ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 07.45 น. วันที่ 14 พ.ย.53 พ.ต.ท.ธนเดช เตชะบุลวัชร์ พนักงานสอบสวน (สบ.2) สภ.ท่าหินเมืองลพบุรี
ได้รับแจ้ง ไฟไหม้ตลาดท่าขุนนาง ตำบลท่าหิน อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี จึงแจ้งรถดับเพลิงจากเทศบาลเมืองลพบุรี ไปดับเพลิง แต่เพลิงได้ลุกไหม้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากในช่วงเช้ามีกระแสลมแรงมาก จึงทำให้ไม่สามารสกัดกั้นต้นเพลิงเอาไว้ได้ จึงได้ขอความช่วยเหลือจากรถดับเพลิงจากหน่วยข้างเคียง จำนวนกว่า 10 คัน มาช่วยกันสกัดกั้นเพลิงสามารถสกัดกั้นไม่ให้ลุกลามไปยังคูหาอื่น ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงจึงจะสกัดกั้นเพลิงไม่ให้ลามไปยังตึกข้างเคียงได้
หลังจากเกิดเหตุ ได้มีนายฉัตรชัย พรหมเลิศ ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี
นั่งรถจักรยานยนต์เข้าไปในที่เกิดเหตุเพื่อไปเยี่ยมประชาชนเนื่องจากสภาพการจรจรรถติดเป็นแถวยาวเหยียด และไปอำนวยการในการดับเพลิงด้วยตนเอง โดยมี นายจำเริญ สละชีพ นายกเทศมนตรีเมืองลพบุรี,นายสุบรรณ จิระพันธ์วาณิชย์ นายก อบจ.ลพบุรี,นายรังสรรค์ สละชีพ รองนายก อบจ.ลพบุรี,พลตำรวจตรี ชาติชาย แตงเอี่ยม ผบก.ภ.จว.ลพบุรี ไปเยี่ยมชาวบ้านด้วย
จากการตรวจสอบทราบว่าอาคารที่เกิดเพลิงไหม้นั้นเป็นอาคารไม้สองชั้นสภาพเก่าแก่
ชาวบ้านอาศัยอยู่กันมานานชั่วอายุลูกหลาน นับกว่า 100 ปี จำนวน 40 ห้อง มีชาวบ้านได้เห็นต้นเพลิงนั้นเกิดจากเสาไฟฟ้า สายไฟฟ้าอยู่กันไม่เป็นระเบียบ เสานี้อยู่ติดกับห้องหมายเลข 33 และ ห้องหมายเลข 93/1 ต.ท่าหิน อ.เมือง จ.ลพบุรี เกิดกระแสไฟฟ้าลุกขึ้นที่สายไฟฟ้าและลามเข้าไปในอาคารบ้านเรือนราษฏร ทำให้ไฟลุกไหม้อย่างรวดเร็ว
บรรดาแม่ค้าที่อาศัยในอาคารที่เพลิงกำลังลุกไหม้ และอาคารข้างเคียงต่างพากันขนของใช้ และของภายในบ้าน หนีออกมาจากอาคารสภาพโกลาหล
นายบุญส่ง ทองทัศนีย์ อายุ 65 ปี อยู่เลขที่ 93 ต.ท่าหิน อ.เมือง จ.ลพบุรี ที่อยู่ติดกับห้องต้นเพลิงหนีออกมาได้โดยไม่ได้นำสิ่งของออกมา หลังจากเพลิงสงบลง ได้เข้าไปเอาโต๊ะเก็บเงินลูกค้า เงินที่อยู่ภายในลิ้นชักโต๊ะได้ไหม้เกรียมหลายหมื่นบาท และตู้เซฟเงินสิ่งของมีค่าอีก 1 ตู้ก็ถูกไฟไหม้เช่นเดียวกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับตลาดท่าขุนนางนั้นได้เคยถูกเพลิงไหม้เมื่อหลายปีก่อน จำนวน 3 ครั้ง แต่ละครั้งไหม้ไม่ต่อกว่า 10 ห้อง เนื่องจากเป็นอาคารไม้ที่เก่าแก่อายุไม่ต่อกว่า 100 ปีทั้งสิ้น ไฟไหม้ช่วงปลายปีอย่างเข้าหน้าหนาวทุกครั้ง ส่วนไฟไหม้ครั้งนี้คาดว่าไฟฟ้าลัดวงจร