จับเพิ่มอีก-โจ๋วัย15ฆ่าเมียน้อยทั้งกลม

จับเพิ่มอีกหนึ่งโจ๋วัย 15 หลานชายเมียหลวงโหด ฆ่าเมียน้อยทั้งกลม พร้อมคุมตัวนางนกต่อมาทำแผนฯ เผยเมียหลวงให้นางนกต่อล่อเมียน้อยออกมาเจอ โดยให้หลานชายช่วยขี่จขยย.ไปยังจุดนัดพบ ก่อนพามายังที่เกิดเหตุแล้วลงมือตบตีก่อนฆ่าทิ้ง นางนกต่ออ้างไม่รู้เรื่องพอเห็นเมียน้อยโดนทำร้ายก็ขี่รถหนีไปทันที จนมาทราบภายหลังว่าตายแล้ว ส่วนหลานชายก็ยืนยันว่าถูกหลอกให้ขี่จยย.มาเท่านั้น กว่าจะรู้เรื่องเห็นเมียน้อยถูกฆ่าตายแล้ว โดยทั้ง 2 คน ระบุเห็นรถเก๋งขับมาอยู่ที่จุดเกิดเหตุด้วย เผยตร.อาจจะขอกันตัวโจ๋ไว้เป็นพยาน แฉปูมเมียหลวงเป็นแก๊งยาบ้าในพื้นที่จ.อุทัยธานี เพิ่งถูกจับและศาลตัดสินจำคุก 8 ปี อยู่ระหว่างประกันตัวศาลอุทธรณ์ ก็มาก่อเหตุสยองดังกล่าว

จากกรณีตำรวจสภ.อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี พบศพนางศรีแพร ศรีสุจันทร์ อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 80/2 ต.กุดยง อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย ซึ่งกำลังตั้งครรภ์ ถูกฆ่าหมกศพในป่าละเมาะริมถนนเขาคล้องชัย-เขาน้ำโจน อ.ลานสัก สภาพศพถูกบีบคอและทุบศีรษะด้วยของแข็งเมื่อวันที่ 10 ธ.ค. ที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้นายทองปาน เก่งทางการ อายุ 23 ปี สามี ซึ่งทำงานอยู่กรุงเทพฯ เดินทางกลับมาแจ้งความว่า ภรรยาหายออกจากบ้าน เบื้องต้นตำรวจเข้าจับกุมนางประนอม ทวีผล เพื่อนบ้าน ซึ่งเป็นคนชักชวนนางศรีแพรออกจากบ้าน ให้การภาคเสธโดยระบุว่า คนร้าย คือ นางยวน รุดทองจันทร์ อายุ 50 ปี ภรรยาเก่านายทองปาน ที่เพิ่งเลิกรากันไปประมาณ 1 ปี ต่อมานายทองปานไปทำงานกรุงเทพฯ และก็ได้นางศรีแพรเป็นภรรยา จนเมื่อตั้งครรภ์ก็พามาอยู่กับญาติที่ อ.ลานสัก ส่วนนางยวนนั้นชิงหลบหนีออกจากบ้านไปก่อนแล้ว

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 11 ธ.ค. พ.ต.ท.สมหมาย เงินดี สวส.สภ.อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี นำตัวนางประนอม ทวีผล อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาร่วมกันฆ่านางศรีแพร และนายวัตร (นามสมมติ) อายุ 15 ปี ซึ่งตำรวจตามจับกุมตัวได้ หลังสืบพบว่าเกี่ยวข้องกับการสังหารนางศรีแพร โดยนายวัตรเป็นหลานของนางยวน รุดทองจันทร์ ผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอยู่ มาสอบปากคำเพิ่มเติม และคุมตัวไปทำแผนประทุษกรรมประกอบคำรับสารภาพ

นางประนอมให้การว่า ได้รับการว่าจ้างจากนางยวนให้หลอกพานางศรีแพร ออกมาพบกันที่ร้านก๋วยเตี๋ยวบริเวณแยกโรงเรียนลานสักวิทยาคม เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. ที่ผ่านมา เมื่อไปถึงก็พบนางยวนและนายวัตร นั่งรออยู่ก่อนแล้ว จากนั้นก็ทำทีเป็นพูดคุยและชวนกันไปหาทนายความในเมือง เนื่องจากนางยวนอยู่ระหว่างอุทธรณ์คดียาเสพติด ซึ่งศาลชั้นต้นตัดสินจำคุก 8 ปี จากนั้นก็ขี่รถจักรยานยนต์ตามกันมาจนถึงบริเวณจุดเกิดเหตุ นายวัตรก็จอดรถก่อนที่นางยวนจะเดินเข้ามาหาและจิกผมนางศรีแพรลงจากรถ และเริ่มลงมือทุบตี ด้วยความกลัวจึงขี่รถจักรยานยนต์ เพื่อนกลับบ้าน

นางประนอมให้การอีกว่า ระหว่างทางเห็นรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า สีเขียว หมายเลขทะเบียน 643 อุทัยธานี ขับสวนทางมา แต่ก็ไม่ได้สนใจ จนสักพักนายวัตรก็ขี่รถตามมาทันบอกว่านางยวนให้กลับไป แต่ตนไม่กล้าตัดสินใจขี่รถกลับบ้านพัก เมื่อญาตินางศรีแพรมาสอบถามก็บอกไปว่าส่งนางศรีแพรขึ้นรถโดยสารเข้ากรุงเทพฯ ไปแล้ว โดยเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ทราบมาก่อนว่า จะถึงขั้นฆ่ากันตายแบบนี้ เพราะนางยวนบอกว่าอยากพบนางศรีแพรเท่านั้น จึงให้ตนพาออกมาเจอ

ด้านนายวัตรให้การว่านางยวน ซึ่งเป็นป้าใช้ให้ขี่รถจักรยานยนต์ไปที่ร้านก๋วยเตี๋ยว จนเจอกับนางศรีแพร และนางประนอม ก่อนที่จะให้ขี่รถนำมาจนถึงจุดเกิดเหตุ นางยวนก็สั่งให้จอดรถ แล้วลงไปเล่นงานนางศรีแพร ระหว่างนั้นสั่งให้ตนขี่รถจักรยานยนต์ไปตามนางประนอม ที่หลบหนีไปกลับมา เมื่อขี่รถไปทันแต่นางประนอมไม่กลับจึงขี่ย้อนกลับมาจุดเกิดเหตุอีกครั้งพบรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า สีเขียว หมายเลขทะเบียน 643 อุทัยธานี ซึ่งจอดอยู่จุดเกิดเหตุขับแล่นออกไป เมื่อขี่รถเข้ามาใกล้ถึงเห็นว่านางศรีแพรถูกทำร้ายเสียชีวิตแล้ว ซึ่งนางยวนสั่งให้ช่วยกันอุ้มศพนำไปโยนในป่าละเมาะข้างทาง ก่อนที่จะแยกย้ายกันไป โดยนางยวนนั้นทราบว่าหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ ไปแล้ว

พ.ต.อ.อร่าม ขาวสะอาด ผกก.สภ.อ.ลานสัก กล่าวว่า คดีนี้ได้คืบหน้าไปมากแล้ว ตอนนี้ได้พยานสิ่งแวดล้อมในที่เกิดเหตุชัดเจน ส่วนนางยวน นั้นได้ออกหมายจับแล้ว ซึ่งจากการสอบประวัติพบว่า พัวพันกับยาเสพติดในพื้นที่ จนถูกจับกุมดำเนินคดีและศาลพิพากษาจำคุก 8 ปี นางยวนยื่นอุทธรณ์และประกันตัวออกมาสู้คดี ก่อนที่จะมาก่อเหตุฆ่าเมียใหม่ของนายทองปาน ซึ่งเป็นสามีเก่า

สำหรับนางประนอม และนายวัตร เบื้องต้นแจ้งข้อหาร่วมกันฆ่าคนตายโดยเจตนา อย่างไรก็ตามจากคำให้การของผู้ต้องหาตำรวจอาจจะขอกันตัวนายวัตรไว้เป็นพยาน ส่วนรถเก๋งโตโยต้า ที่นางประนอมและนายวัตรให้การ ตรวจสอบพบว่าเกี่ยวกับกับอบต.คนหนึ่ง ซึ่งตำรวจจะเรียกมาสอบปากคำต่อไป