เตือนโจรแสบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ ปปง.หลอกให้โอนเงิน เตรียมเอาผิดยึดทรัพย์ พร้อมคาดโทษ 3 ธนาคารใหญ่ หลังปล่อยให้เปิดบัญชี พบถูกหลอกแล้วกว่า 50 ราย
วันนี้ (2 ก.พ.) ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ รองเลขาธิการ ปปง. รักษาการเลขาธิการ ปปง. แถลงข่าว เตรียมสอบสวนกลุ่มแอบอ้างสำนักงาน ปปง. หลอกลวงโอนเงินผ่านตู้กดเงินอัตโนมัติ (เอทีเอ็ม) หลังพบว่า ตั้งแต่ช่วงสิ้นปี 2553 จนถึงปัจจุบัน ปปง.ได้รับร้องเรียนจากประชาชนจำนวนมาก ว่า มีกลุ่มมิจฉาชีพแอบอ้างเบอร์โทรศัพท์สำนักงาน ปปง. หมายเลข 02-219-3600 และอ้างชื่อยศเจ้าหน้าที่ ปปง.ไปหลอกลวง ว่า บัญชีผู้เสียหายมีปัญหาเกี่ยวข้องกับเครือข่ายยาเสพติด ขอให้รีบโอนเงินทั้งหมดออกไปยังบัญชีอื่น ที่ผู้แอบอ้างระบุ บางรายถูกหลอกว่าธุรกรรมที่ใช้กับบัตรเครดิตมีความผิดปกติตามกฎหมายฟอกเงิน ทั้งนี้ มีผู้ร้องเรียนมายัง ปปง.ว่า ถูกหลอกแล้วกว่า 50 ราย คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 5 แสนบาท นอกจากนี้ ยังมีประชาชนที่ไม่ถูกหลอก และติดต่อสอบถามมายัง ปปง.วันละหลายสิบราย
ขณะนี้ตนทำหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อแจ้งเรื่องต่อไปยังกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) รวมถึง ทศท. หรือ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ให้ชี้แจงข้อเท็จจริง กรณีที่คนร้ายสามารถนำหมายเลขโทรศัพท์ของหน่วยงานราชการไปแอบอ้างกระทำความผิดได้ นอกจากนี้ได้สั่งการให้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อรวบรวมหลักฐาน และจะติดตามยึดทรัพย์เครือข่ายเหล่านี้ต่อไป โดยขอให้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ติดต่อมาที่เบอร์ 081-174-5286 และ 084-387-7008
นอกจากนี้ ยังพบว่า มีบัญชีที่ทำธุรกรรมต้องสงสัยเดือนละ 5,000-10,000 ธุรกรรม มีการรับจ้างเปิดบัญชีมากถึงเดือนละ 5,000 บัญชี โดยได้รับค่าจ้างครั้งละ 3,000 บาท สำหรับบัญชีธนาคารใหญ่ 3 ธนาคาร ที่ยอมให้มีการเปิดบัญชี ปปง.มีกฎหมายฟอกเงินที่กำกับดูแลสถาบันการเงิน ต้องรายงานธุรกรรมการเงิน และการเปิดบัญชีของลูกค้ารายใหม่อยู่แล้ว ดังนั้น ปปง.จะตรวจสอบไปยังธนาคารดังกล่าว หากพบว่า ธนาคารเพิกเฉยปล่อยให้มีการเปิดบัญชี เพื่อการกระทำผิด ธนาคารมีความผิดในโทษปรับไม่เกิน 5 แสนบาท และโทษปรับวันละไม่เกิน 5 พันบาท ส่วนผู้รับจ้างเปิดบัญชี อาจเข้าข่ายร่วมสนับสนุน หรือเป็นเครือข่ายการกระทำผิด ซึ่ง ปปง.จะดำเนินการจับกุมยึดทรัพย์ผู้เกี่ยวข้องในการแอบอ้างหลอกลวงประชาชน สำหรับผู้เสียหายที่ถูกหลอกมากที่สุด อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ สมุทรปราการ สุพรรณบุรี กาญจนบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา พิจิตร ร้อยเอ็ด และนครราชสีมา