ตำรวจแพร่รวบทีมขนเฮโรอีนรายใหญ่ มูลค่านับร้อยล้านบาท จ่าใจเด็ดควบรถสกัดยึดของกลางเกือบ 200 กิโลกรัม
เมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 17 ก.พ. พ.ต.ต.สรณคมน์ กึกก้อง สารวัตรเวร สภ.เมืองแพร่ ได้รับแจ้งจาก นายชัยชาญ วันมหาใจ ผู้ใหญ่บ้านปากห้วย หมู่ 6 ต.วังธง อ.เมือง จ.แพร่ ว่า พบกลุ่มคนมีพิรุธรวมตัวกันที่บริเวณป่าละเมาะ ใกล้กับคลองส่งน้ำสาย 11 ชลประทานบ้านวังธง จึงได้แจ้งให้ชุดกรรมการหมู่บ้านเข้าตรวจสอบ
เมื่อกลุ่มคนดังกล่าวเห็นว่ามีคนจำนวนมากมาที่บริเวณดังกล่าว ได้วิ่งหนีไป เมื่อเข้าไปดูพบกระสอบฟางบรรจุสิ่งของภายใน จำนวน 12 ห่อ ซุกซ่อนบริเวณปากท่อส่งน้ำด้านล่างของป่าละเมาะ หลังรับแจ้งจึงรีบนำกำลังกว่า 50 นาย เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบกระสอบฟาง 11 กระสอบ และเป้ทหารสะพายหลัง 1 เป้ รวมจำนวน 12 ถุงนั้น บรรจุเฮโรอีนบริสุทธิ์ 100 เปอร์เซ็นต์ อัดแท่ง เต็มกระสอบ และใช้เชือกเถาวัลย์มัดปากถุง และนำไปซ่อนไว้ในท่อส่งน้ำ เพื่อรอการขนออกนอกพื้นที่
จากการสอบถาม นายสมศักดิ์ เทวินทร์ อายุ 55 ปี บ้านเลขที่ 56 หมู่ที่ 3 ต.วังธง อ.เมืองแพร่ ที่มีบ้านพักริมคลองส่งน้ำดังกล่าว ทราบว่า เมื่อเวลาประมาณ 16.00 น. วันเดียวกัน ได้สังเกตพบว่า มีรถยนต์ จำนวน 2-3 คัน วิ่งมาจอดที่บริเวณดังกล่าว และมีกลุ่มวัยรุ่น 3-4 คน เดินทางไปด้านล่าง และขับรถออกไป ตนจึงได้เข้าไปสอบถาม กลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวได้ตะโกนมาว่า กำลังปลดทุกข์ ก็ไม่ได้สนใจอะไร คิดว่าเป็นชาวบ้านที่มาหาของป่า แต่ใกล้ค่ำสุนัขที่เลี้ยงไว้ได้เห่าไม่หยุด และพบว่า มีรถยนต์เข้ามาบริเวณดังกล่าวอีก ตนเห็นท่าไม่ดี จึงได้แจ้งให้ผู้ใหญ่บ้านมาตรวจสอบ จนกลุ่มวัยรุ่นทั้งหมดขับรถหลบหนีไป
นายชวน ศิรินันทร์ ผวจ.แพร่ เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ เมื่อเวลา 23.00 น. และได้ขนย้ายเฮโรอีนจำนวนทั้งหมดมาตรวจสอบ ที่กองบังคับการตำรวจภูธรแพร่ จากการตรวจสอบพบว่า เป็นเฮโรอีนบริสุทธิ์ 100 เปอร์เซ็นต์ อัดแท่ง รวมน้ำหนัก 195.2 กิโลกรัม และควบคุมตัวผู้ต้องหาได้ทั้งสิ้น จำนวน 12 คน รถยนต์กระบะ จำนวน 5 คัน และถือเป็นการจับกุมครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในจังหวัดแพร่ และถ้าเล็ดลอดผ่านไปได้ จะมีราคาขายในตลาดมืดสูงกว่า 1,000 ล้านบาท เนื่องจากราคาซื้อขายตามชายแดนอยู่ที่กิโลกรัมละ 7.5 แสนบาท แต่ถ้าขายในตลาดมืดจะสูงมาก
พล.ต.ต.พงษ์ศักก์ เชื้อสมบูรณ์ ผบก.ภ.จว.แพร่ กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้ เนื่องจากเป็นความร่วมมือระหว่างตำรวจภูธรภาค 5 โดย พ.ต.อ.ธนรัตน์ สุขสวัสดิ์ ผู้กำกับสืบสวนภาค 5 ที่ติดตามสืบสวน และทราบว่าเป็นขบวนการใหญ่จากกรุงเทพมหานคร และเคยถูกจับกุมมาแล้ว จึงได้ขยายผล และทำให้ทราบว่าขบวนการดังกล่าว จะใช้เส้นทางลำเลียงผ่านจังหวัดแพร่ แต่หลบเลี่ยงเส้นทางหลัก หันมาใช้เส้นทางคลองส่งน้ำชลประทาน ที่เชื่อมต่อระหว่างอำเภอ มีรถกัน จำนวน 2 คัน และรถขน จำนวน 2 คัน เมื่อมาถึงตลาดบ้านท่าขวัญ จ.ส.ต.สุรัตน์ชัย พันธุ์เวช เจ้าหน้าที่ตำรวจตู้ยามบ้านเวียงตั้ง ได้ตั้งด่านสกัดตรวจค้นตามปกติ และพบมีพิรุธ เมื่อขอตรวจค้นปรากฏว่า รถทั้ง 4 คัน ขับหนี ทำให้ จ.ส.ต.สุรัตน์ชัย ตัดสินใจขับรถยนต์สกัดไว้ แต่คนร้ายหนีไปได้
ต่อมา เจ้าหน้าที่จับกุมดังกล่าว ผู้ต้องหาทั้งหมดที่จับได้ในช่วงแรก 7 คน ทราบชื่อคือ นายอดิศร ท่อเจริญไชยกุล อายุ 22 ปี บ้านเลขที่ 74/2 หมู่ที่ 25 ต.ตับเต่า อ.เถิง จ.เชียงราย เป็นคนขับรถยนต์ โตโยต้าวีโก้ สีดำ ทะเบียน บว 3149 เชียงราย และมีคนนั่งมาด้วยคือ นายศักดิ์ดา อุ่นหล้า อายุ 34 ปี บ้านเลขที่ 25 หมู่ที่ 3 ต.บ้านกลาง อ.เมือง จ.นครพนม และ นายเอ (นามสมมติ) อายุ 14 ปี บ้านเลขที่ 22 หมู่ที่ 15 ต.ตับเต่า อ.เทิง จ.เชียงราย รถคันดังกล่าว เป็นรถคัดปิดท้ายจาก จำนวน 4 คัน ส่วน นายเน้ย แซ่ฟ้า อายุ 26 ปี บ้านเลขที่67/1 หมู่ที่ 15 ต.ตับเต่า อ.เทิง จ.เชียงราย คนขับรถยนต์ โตโยต้า วีโก สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน ตธ -8716 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถนำคันที่ 1 มีคนนั่งมาด้วยคือ นายสุวิท วงศ์บุญชัยประเสริฐ อายุ 24 ปี บ้านเลขที่ 93 หมู่ที่ 15 ต.ตับเต่า อ.เทิง จ.เชียงราย นายเอกพล แซ่ลี อายุ 28 ปี บ้านเลขที่ 2/1 หมู่ 15 ต.ตับเต่า อ.เทิง จ.เชียงราย และ นายอนุชา แซ่ท่อ อายุ 20 ปี บ้านเลขที่ 2 ต.ตับเต่า อ.เทิง จ.เชียงราย ส่วนในตอนค่ำวันเดียวกัน ควบคุมตัวผู้ต้องหาได้อีก 5 คน และรถยนต์ อีก 3 คัน รวมผู้ต้องหาทั้งหมด 12 คน รถยนต์ จำนวน 5 คัน ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ติดตามขยายผลการจับกุม และยึดทรัพย์ขบวนการใหญ่นี้ต่อไป เนื่องจากพบว่า มีเครือข่ายกว้างขวางมาก และการจับกุมครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ใหญ่มาก