นายกฯป้องโปลิศวิสามัญ“โจ๊ก ไผ่เขียว”

“มาร์ค” ป้องตำรวจทำถูกต้องแล้ววิสามัญ “โจ๊ก ไผ่เขียว” เพราะคิดเหิมสู้เจ้าหน้าที่ ลั่นท้องที่ใดปล่อยให้ยาเสพติดกับตู้ม้าระบาดสั่งฟันแน่ “อัศวิน” แฉ ยาเสพติดกลับมาระบาดใหญ่ เพราะอำนาจรัฐอ่อนแอ ขณะเดียวกันเบิกตัวผู้ต้องหาคนสำคัญ “จิ๊บ ไผ่เขียว” ส่งศาลฝากขังพร้อมกับคัดค้านไม่ให้ประกัน และส่งตัวเข้าเรือนจำไม่ขอรับตัวกลับโรงพัก

วานนี้ ( 15 ธ.ค.)  นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีมีการเผยแพร่คลิปวิดีโอวิสามัญ “โจ๊ก ไผ่เขียว” ตามเวปไซด์ต่าง ๆ

จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตำรวจทำเกินกว่าเหตุ ว่า ตำรวจได้ชี้แจงเรื่องนี้แล้ว และยืนยันว่าทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย โดย พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ที่ปรึกษา (สบ.10) รักษาราชการแทน ผบช.ภ.1 ชี้แจงมาว่า หากคนร้ายไม่คิดต่อสู้ เจ้าหน้าที่ตำรวจคงไม่ทำอะไรรุนแรง
   
ต่อข้อถามว่า พื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ถือเป็นแหล่งค้ายาเสพติดแหล่งใหญ่ รัฐบาลจะดำเนินการกับตำรวจในพื้นที่อย่างไร

นายกตอบว่า พื้นที่ใดมีปัญหาหรือปล่อยให้เกิดการขยายตัวของปัญหา หรือมีการปล่อยปละละเลยให้มียาเสพติด เจ้าของพื้นที่ต้องรับผิดชอบ แม้แต่เรื่องตู้ม้าที่ขณะนี้มีคนร้องเข้ามามากในพื้นที่นครบาล ตนได้ย้ำไปแล้วว่าถ้ามีปัญหาพื้นที่ใด ผู้บังคับบัญชาในพื้นที่นั้นต้องรับผิดชอบโดยตรง
   
วันเดียวกัน พล.ต.อ.อัศวินเดินทางเข้ารายงานความคืบหน้าคดีน้องโตมี่ให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงที่ทำเนียบรัฐบาล

ก่อนจะออกมาให้สัมภาษณ์ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสว่า นายสุเทพรองนายกได้กล่าวชื่นชมตนว่า “มึงเก่งมาก” พร้อมทั้งมอบนโยบายให้ปราบปรามยาเสพติด แก๊งกวนเมือง เช่นแก๊งปาหิน ยิงข่มขู่ผู้ใช้รถสัญจรไปมา โดยขณะนี้ให้เน้นพื้นที่ภาค 1 ก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นถึงขยายไปพื้นที่อื่น
   

ส่วนกรณีคลิปวิสามัญโจ๊ก ไผ่เขียว ตำรวจมือปราบเปิดเผยว่า ตนไม่ทราบว่าคลิปนั้นไปต่อกันมาได้อย่างไร

เขากับตนไม่เคยโกรธเคืองกัน แล้วตนจะไปทำเพื่ออะไร อย่างเช่น “จิ๊บ ไผ่เขียว” ที่ตำรวจเข้าจับกุมวันนั้น ทั้งที่เขามีปืนหากตนมีจิตใจโหดร้ายก็ต้องสั่งให้ยิงทิ้งแล้ว ตนขอยืนยันว่าตนรับราชการมาจนเกือบจะเกษียณแล้ว ตนไม่ทำอย่างนั้นอย่างเด็ดขาด ตนคงไม่เสี่ยงเอาชื่อเสียงที่สะสมมาตลอดชีวิตทำอย่างนั้นแน่นอน แต่รายของโจ๊ก ไผ่เขียวคิดต่อสู้ตำรวจ เราเลยต้องป้องกันตัว เมื่อถามว่าเหตุใดยาเสพติดถึงกลับมาระบาดใหญ่อีกครั้ง พล.ต.อ.อัศวินตอบว่า ตราบใดที่อำนาจรัฐอ่อนแอ มันจะเป็นอย่างนี้
   
ด้านนายสุเทพรองนายกฯกล่าวว่า หลังคดีนี้จบทำให้รู้ว่าพื้นที่ภาค 1 มียาเสพติดมาก ซึ่งตนจะสั่งให้ พล.ต.อ.อัศวินซึ่งรักษาการ ผบช.ภ.1 ไปจัดการ

ความจริงตนอยากให้ พล.ต.อ.อัศวินเป็น ผบช.ภ1 ตัวจริงเลยด้วยซ้ำ เพราะทำงานดีได้ผลงานเยี่ยม ส่วนที่มีข่าวลือว่าตำรวจจับจิ๊บไผ่เขียวได้นานแล้ว แต่พาไปตระเวนให้บอกที่ซ่อนเงิน และยักยอกเก็บเอาไว้เองจนเหลือแค่ 8 ล้านบาท ทั้งที่มีอยู่ 50 ล้านบาทนั้น ตนเชื่อเป็นข่าวลือที่ตั้งใจให้ร้ายตำรวจที่ทำงาน ขณะที่นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทยระบุว่า ทางมหาดไทยยังทำงานเข้าเป้า กรณีปราบปรามยาเสพติด เพราะบางจังหวัดลดลงแล้ว
   
ส่วนความคืบหน้าทางด้านคดีเมื่อเวลา 10.00 น. วันเดียวกัน พ.ต.ท.ธีระยุทธ์ ทองสาริ รอง ผกก.สส.สภ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา

นำตัวผู้ต้องหาคนสำคัญ นายนพพล ประสงค์ศิล หรือ “จิ๊บ ไผ่เขียว” ออกจากห้องควบคุมมาสอบปากคำเพิ่มเติม พร้อมกับทำประวัติอย่างละเอียด เพื่อสอบว่าเข้าไปเกี่ยวข้องหรือโยงคดีสำคัญอะไรบ้าง ขณะที่จิ๊บ ไผ่เขียวเปิดเผยว่า ตนยืนยันว่าโจ๊กพี่ชายตนเป็นคนยิง ตนแค่ขี่รถจยย.เท่านั้น วันที่ตำรวจบุกเข้าจับ ตนไม่เคยคิดสู้ตำรวจ เพราะตนทำผิดก็ยอมรับผิด ตนต้องขอกราบขอโทษพ่อแม่ของน้องโตมี่ด้วย ขออโหสิกรรมให้ตนและพี่ชายด้วย และกราบขอโทษพ่อกับแม่ที่ทำผิด ตนจะขอชดใช้กรรมที่ทำ ส่วนเมื่อคืนตนนอนหลับสบายดี ยุงไม่กัด มีตำรวจเฝ้าตลอดเวลา
   
จากนั้นเวลา 13.30 น. พ.ต.อ.อนุสรณ์ วะยาคำ ผกก.สภ.อุทัย นำตัวนายจิ๊บออกจากห้องขัง พร้อมกับเอาเสื้อเกราะกันกระสุนมาสวมใส่ให้

เพื่อป้องกันพรรคพวกในแก๊งส่งสมุนมาฆ่าปิดปาก ก่อนนำตัวไปฝากขังที่ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมีหน่วยจู่โจมของจังหวัดกว่า 20 นายอาวุธครบมือคุ้มกันอย่างแน่นหนา โดยพนักงานสอบสวนได้ขอคัดค้านการประกันตัว และขอให้ส่งเข้าไปควบคุมอยู่ในเรือนจำทันที
   
พล.ต.ต.อนุรักษ์ แตงเกษม ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ตำรวจจับตายโจ๊กกับจับจิ๊บ ไผ่เขียวได้ ทางเราพอรู้เบาะแสเครือข่ายของ 2 พี่น้องแก๊งยาบ้าแล้วแต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ส่วนผู้ค้ารายย่อยทราบมาว่า ได้หนีเตลิดออกนอกพื้นที่ไปจนหมดแล้ว ตนขอยืนยันว่าขบวนการยาบ้าต้องหมดไปจากชุมชนไผ่เขียวอย่างแน่นอน.