จับลุงเขยข่มขืน5ปีดญ.13

"ครูยุ่น"ลุยแจ้งจับรปภ.หื่นเมืองอุดรฯ ข่มขืนมาราธอนด.ญ. 13 หลานเขยติดต่อกัน 5 ปี เผยแต่งงานกับพี่สาวแม่เด็ก คอยดูแลหลานสาวทุกอย่างจนแม่เด็กไว้วางใจ คาดไม่ถึงจะทำมิดีมิร้ายหลานลงคอ แถมยังคอยตามหึงหวงไม่ยอมให้คุยกับเพื่อนน.ร.ชายเด็ดขาด ถ้าเห็นจะโกรธเข้าทำร้ายร่างกาย ด.ญ.แฉพาข่มขืนหลายที่ ทั้งในบ้าน ทุ่งนา กระท่อม แม้กระทั่งบ่อน้ำ เจ้าตัวยังปากแข็งปฏิเสธ อ้างรักเด็กเหมือนลูกแท้ๆ โวยโดนญาติเมียใส่ร้าย

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 13 ธ.ค. นายมนตรี สินทวิชัย หรือครูยุ่น เลขาธิการมูลนิธิคุ้มครองเด็ก อดีตส.ว.สมุทรสงคราม นำด.ญ.เอ (นามสมมติ) อายุ 13 ปี พร้อมนางแดง อายุ 39 ปี ราษฎรบ้านนาข่า เข้าแจ้งความต่อพ.ต.ท.ฉกาจน์ เทียมวงศ์ พงส.สบ.3 ให้จับกุมนายเงิน ชัยมี อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 148 ม.9 บ้านดงยวด ต.นาข่า อ.เมือง อุดรฯ ก่อเหตุข่มขืนด.ญ.เอมาตั้งแต่หนูน้อยอายุ 9 ขวบจนถึงอายุ 13 ปี ขณะกำลังเรียนชั้นประถม 3 จนถึงเรียนชั้นม.1 รวมเป็นเวลา 5 ปีติดต่อกัน เหตุเกิดที่บ้านของนายเงินและพื้นที่ใกล้เคียงในต.นาข่า อ.เมือง อุดรธานี

ครูยุ่นเผยว่า เมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา นางแดงนำลูกสาวขอความช่วยเหลือจากตน เนื่องจากกลัวว่าจะถูกนายเงินซึ่งมีอาชีพรปภ.เต็นท์รถมือ 2 แห่งหนึ่งบนถนนอุดรฯ-หนองคาย ลุงเขยทำร้ายถึงชีวิต เนื่องจากก่อนหน้านี้นายเงินมีพฤติกรรมหึงหวงคอยห้ามปรามไม่ให้ด.ญ.เอคบหาพูดจากับเพื่อนนักเรียนชาย เวลานายเงินเห็นด.ญ.เอไปคบหรือพูดคุยกับนักเรียนชายจะโกรธ เข้าตบตีทำร้ายด.ญ.เออย่างรุนแรง ครั้งล่าสุดปลายเดือนก.พ.ที่ผ่านมา นายเงินตบตีด.ญ.เออย่างรุนแรงขณะคุยกับเพื่อนชายที่โรงเรียน นางแดงก็ได้แต่เฝ้าระวัง พยายามไม่ให้นายเงินพบลูกสาว แต่ก็ยากเพราะบ้านอยู่ใกล้กัน จึงกลัวว่าด.ญ.เอจะไม่ปลอดภัย จึงพามาขออยู่ในความอุปการะของมูลนิธิฯ

ครูยุ่นกล่าวอีกว่า ต่อมานายเงินพูดจาข่มขู่บิดามารดาด.ญ.เอเป็นประจำ ซึ่งผิดวิสัยทั้งๆ ที่ด.ญ.เอเป็นเพียงหลานเขยเท่านั้น หลังจากที่ด.ญ.เอเข้ามาอยู่ในความดูแลของมูลนิธิแล้วพบว่าเด็กมีอาการเศร้าซึม เหม่อลอย ชอบเก็บตัว ไม่ร่าเริงเหมือนเด็กวัยเดียวกัน เจ้าหน้าที่มูลนิธิเข้าปลอบโยนและค่อยๆ สอบถามจนด.ญ.เอหายจากอาการเศร้าซึม ระบายความในใจออกมาว่าถูกนายเงินข่มขืนกระทำชำเราหลายครั้งรวม 5 ปีติดต่อกัน และจะแสดงความหึงหวงเข้าตบตีด.ญ.เอ ทุกครั้งที่ไปพูดคุยกับเพื่อนนักเรียนชาย

ครูยุ่นเผยต่อว่า หลังจากนั้นทางมูลนิธิให้อาสาสมัครในพื้นที่สืบสวนเรื่องนี้จนทราบว่าด.ญ.เออาศัยอยู่กับบิดามารดา ซึ่งบ้านของเด็กนั้นเป็น 1 ใน 4 หลังอยู่ในกลุ่มญาติเดียวกัน แต่ละหลังอยู่ห่างกันประมาณ 40 เมตร ส่วนนายเงินแต่งงานอยู่กินกับพี่สาวนางแดง มารดาของด.ญ.เอ และอาศัยบ้านอยู่ในกลุ่มเดียวกัน ขณะด.ญ.เออายุ 4-5 ปี นายเงินแสดงท่าทีรักเอ็นดู มักพาไปเที่ยวเล่นและซื้อขนมให้กินเป็นประจำจนทำให้นางแดงไว้ใจมาก ไม่ระแวงสงสัยนายเงิน แม้เวลาไม่อยู่บ้าน ก็จะฝากให้ช่วยดูแล

ครูยุ่นกล่าวต่อไปว่า ขณะด.ญ.เอ อายุ 9 ปี เรียนอยู่ชั้นป.3 วันหนึ่งในปลายเดือนต.ค.2544 ขณะวิ่งเล่นอยู่บริเวณบ้าน นายเงินได้ออกอุบายนำด.ญ.เอไปดูวีซีดีที่บ้านนายเงิน จนเผลอหลับไปและถูกนายเงินอุ้มเข้าไปในห้องนอนข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ และบังคับไม่ให้ร้องไห้ขณะกำลังข่มขืนและห้ามนำเรื่องไปบอกใคร ไม่เช่นนั้นจะฆ่าให้ตาย แล้วนายเงินก็ให้เงินด.ญ.เอไป 15 บาทเป็นรางวัล หลังจากนั้นนายเงินออกอุบายพาด.ญ.เอข่มขืนทุกเดือน เดือนละ 2 ครั้ง และให้เงิน 15 บาททุกครั้งและก็จะสอนเรื่องเพศให้ด้วย โดยพาไปข่มขืนหลายแห่ง ทั้งในทุ่งนา กระท่อมนา และบ่อน้ำ ในต.นาข่า

ด.ญ.เอเปิดเผยว่า ตอนเรียนอยู่ชั้นป.4-5-6 นายเงินใช้กำลังบังคับพาไปข่มขืนตามกระท่อมนา ในสระน้ำ บ่อน้ำกลางทุ่งนาอย่างต่อเนื่องทั้งกลางวันและกลางคืน เพิ่มเป็นเดือนละ 3 ครั้ง ทุกครั้งจะบังคับไม่ให้ร้องไห้ และเมื่อข่มขืนเสร็จจะข่มขู่และให้เงินเพิ่มขึ้นเป็น 30 บาท และ 50 บาทในเวลาต่อมา ทำให้ตนเป็นเด็กเก็บตัว ไม่สุงสิงกับใคร ทำให้นายเงินย่ามใจและมั่นใจยิ่งขึ้นว่าสามารถบังคับตนเองได้ จนขึ้นเรียนชั้นม.1 จึงพาไปข่มขืนต่อเนื่องถี่มากขึ้นและพยายามสอนเรื่องทางเพศ หลังจากนั้นพยายามติดตามตนเองตลอดเวลา ทั้งยังพยายามเอาใจด้วยการซื้อสิ่งของให้ใช้ และไม่ชอบให้ไปพูดคุยกับเพื่อนนักเรียนชาย เมื่อมารดาทราบเรื่องก็ทนไม่ไหว พาไปร้องขอความช่วยเหลือดังกล่าว

ต่อมาเวลา 13.00 น. พ.ต.ต.กิตติพงษ์ จิตรคาม สว.สส.พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนพิรุณ สภ.อ.เมืองอุดรธานี เดินทางไปควบคุมตัวนายเงินได้ที่เต็นท์รถมือ 2 แห่งหนึ่ง ถนนอุดรฯ-หนองคาย ต.กุดสระ มาสอบสวน เบื้องต้นนายเงินให้การปฏิเสธ กล่าวว่าเลี้ยงดูด.ญ.เอมาตั้งแต่เล็กๆ จะทำไม่ดีกับเด็กที่ตนรักและเอ็นดูได้อย่างไร วันที่ตนถูกกล่าวหาว่าทำร้ายหลานนั้น เนื่องจากวันดังกล่าว แม่ของเด็กขอร้องให้ช่วยตามหาลูกสาวที่หนีไปเที่ยวกับเพื่อนชายที่สวนสาธารณะหนองประจักษ์ ในตัวเมืองอุดรฯ พอตนเห็นด.ญ.เอลงจากรถประจำทางจึงตบหน้าสั่งสอนเท่านั้น ไม่ได้หนักหนาอะไร

ต่อมาทราบว่า นางแดงพาด.ญ.เอไปอยู่กทม.ไม่คิดว่าจะถูกพวกญาติภรรยาใส่ร้ายเรื่องนี้ สาเหตุน่าจะมาจากเมื่อปีที่ผ่านมา ตนทะเลาะกับพ่อตาแม่ยาย ทำให้พวกญาติๆ ฝ่ายภรรยาไม่ชอบตน แล้วพากันพูดจากล่าวร้ายตน

"บอกตรงๆ ว่าหลานคนนี้ผมเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กๆ จะไปทำร้ายร่างกายและจิตใจได้ลงคอได้อย่างไร ผมไปหาแกที่โรงเรียน ก็เพื่อเอาเงินไปให้ใช้ ไม่ได้หึงหวง ผมมีแต่ลูกชาย ไม่มีลูกสาวเลย พอมีหลานคนนี้จึงรักเหมือนลูก" นายเงินกล่าว