คมชัดลึก :สื่อต่างประเทศรายงานสถานการณ์การปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา ที่บริเวณชายแดนจ.สุรินทร์
ส่งผลให้ทหารสองฝ่ายเสียชีวิตมากกว่า 10 นาย พลเรือนหลายพันคน ต้องอพยพหนีการสู้รบบริเวณชายแดนที่เริ่มมาตั้งแต่วันศุกร์ และทำลายการหยุดยิงที่ดำเนินมานาน 2 เดือน ซึ่งทางฝั่งไทยยืนยันว่า มีการยิงกระสุนปืนใหญ่เข้าใส่กัน และกัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มก่อน
นายบัน คี มุน เลขาธิการสหประชาชาติ ระบุว่า
เพื่อนบ้านทั้งสองควรใช้ความอดกลั้นอย่างสูงสุดและเรียกร้องให้ต่างหันหน้าเข้าเจรจากันอย่างจริงจัง เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งเสียงปืนจากการปะทะกัน สามารถได้ยินไกลถึง 20 กิโลเมตร ทางฝั่งของกัมพูชา ขณะที่ผู้อพยพต่างหนีออกจากบ้านเรือน ไปอาศัยอยู่ตามโรงเรียนและวัดที่อยู่ห่างไกลจากพื้นที่ปะทะ
ฝ่ายกัมพูชายังคงอ้างว่า ไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มต้นก่อน และกล่าวหาฝ่ายไทยว่า
พยายามจะล่วงล้ำเข้าไปในดินแดนของกัมพูชา และละเมิดหลักการของข้อตกลงร่วมกันที่ทำไว้ที่อินโดนีเซีย เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ที่สองฝ่ายยอมรับให้อินโดนีเซียส่งผู้สังเกตการณ์เข้าไปยังพื้นที่พิพาทบริเวณแนวชายแดน แต่ผู้สังเกตุการณ์ยังไม่ได้เข้าไปทำหน้าที่ เนื่องจากไทยยังไม่ได้อนุญาตในขั้นตอนสุดท้าย
สื่อเทศตีข่าวทั่วโลกเหตุไทยปะทะเขมร
ทางการไทยได้อพยพชาวบ้าน 7,500 คน ออกจากพื้นที่เสี่ยง ส่วนกัมพูชาอพยพชาวบ้าน 200 ครอบครัว ด้านทหารกัมพูชา ระบุว่า
การปะทะกันไม่ได้ลุกลามไปถึงปราสาทพระวิหาร ด้านนายมาร์ตี้ นาตาเลกาว่า รัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งประเทศของเขาเป็นประธานหมุนเวียนของสมาคมอาเซียนในปีนี้ ได้เรียกร้องให้ทั้งฝ่ายยุติการเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน โดยกล่าวว่า เขาได้เรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายแก้ปัญหาความขัดแย้งโดยสันติวิธี การใช้กำลังไม่ได้ตั้งอยู่บนความสัมพันธ์ระหว่างชาติสมาชิกสมาคมอาเซียน ขณะที่นักวิเคราะห์บางคน มองว่า เป็นการง่ายที่จะทำลายการสื่อสารระหว่างกันในช่วงเวลาที่ความสัมพันธ์เขม็งเกรียว
เว็บไซท์ เคไอ มีเดีย ของกัมพูชา รายงานว่า นายกรัฐมนตรีฮุนเซน และพลโทฮุน มาเนต บุตรชาย
ได้ละเมิดสัญญาสุภาพบุรุษว่าด้วยการสงบศึก ที่นำไปสู่การปะทะกันบริเวณชายแดนครั้งล่าสุดและสร้างความเสียหายให้กับทั้งกัมพูชาและไทย โดยทหารกัมพูชา ได้เปิดฉากยิงใส่ทหารไทย ที่กำลังเตือนไม่ให้พวกเขาเข้าไปสร้างที่มั่นและบังเกอร์ในพื้นที่พิพาท 400 เมตรทางตะวันตกของปราสาทตาควาย เมื่อเช้าวันศุกร์ อันเป็นการละเมิดบันทึกความเข้าใจ เมื่อปี2543 ที่ห้ามการดัดแปลงหรือก่อสร้างในบริเวณพื้นที่พิพาท โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สิ่งปลูกสร้างทางทหาร ในขณะที่ยังตกลงกันไม่ได้เรื่องเส้นแบ่งเขตแดน
ทหารไทย ได้คาดหวังว่า ทหารกัมพูชาจะเคารพต่อข้อตกลงว่าด้วยการหยุดยิง อันเป็นสัญญาสุภาพบุรุษ และความไว้เนื้อเชื่อใจได้นำไปสู่การสูญเสียชีวิตและบาดเจ็บ
จากการเปิดฉากยิงเข้าใส่อย่างไม่คาดฝันของฝ่ายกัมพูชา หลังจากในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา สถานการณ์บริเวณพรมแดนไทย-กัมพูชา มีแนวโน้มที่กลับคืนสู่ความสงบ หลังการทำข้อตกลงระหว่างพลเอกดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ เสนาธิการทหารบกและพลโทฮุน มาเนต รองผู้บัญชาการกองพลทหารราบของกัมพูชา ที่จังหวัดศรีสะเกษ
ทหารไทยและกัมพูชา ค่อนจะข้างจะอยู่กันอย่างสงบในพื้นที่พิพาท 4.6 ตารางกิโลเมตร บริเวณปราสาทพระวิหาร
พวกเขาคุยกัน รับประทานอาหารด้วยกัน เล่นกีฬาด้วยกัน และยังเล่นสาดน้ำสงกรานต์กันอีกด้วย ด้วยเพราะฝ่ายไทยเชื่อใจว่า บุตรชายของนายกรัฐมนตรีฮุน เซน จะเคารพข้อตกลงสงบศึก แต่แหล่งข่าวระบุว่า มีสัญญาณที่บ่งชี้ถึงการปะทะกันครั้งล่าสุด จากการที่ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ พลโทฮุน มาเนต ได้เดินทางไปยังจังหวัดพระวิหาร ส่วนพลเอกคุน คิม รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพกัมพูชา ได้เดินทางไปยังปราสาทตาควาย และปราสาทตาเมือน เพื่อตรวจเยี่ยมกำลังพล และปูนบำเหน็จให้ทหาร
ทหารฝ่ายกัมพูชา ซึ่งเพิ่งจะซ้อมรบไปเมื่อเดือนมีนาคมจนถึงสัปดาห์ที่แล้ว ยังได้เสริมกำลังพลแต่อ้างว่าเป็นส่วนหนึ่งของการซ้อมรบ ทั้งยังใช้อากาศยานไร้คนขับถ่ายภาพที่มั่นของทหารไทยและไทยก็ใช้อากาศยานแบบเดียวกัน ทำแบบเดียวกับกัมพูชา
ทางฝั่งไทยระบุว่า ทหารกัมพูชามักจะเป็นฝ่ายเปิดฉากยิงโจมตีก่อน
และเมื่อติดต่อไปยังผู้บัญชาการทหารของฝั่งกัมพูชา ก็ได้รับคำตอบว่าเป็นคำสั่ง ซึ่งเชื่อว่า เป็นคำสั่งจากนายฮุน เซน ส่วนข่าวที่ว่า ทหารไทยถูกฝ่ายกัมพูชาจับตัวไปนั้น ไม่เป็นความจริง