เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 17 ม.ค. นายสมพงษ์ บุตรเมือง ผอ.ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ที่ 3 จังหวัดชุมพร
รับแจ้งพบปลาโลมาตายเกยชายหาดบ้านคอหมู ม.4 ต.ปากน้ำ อ.เมือง ชาวบ้านทนกลิ่นเหม็นไม่ไหวจึงช่วยกันขุดหลุมฝังไว้ จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อม น.ส. นิภาวรรณ บุศราวิช ผอ.ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยรักศีลธรรมปากน้ำชุมพร
เมื่อไปถึงจุดฝังโลมาดังกล่าว เจ้าหน้าที่กู้ภัยช่วยกันขุดซากโลมาขึ้นมา
พบว่าเป็นชนิดหัวบาตรหลังเรียบ อายุโตเต็มวัยไม่ต่ำกว่า 3 ปี วัดความยาวได้ 2.65 เมตร น้ำหนักประมาณ 70 ก.ก. ไม่สามารถพิสูจน์เพศได้เนื่องจากสภาพเน่าเปื่อย คาดว่าตายมาแล้วไม่ต่ำกว่า 4-5 วัน นายสมพงษ์ เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า เห็นปลาโลมาอีกตัวถูกคลื่นซัดเข้าฝั่งที่ ต.หาดทรายรี อ.เมือง สภาพศพเพิ่งตายไม่นาน เนื้อยังสดพอที่จะนำไปบริโภคได้ ชาวบ้านจึงช่วยกันแล่เนื้อแจกจ่ายแบ่งกันไปกิน เป็นที่น่าสังเวชใจ จึงโทรศัพท์แจ้งเพื่อให้หามาตรการป้องกันต่อไป
"ในฐานะผอ.ศูนย์ มีหน้าที่ปราบปรามจับกุมผู้กระทำผิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ จึงได้แจ้งให้ ผอ. ศูนย์วิจัยฯ ลงมาตรวจสอบ ส่วนการจับกุมผู้ที่นำเนื้อโลมาไปกินก็จะได้ประสานเจ้าหน้าที่สภ. ปากน้ำชุมพร ดำเนินการทางกฎหมาย" นายสมพงษ์ ระบุ
ด้านน.ส.นิภาวรรณ กล่าวว่า จากสถิติการเสียชีวิตของโลมาในปี 2553 ตั้งแต่พื้นที่จ.ประจวบฯ-ชุมพร-สุราษฎร์ธานี พบโลมาเสียชีวิตทั้งสิ้น 23 ตัว ส่วนใหญ่เป็นโลมาหัวบาตรหลังเรียบ เพราะมีชุกชุมหลายฝูงในอ่าวไทยตอนบน เนื่องจากเป็นแหล่งอาหารของโลมาที่มีความอุดมสมบูรณ์อยู่มาก