แก้กม.เพิ่มโทษ มาเฟียขอทาน

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (12 ธ.ค.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้เสนอให้ ครม.พิจารณาให้ความเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.คนขอทาน พ.ศ...เพื่อเป็นการปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ. ควบคุมการขอทาน พ.ศ. 2484 ซึ่งไม่เหมาะสมกับปัจจุบันที่การขอทานมีลักษณะของการหาประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฎหมายจากบุคคลนั้นและจากบุคคลบางกลุ่มที่อาศัยความอ่อนด้อยทางร่างกาย สติปัญญา ความสามารถ หรือสภาพจิตใจของบุคคลเหล่านี้ไปขอทาน เป็นการช่วยจัดระเบียบสังคมให้บ้านเมืองเป็นระเบียบ ส่งผลต่อภาพพจน์โดยรวมของประเทศ

ทั้งนี้ สาระสำคัญเป็นการกำหนดเพิ่มเติมบทบัญญัติ ลงโทษกรณีผู้ใช้ให้บุคคลอื่นกระทำการขอทาน ไม่ได้ บัญญัติเป็นความผิดไว้ใน พ.ร.บ.ควบคุมการขอทานฉบับเดิม ได้กำหนดในมาตรา 22 ว่า ผู้ใช้ บังคับ ขู่เข็ญ จ้าง วาน ขนส่ง หรือยุงยงส่งเสริมหรือด้วยวิธีการอื่นใดให้ผู้อื่นขอทาน หรือโดยใช้ผู้อื่นเพื่อประโยชน์ในการขอทานของตนเอง ต้องระวางโทษทางอาญาจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท และในมาตรา 22 วรรคสอง ระบุด้วยว่าหากการกระทำผิดดังกล่าวเป็นการกระทำต่อบุคคลอายุต่ำกว่า 18 ปี ผู้สูงอายุ ผู้เจ็บป่วย คนพิการหรือหญิงมีครรภ์ หรือเป็นการกระทำตั้งแต่สองคนขึ้นไป กระทำโดยนำผู้อื่นจากภายนอกราชอาณาจักรให้มาขอทาน ในราชอาณาจักร กระทำโดยผู้ปกครองดูแลของคนขอทาน หรือกระทำโดยพนักงานเจ้าหน้าที่ รวมทั้งกรณีเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีอำนาจหน้าที่ดูแล หรือกระทำโดยใช้กำลังบังคับต่อคนขอทานหรือกระทำโดยเป็นนายหน้าหรือแสวงหาประโยชน์จากการขอทานของบุคคลอื่น ต้องโทษจำคุกเพิ่มขึ้นเป็นไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 1 แสนบาท

ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป และปรับไม่เกิน 160,000 บาท และหากเป็นการกระทำตามมาตรา 22 วรรคสอง ต้องระวางโทษเพิ่มขึ้นอีกกึ่งหนึ่ง รวมทั้งในมาตรา 24 ผู้ใดกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการช่วยเหลือให้คนขอทานอยู่ระหว่างถูกส่งตัวเข้าสถานสงเคราะห์ หรือเป็นผู้รับการสงเคราะห์ตาม พ.ร.บ.นี้หลบหนีออกจากสถานสงเคราะห์ มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าการกระทำความผิดดังกล่าวได้กระทำโดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือโดยมีหรือใช้อาวุธ ต้องระวางโทษหนักกว่าที่บัญญัติไว้กึ่งหนึ่งด้วย

โดยกำหนดให้มีคณะกรรมการประจำสถานสงเคราะห์ อย่างน้อย คนหนึ่งต้องเป็นนักสังคมสงเคราะห์ หรือนักจิตวิทยา ดำเนินการดูแลคนขอทาน โดยต้องสอบและบันทึกข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประวัติ สติปัญญา การศึกษา สุขภาพ สภาวะทางจิต ที่อยู่อาศัย ไว้เป็นหลักฐาน หากคนขอทานเป็นโรคติดต่ออันตรายให้ส่งไปโรงพยาบาล ถ้าคนขอทานเป็นคนต่างด้าวให้นำตัวส่งพนักงานเจ้าหน้าที่ให้ดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง การขอทานครั้งแรกโดยความจำเป็นเพื่อการดำรงชีพให้คณะกรรมการประจำสถานสงเคราะห์ว่ากล่าวตักเตือนไม่ให้ขอทาน หากกระทำอีกให้เสนอความเห็นต่ออธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการเพื่อให้รับตัวผู้นั้นไว้ในสถานสงเคราะห์ หรือส่งตัวไปสำนักงานจัดหางานของกรมการจัดหางาน แต่หากคนขอทานเป็นคนวิกลจริต จิตฟั่นเฟือน ให้ส่งตัวไปยังสถานพยาบาลกรมสุขภาพจิต เมื่อทุเลาหรือหายจากโรคให้ช่วยเหลือตามกรณี สำหรับคนขอทานที่เป็นคนชรา คนพิการ ทุพพลภาพหรือป่วยด้วยโรคอื่น ไม่ใช่โรคอันตรายให้ช่วยเหลือตามควรแก่กรณีด้วย