ใต้ฆ่ารายวัน 3 ศพ ร.ร.-เปิดไม่หมด

ปัญหาความรุนแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังคงเป็นปัญหาหลักที่รัฐบาลของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ต้องเร่งแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน ทั้งการปรับแผนใช้กำลังทหารเข้าปราบปรามมากขึ้น ควบคู่ไปกับการเร่งผลักดันให้พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และอีก 2 จังหวัดพื้นที่ติดต่อกันเป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจเฉพาะกิจ ล่าสุดกลุ่มชาวบ้านใน ต.คีรีเขต อ.ธารโต จ.ยะลา ประกาศทำสงครามกับกลุ่มโจรใต้ จับอาวุธลุกขึ้นสู้ เพื่อปกป้องแผ่นดินเกิดตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้วนั้น

ต่อมาเมื่อวานนี้ (4 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปสังเกตการณ์ในพื้นที่ ต.คีรีเขต อ.ธารโต จ.ยะลา พบว่ากลุ่มชาวบ้านแต่ละหมู่บ้านได้จัดเวรยามพร้อมอาวุธครบมือเฝ้าดูแลรอบๆหมู่บ้านของแต่ละกลุ่มอย่างเข้มงวด หากพบคนแปลกหน้าหรือท่าทางมีพิรุธก็จะมีการสอบถามรวมทั้งตรวจค้นยานพาหนะที่จะผ่านเข้าออกในหมู่บ้านด้วย ทั้งนี้นายประทีป ทองคำ นายก อบต.คีรีเขต อ.ธารโต จ.ยะลา เผยว่า ในวันที่ 5 ธ.ค.นี้ชาวบ้านในตำบลคีรีเขต จะร่วมกันจัดงานถวายพระพรเนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวามหาราชขึ้น โดยนายสุรชัย วงศ์ศุภลักษณ์ นายอำเภอธารโต จะนำเจ้าหน้าที่มาร่วมในพิธีถวายพระพรด้วย ส่วนมาตรการคุมเข้มและการลุกขึ้นจับอาวุธสู้โจรใต้ จะยังคงดำเนินการต่อไป จนกว่าสถานการณ์รุนแรงจะยุติ แต่ทั้งนี้อยากฝากให้รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งประสานทำความเข้าใจระหว่างกลุ่มไทยพุทธกับไทยมุสลิมด้วย เพราะที่ผ่านมา ต่างฝ่ายต่างหวาดระแวงกันมาตลอด เพราะกลุ่มโจรใต้ใช้แผนก่อกวนสร้างความแตกแยกอย่างรุนแรง

ส่วนบรรยากาศการเปิดเรียนวันแรกในจังหวัดยะลา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โรงเรียนส่วนใหญ่ได้เปิดสอนตามปกติแล้ว ยกเว้นบางโรงเรียนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยโดยเฉพาะโรงเรียนในพื้นที่อำเภอยะหารวม 28 แห่ง ยังคงหยุดการเรียนการสอน รวมทั้งบางโรงเรียนใน ต.บาเจาะ อ.บันนังสตา จ.ยะลา เนื่องจากคณะครูยังไม่มีความมั่นใจในความปลอดภัย ทั้งนี้ นายอดินันท์ ปากบารา ผอ.สำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษายะลาเขต 1 กล่าวว่า โรงเรียนในเขตพื้นที่การศึกษายะลาเขต 1 ทุกแห่งเปิดเรียนตามปกติ ยกเว้นในเขตพื้นที่การศึกษายะลาเขต 2 ซึ่งเกิดเหตุบ่อยก็ต้องดูถึงเรื่องความปลอดภัยก่อน หากผู้บริหารเห็นว่ายังไม่มีความปลอดภัย ก็สามารถปิดโรงเรียนต่อไปได้ ส่วนมาตรการในการรักษาความปลอดภัยครูขณะเดินทางและขณะสอนที่โรงเรียน จะให้ชาวบ้านซึ่งเป็น ชรบ. เข้าไปช่วยดูแลตลอดทั้งวัน โดยทางกระทรวงศึกษาธิการได้รับสมัครประชาชนในพื้นที่ เข้ามาอยู่เป็นเพื่อนครูโรงเรียนละ 2 คน และกำชับให้ครูระมัดระวังตนเองให้มากขึ้น ส่วนนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ซึ่งในปีนี้จะต้องเตรียมตัวเพื่อสอบคัดเลือกเข้าสถาบันอุดมศึกษาในปีหน้านี้ ทางกระทรวงศึกษาฯจะให้มีการติวเข้มเพื่อเตรียมสอบให้กับนักเรียนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ฟรีอีกด้วย ภายในปลายเดือนนี้และในปีหน้า เพื่อให้เด็กๆ ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีโอกาสเข้าศึกษาต่อได้มากที่สุด

ต่อมาเวลา 10.30 น. วันเดียวกัน ที่ห้องประชุมไทรทอง โรงเรียนตันหยงมัส อ.ระแงะ จ.นราธิวาสนายสงวน อินทร์รักษ์ เลขาธิการสมาพันธ์ครู จ.นราธิวาส เป็นตัวแทนสมาพันธ์ครู จ.นราธิวาส เรียกประชุมผู้บริหารโรงเรียนทั้ง 13 อำเภอในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานราธิวาสเขต 1 และเขต 2 รวมทั้งโรงเรียนเอกชนรวม 400 แห่ง เพื่อประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในระยะ 2 ปีที่ผ่านมา ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีข้าราชการครูถูกคนร้ายลอบทำร้ายเสียชีวิตไปแล้วจำนวน 60 คน โดยที่ประชุมมีมติให้แต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ในการดูแลรักษาความปลอดภัยครูให้ทุกหน่วยมีส่วนร่วม โดยจะเข้าพบนายการันต์ ศุภกิจวิเลขการ ผวจ.นราธิวาส เพื่อหารือแนวทางการ รปภ.ครูให้มี ประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม และให้แต่งตั้ง ผอ. สนง.เขตพื้นที่การศึกษานราธิวาส ทั้ง 2 เขต เป็นที่ปรึกษาในการแก้ไขปัญหา โดยจะนำเสนอถึง ผวจ.นราธิวาส ในวันที่ 12 ธ.ค.นี้ และระหว่างที่รอฟังข้อสรุป ก็ให้อำนาจ ผอ.แต่ละโรงเรียนเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะเปิดเรียนเมื่อไหร่

ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปสังเกตการณ์ที่โรงเรียนบ้านยาแลเบาะ อ.รือเสาะ ซึ่งถูกคนร้ายลอบวางเพลิงเผาอาคารเรียนวอดทั้งหลังจำนวน 6 ห้องเรียน เมื่อคืนวันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา พบว่า มีการนำเต็นท์ จำนวน 6 หลัง มากางไว้ที่สนามหน้าโรงเรียน แต่ไม่มีครูและนักเรียนไปโรงเรียนแต่อย่างใด ส่วนโรงเรียนอื่นๆ ในเขตพื้นที่การศึกษานราธิวาสเขต 1 และเขต 2 จำนวน 360 โรงเรียน ได้เปิดเรียนบางแห่งประมาณ 200 โรง ส่วนโรงเรียนที่อยู่ในพื้นที่สีแดงไม่ปลอดภัยยังคงปิดโรงเรียน เนื่องจากครูไม่มีความมั่นใจในความปลอดภัย

ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 4 ธ.ค. พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้หารือร่วมกับนายประกิจ ประจนปัจนึก เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และพล.อ.ไวพจน์ ศรีนวล ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ (สขช.) ถึงปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการหารือว่า นายกรัฐมนตรีแสดงความห่วงใยถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เน้นย้ำให้ทางกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 (กอ.รมน. ภาค 4) ดูแลทางด้านการข่าว เน้นเรื่องรู้เขารู้เรา และติดตามข่าวสารอย่างชัดเจน รวมถึงการปฏิบัติการจิตวิทยาเชิงรุก โดยระบุว่าเรื่องความมั่นคงต้องมีการติดตามอย่างใกล้ชิด ส่วนสถานการณ์ความรุนแรงรายวันที่เกิดขึ้นนั้น นายกรัฐมนตรีได้รับรายงานอย่างละเอียดจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว รวมทั้งได้สั่งการให้เร่งรัดการป้องกันเหตุร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นอีก

ทางด้าน พล.อ.มนตรี สังขทรัพย์ เสนาธิการทหารบก กล่าวถึงการปรับโครงสร้างกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.)ว่า ทาง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. และประธาน คมช.ในฐานะ ผอ.กอ.รมน. ให้ปรับในหน่วยที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงที่สังกัด กอ.รมน. โดยให้ยกระดับตัวแทนจาก 5 หน่วยงานอิสระที่เข้ามาอยู่ในกอ.รมน.คือ ตัวแทนของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เป็นที่ปรึกษา กอ.รมน. แทนที่จะไปอยู่ในระดับเดียวกันกับกองทัพบกและตัวแทนจากทุกกระทรวงที่จะมาอยู่ร่วมกันเป็นศูนย์ประสานงานความมั่นคง เพื่อดูแลปัญหาต่างๆ โดยหลังจากปรับปรุงโครงสร้างเสร็จจะนำเรียนนายกฯ เพื่อที่จะเริ่มปฏิบัติงานในวันที่ 1 ม.ค.นี้ ส่วนกำลังทหารพราน 10 กองร้อยแรกจะเริ่มปฏิบัติหน้าที่ได้ไม่เกินวันที่ 15 ม.ค.นี้ ส่วนที่เหลือคงไม่เกินเดือน เม.ย.ปีหน้า

พล.อ.มนตรียังกล่าวต่อไปว่า ในที่ประชุมหน่วยขึ้นตรง พล.อ.สนธิได้กำชับให้แม่ทัพภาคที่ 4 ให้ทำยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาภาคใต้ระยะยาว ตั้งแต่ปัจจุบันถึงอนาคตว่ากองทัพภาคที่ 4 จะทำอะไรบ้าง และกำชับให้กองทัพภาคที่ 4 ดูแลปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ โดยเร็ว โดยปรับยุทธวิธีปฏิบัติการให้เพิ่มการจรยุทธ์และลาดตระเวนมากขึ้น นอกจากนี้ พล.อ.สนธิได้สั่งการให้ กรมการทหารช่างเข้าไปดำเนินการซ่อมแซมถนนสายยะลา-นราธิวาส บริเวณสามแยกหนองจิก ที่เอกชนก่อสร้างยังไม่เสร็จเพื่อประชาชนจะได้ใช้ประโยชน์จากเส้นทางสายนี้ด้วย

ทางด้านคุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.ที่ผ่านมา ได้เดินทางไปเยี่ยมอาการป่วยของ น.ส.จูหลิง ปงกันมูล อายุ 24 ปี หรือครูจูหลิง ครูอัตราจ้าง รร.บ้านกูจิงรือปะ ที่พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลาได้รับแจ้งจากพ่อแม่ของครูจูหลิงว่าต้องการย้ายครูจูหลิงกลับไปรักษาต่อที่จ.เชียงรายซึ่งเป็นบ้านเกิด เนื่องจากครูจูหลิงพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์มานานกว่า 7 เดือนแล้ว รู้สึกคิดถึงบ้าน โดยทางครอบครัวของครูจูหลิงได้ทำหนังสือแจ้งมายังตนเมื่อวันที่ 4 ธ.ค.เพื่อขอย้ายแล้ว แต่เนื่องจากครูจูหลิงเป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ดังนั้น จึงต้องขอความเห็นไปยังสำนักราชเลขาธิการ สำนักพระราชวังเพื่อทูลขอพระบรมราชานุญาตก่อน โดยทางผู้อำนวยการโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ รับที่จะไปประสานกับทางสำนักราชเลขาธิการฯให้ต่อไป

ส่วนสถานการณ์รุนแรงยังมีเกิดขึ้นเป็นรายวัน โดยเมื่อเวลา 09.15 น. วันที่ 4 ธ.ค. ร.ต.ต.ธัญ ศิริขันธุ์ ร้อยเวร สภ.อ.เมืองยะลา รับแจ้งเหตุยิงกันบนถนนสาย 410 (ยะลา-เบตง) หมู่ 2 บ้านบันนังบูโบ ต.บันนังสาเรง จึงพร้อมด้วย พล.ต.ต.ไพฑูรย์ ชูชัยยะ ผบก.ภ.จ.ยะลา พ.ต.อ.ภูมิเพ็ชร พิพัฒน์เพ็ชรภูมิ ผกก. พ.ต.ต.จิรสิทธิ์ ลอแม รอง ผกก.สส. นำกำลังรุดไปที่เกิดเหตุ พบศพ นายดอแม กาแล อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 113 หมู่ 3 ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ถูกยิงด้วยกระสุนปืน 11 มม.ที่ท้ายทอยกระสุนทะลุหน้าผากและชายโครงขวารวม 3 นัด นอนตายอยู่ในคูน้ำริมถนน ข้างรถ จยย.ฮอนด้า เวฟ สีเทา ทะเบียน กบม 919 ยะลา มีปลอกกระสุนปืนตกอยู่บนสะพานคลองข้ามบือยอ 3 ปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ส่วน ด.ญ.โซเฟีย กาแล ลูกสาวผู้ตายวัย 3 ขวบ ถูกกระสุนปืนที่หน้าท้องทะลุหลัง 1 นัด พลเมืองดีช่วยนำส่ง รพ.ศูนย์ยะลาอาการสาหัส สอบสวนทราบว่าผู้ตายมีอาชีพรับจ้างกรีดยางและยังเป็นสายข่าวให้กับทางการ ก่อนเกิดเหตุไปรับลูกสาวที่บ้านญาติกำลังจะกลับบ้าน ถูก 2 คนร้ายขี่รถ จยย.ไล่ตามประกบยิงจนตัวเองเสียชีวิต ส่วนลูกสาวบาดเจ็บปางตายดังกล่าว

อีกรายเมื่อเวลา 15.30 น. พ.ต.ต.เจริญ นวนทอง สว.หน.สภ.ต.แม่หวาด อ.ธารโต จ.ยะลา รับแจ้งมีคนถูกยิงบาดเจ็บหน้าปากทางเข้าหมู่บ้านกระป๋อง หมู่ 3 ต.แม่หวาด รุดไปตรวจสอบพบเพียงกองเลือดและปลอก กระสุนปืน 11 มม. ตกอยู่ 3 ปลอก และปลอกกระสุนปืนลูกซองอีก 2 ปลอกจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ส่วนผู้บาดเจ็บถูกนำส่ง รพ.ศูนย์ยะลา ทราบชื่อนายรพินทร์ ศิลปชัย อายุ 45 ปี ถูกยิงด้วยกระสุนปืนทั้ง 2 ขนาดบริเวณลำตัวและศีรษะอาการโคม่า ส่วนสาเหตุคาดว่าน่าจะเป็นการสร้างสถานการณ์ของกลุ่มโจรใต้เช่นกัน

ส่วนที่ จ.นราธิวาส เมื่อเวลา 11.10 น. วันเดียวกัน ร.ต.ต.ชวนินทร์ กิตติชัยวัชร์ ร้อยเวร สภ.อ.ศรีสาคร รับแจ้งมีเหตุคนถูกยิงได้รับบาดเจ็บบนถนนภายในหมู่บ้านบ้านไอร์กือเด หมู่ 4 ต.ศรีบรรพต รุดไปตรวจสอบพบเพียงกองเลือด ส่วนคนเจ็บถูกนำส่ง รพ.ศรีสาคร ทราบชื่อนางแมะ ดือลาแม อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 72/1 บ้านไอร์กือเด หมู่ 4 ต.ศรีบรรพต อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส ถูก 2 คนร้ายขี่รถ จยย.ตามประกบยิงด้วยกระสุนปืนไม่ทราบขนาดที่บริเวณลำคอ 1 นัด และบริเวณเอวขวาอีก 1 นัด อาการสาหัส คาดเป็นฝีมือกลุ่มโจรใต้

ที่ จ.ปัตตานี เมื่อเวลา 10.20 น. วันเดียวกัน พ.ต.อ.ถวัลย์ นคราวงศ์ ผกก.สภ.อ.หนองจิก รุดไปตรวจสอบเหตุ 2 คนร้ายขี่รถ จยย.ไม่ทราบทะเบียน ประกบยิงนายพลอย ดิษฐ์วงศ์ อายุ 51 ปี ชาวบ้าน ต.ยาบี อ.หนองจิก บริเวณลำตัว 2 นัดเสียชีวิตคารถ จยย.แบบพ่วงข้าง ทะเบียน ฆ-1325 ปัตตานี บนถนนสายท่ากูโบร์-ยาบี ม.4 ต.ลิปะสะโง ส่วนเพื่อนที่นั่งมาด้วยกระโดดลงจากรถวิ่งหนีเลยรอดตายมาอย่างฉิวเฉียด

อีกรายเมื่อเวลา 12.00 น. พ.ต.อ.เดโช จุลแก้ว ผกก.สภ.อ.ไม้แก่น จ.ปัตตานี รับแจ้งมีตำรวจถูกยิงเสียชีวิตหน้าร้านชำไม่มีชื่อ ฝั่งตรงข้ามธนาคารทหารไทยจำกัด สาขาไม้แก่น หมู่ 1 ต.ไทรทอง จึงนำกำลังรุดไปที่เกิดเหตุ พบศพ ด.ต.อรุณ สุดเพชรโรจน์ อายุ 45 ปี ผบ.หมู่งานจราจร สภ.อ.ไม้แก่น ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยของธนาคารฯ ถูกยิงด้วยอาวุธปืนพกสั้นไม่ทราบขนาดเข้าที่ศีรษะด้านขวา 1 นัด กระสุนฝังใน จากการสอบสวนทราบว่าช่วงเกิดเหตุผู้ตายเดินออกจากธนาคารข้ามไปซื้อของในร้านชำฝั่งตรงข้าม มีคนร้ายเป็นชาย 4 คน ขี่รถ จยย. 2 คัน มาจอดที่ฝั่งธนาคาร 1 คันเหมือนคุมเชิง ส่วนอีกคันขับไปจอดหน้าร้านชำ คนซ้อนท้ายฉวยจังหวะที่ ด.ต.อรุณยืนหันหลังให้ ตรงเข้าไปจ่อยิงล้มฟุบเสียชีวิตคาที่ ก่อนจะปลดปืนเอชเค 33 และปืน .38 รวม 2 กระบอก หลบหนีไป ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นต่อหน้าประชาชนหลายสิบคนที่เดินผ่านไปมา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างสอบปากคำเพื่อหาเบาะแสคนร้ายต่อไป