ถล่ม70นัดดับคาเก๋ง แก๊งยาบ้าหักกันเอง พรุน 2 ศพ-สาหัสอีก1


ไม่มีสัจจะในหมู่โจร ยังเป็นคำที่ใช้ได้อยู่เสมอ เช่น ในแวดวงธุรกิจมืด ที่เต็มไปด้วยผลประโยชน์มหาศาล เรื่องหักหลังกันเอง คดโกงกันเอง มีอยู่เป็นประจำ

ลงเอยมักกลายเป็นการล้างแค้นฆ่าแกงกันอย่างโหดเหี้ยมอำมหิต

เหมือนเหตุร้ายที่เกิดกับนายสมรัก เทียนทอง และพวก ซึ่งถูกมือปืนลึกลับยิงถล่มด้วย 9 ม.ม. ตายสยองคารถเก๋งฮอนด้าซีวิค 2 ศพ บาดเจ็บสาหัสอีก 1 เหตุเกิดที่อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นข่าวครึกโครมไปก่อนหน้านี้ คนร้ายลงมืออย่างอุกอาจยิงถล่มเหยื่อราว 70 นัด หวังฆ่าให้ตายยกคัน

คดีนี้ตำรวจถึงกับมึน เนื่องจากขาดพยานหลักฐาน อีกทั้งจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดในพื้นที่ใกล้เคียง ก็ไม่พบหลักฐานสำคัญ นอกเหนือไปจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังสืบทราบว่านายสมรัก กับพวก เคยมีประวัติยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดและเพิ่งออกจากคุกมาไม่นาน

แถมยังมีรายชื่อพัวพันกับแก๊งค้ายาที่ยังอยู่ในเรือนจำ

ปมสังหารจึงอาจมาจากเรื่องยาเสพติด!!?



ย้อนไปดูเหตุการณ์ครั้งนี้ เกิดขึ้นตอนเที่ยงคืน วันที่ 8 พ.ย. พ.ต.ท.สุพจน์ เพ็งสว่าง พนักงานสอบสวน สภ.บางบาล รับแจ้งมีเหตุรถเก๋งถูกยิงถล่ม มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ ที่บริเวณริมถนนสายอยุธยา-เสนา ก.ม. 2-3 ม.10 ต.มหาพราหมณ์ อ.บางบาล จึงรายงาน พล.ต.ต.อนุรักษ์ แตงเกษม รรท.ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.อ.นฤนาท พุทไธสง ผกก.กก.สส. พ.ต.ท.มาโนช บุญส่ง สว.กก.สส.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.ท.สัญชัย ดาวสุข สว.สส.สภ.บางบาล แพทย์เวรจากร.พ.บางบาล รุดไปตรวจสอบพร้อมกัน

ที่นั่นพบรถเก๋งฮอนด้า ซีวิค สีเทา ทะเบียน ฌม 9109 กรุงเทพมหานคร จอดติดเครื่องเปิดไฟหน้าอยู่ริมถนนสายอยุธยา-เสนา มุ่งหน้า อ.เสนา ที่พื้นพบปลอกกระสุน ขนาด 9 ม.ม. กระจายเกลื่อน 15 ปลอก กระจกหน้ามีรอยกระสุน 1 นัด หลังคา 1 นัด กระจกข้างคนขับมีรอยกระสุนอีกกว่า 20 นัด กระจกหลังมีรอยกระสุน 30 นัด รวมแล้วกว่า 70 นัด

ส่วนใหญ่ถูกยิงด้วยปืน 9 ม.ม.



ที่เบาะคนขับพบร่างนายสมรัก เทียนทอง อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1/18 ม.1 ต.บางกระบือ อ.สามโคก จ.ปทุมธานี นั่งเสียชีวิตอยู่ในสภาพถูกยิงตามลำตัวและใบหน้ากว่า 20 นัด เป็นแผลเหวอะหวะ ทั้งที่มือขวายังกำปืน 9 ม.ม. ไว้แน่น

มีปืนแต่ไม่ทันได้ยิงสวนก็ต้องมาพบจุดจบ

ประตูฝั่งตรงข้ามคนขับเปิดอ้าออก มีรอยเลือดหยดเป็นทาง ส่วนที่เบาะหลังพบศพผู้เสียชีวิตอีกราย เป็นศพของนายพรพจน์ ท้าวทอง อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 67 ม.2 ต.ท้ายเกาะ อ.สามโคก จ.ปทุมธานี ถูกยิงเข้ากกหูขวา 1 นัด ไหล่ซ้าย 1 นัด ต้นขาซ้าย 1 นัด บนตักพบซองเอกสารสีน้ำตาลขนาดใหญ่ของธนาคารกรุงเทพ ภายในมีเงินสดเป็นธนบัตรใบละพัน จำนวน 8.5 แสน หน้าซองระบุ 'ส่วนควบคุมสื่อข้อมูลและสายงาน สาขาหนองหอย เชียงใหม่ 3716 ภาคเหนือ 1 (21)' ตายในชุดสวมเสื้อยืดคอกลมแขนยาว ลายขวาง กางเกงกีฬาขาสั้น สีดำ

นอกจากนี้ ในรถยังพบโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง กระเป๋าเอกสาร 1 ใบ และโพยพนันฟุตบอลอีก 1 แผ่น จึงเก็บเป็นหลักฐาน ห่างจากรถไปประมาณ 10 เมตร ยังพบกองเลือดไหลนองเต็มพื้นซึ่งเป็นของคนเจ็บอีกคน คือ นายดำรงค์ ปัจจังคถานัง อายุ 43 ปี ซึ่งนั่งมาด้วยกัน ถูกยิงเข้าตามลำตัว 13 นัด อาการสาหัส มีผู้นำส่งร.พ.ไปก่อนหน้านั้น



ตายสยอง 2 ศพบาดเจ็บปางตายอีก 1



คดีนี้ไม่มีพยานเห็นเหตุการณ์ เนื่องจากจุดเกิดเหตุเป็นที่เปลี่ยวและมืดมาก รถสายตรวจโรงพักพระขาว อ.บางบาล ขับตระเวนออกตรวจไปพบรถคันนี้จอดติดเครื่องเปิดไฟหน้าและไฟกะพริบไว้จึงจอดดู เลยรู้ว่าเกิดเหตุฆ่ากัน นอกจากนี้ กล้องวงจรปิดที่บริเวณสี่แยกวรเชษฐ ต.บ้านป้อม อ.พระนครศรีอยุธยา ใกล้กับจุดเกิดเหตุ 200 เมตร จู่ๆ ก็เสียไม่สามารถบันทึกภาพได้ อีกทั้งพยานบางรายกลัวอันตรายไม่ยอมให้การ ขณะที่ชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่ จ.ปทุมธานี พบว่าพยานส่วนใหญ่ที่เป็นญาติใกล้ชิดกับผู้ตาย ให้ข้อมูลเพียงว่าผู้ตายจะไม่อยู่ในพื้นที่จึงไม่มีรายละเอียดอะไรมากมายนัก

เล่นเอาตำรวจถึงกับมืดแปดด้าน!?!

คดีนี้เป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รอง ผบช.ภ.1 ลงพื้นที่ตรวจสอบด้วยตนเอง ในชั้นนี้สันนิษฐานว่า สาเหตุน่าจะมาจากเรื่องความขัดแย้งในขบวนการค้ายาเสพติด เนื่องจากตำรวจได้ข้อมูลมาว่ากลุ่มผู้เสียชีวิตมีส่วนพัวพันกับการค้ายา และยังเกี่ยวข้องกับแก๊งค้ายาที่ถูกขังอยู่ในเรือนจำ ซึ่งขบวนการมืดเหล่านี้จะมีการทำงานแบบครบวงจร เริ่มตั้งแต่คนรับออร์เดอร์ คนส่งยา คนรับเงิน ทวงเงิน ไปยันซุ้มมือปืน ไว้จัดการคนที่ขวาง

ตายกันมานักต่อนัก!!?

อย่างไรก็ตาม ทีมสืบยังไม่ทิ้งปมขัดผลประโยชน์เชิงธุรกิจที่อาจเป็นได้ ที่น่าสังเกตคือคนร้ายไม่ยอมแตะต้องทรัพย์สินใดๆ ทั้งๆ ที่ผู้ตายก็หอบเงินไว้ถึง 8 แสน ซึ่งบางทีคนร้ายอาจมองไม่เห็นเงิน เพราะอยู่ในที่มืดก็เป็นได้

ทีมสืบจะได้นำพฤติการณ์ไปวิเคราะห์อีกครั้ง



ส่วนนาทีสังหาร คาดว่ากลุ่มผู้เสียชีวิต อาจจะนัดตกลงหรือเจรจาอะไรบางอย่างกับกลุ่มคนร้าย ดูได้จากรถเก๋งที่อยู่ในลักษณะจอดชิดขอบทางและใส่เกียร์ว่างไว้ ซึ่งคาดว่าคนร้ายน่าจะมีไม่ต่ำกว่า 3-4 คน เมื่อลงจากรถได้ก็ใช้อาวุธปืนกระหน่ำยิงใส่หน้ารถเป็นการเปิดฉากโจมตี ก่อนจะช่วยกันสาดกระสุนใส่ไม่ยั้ง แล้วแยกย้ายกันหลบหนี

ตำรวจกำลังเดินหน้าขยายผลต่อ

งานนี้เหลือเพียงนายดำรงค์ คนเดียว ที่น่าจะเป็นพยานปากเอก เพราะรอดชีวิตมาได้อย่างเฉียดฉิว แต่ก็ยังบาดเจ็บสาหัสเพราะถูกยิงกว่า 10 นัด ตำรวจต้องคุ้มกันอย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันการฆ่าตัดตอน

เป็นการรุมฆ่าที่น่าสยดสยอง!?!


เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์