ 42 ปี มารดา ร่ำไห้กอดศพ ลูกอย่างน่าเวทนา

สอบสวนนางอรพินให้การว่า หลังจากตื่นนอนตอนเช้าแล้ว ตนพร้อมกับด.ญ.ปภาภิณ อุดมก้านตง ลูกสาวคนเล็ก

เตรียมจะไปซื้อของที่ตลาดมาขาย เนื่องจากเป็นแม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยวและหมูทอด จึงตะโกนปลุกน.ส.ณัฐิญาภรณ์หลายครั้ง แต่ไม่ได้ยินเสียงตอบ จะเข้าไปก็ไม่ได้ เพราะห้องถูกล็อกจากด้านใน จึงไปตามญาติมาช่วยงัดประตูเข้าไป และต้องตกใจเมื่อพบว่าลูกสาวเสียชีวิตแล้ว จึงรีบแจ้งตำรวจให้มาตรวจสอบ

นางอรพินกล่าวต่อว่า ส่วนสาเหตุน่าจะมาจากปัญหาในครอบครัว เนื่องจากลูกสาวเครียดที่ตนมีสามีใหม่
 
ประกอบกับน.ส.ณัฐิญาภรณ์ สอบเข้าเรียนได้ที่คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยา ลัยมหาสารคาม จึงบอกกับตนว่าเนื่องจากร่างกายอ้วน มีน้ำหนักถึง 89 ก.ก. กลัวจะแต่งเครื่องแบบนิสิตเภสัชฯไม่สวย จึงลดความอ้วนลงเหลือ 79 ก.ก. แต่ไม่ทราบว่าลูกสาวลดด้วยวิธีใด แต่ลูกสาวเคยบอกว่ากินยาชนิดหนึ่งซึ่งกินแล้วจะทำให้ผิวขาวด้วย

รายงานข่าวแจ้งว่า เบื้องต้นจากการตรวจค้นภายในห้องนอนพบขวดยาวิตามินซี แต่ยาในขวดกลับไม่ใช่วิตามินซี
 
ส่วนจะเป็นยาชนิดใดนั้นทางน.พ.ฉันทิชญ์ได้แจ้งว่าจะต้องนำไปตรวจพิสูจน์ก่อน โดยลงความเห็นเกิดจากระบบหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ส่วนสาเหตุที่ทำให้หัวใจล้มเหลวยังไม่ทราบ จะต้องนำศพไปผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการตายที่แท้จริงต่อไป แต่นางอรพินผู้เป็นแม่ไม่ยินยอมให้ผ่าศพลูกสาว

ด้านพ.ต.ท.บรรเจิดกล่าวว่า ในเบื้องต้นสันนิษฐานว่าได้เสียชีวิตเพราะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ทั้งนี้ เนื่องจากแม่ผู้ตายไม่ยินยอมให้ผ่าศพลูกสาว เพื่อตรวจพิสูจน์ในกระเพาะอาหารว่ามีสารพิษหรือไม่ อย่างไรก็ตาม จึงเหลือเพียงจะเอาเม็ดยาที่บรรจุอยู่ในขวดวิตามินซีที่พบในห้องนอนไปตรวจพิสูจน์ที่ศูนย์วิทยาศาสตร์ จ.ขอนแก่น ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาตรวจพิสูจน์ประมาณ 1 เดือน จึงจะทราบผลที่แท้จริงต่อไป

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์