จับอดีตนักมวยไทยชื่อดังตกอับ หันมาค้ายา เผยทำการส่งให้คนในเรือนจำบางขวางได้เสพ รับสิ้นมีเจ้าหน้าที่รู้เห็นเป็นใจ
วันนี้ (11 พ.ย.) เวลา 14.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบช.น. แถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาค้ายาเสพติดรายใหญ่ และลักลอบแยกชิ้นส่วนโทรศัพท์มือถือ เพื่อยัดยาบ้าเข้าไปในเรือนจำบางขวาง มีผู้ต้องหา 2 ราย คือ น.ส.นุอร หรือ จี๊ด เกิดพุ่ม อายุ 27 และ นายเอก หรือ ประสิทธิ์ ปันทะจันทร์ อายุ 40 ปี อดีตนักมวยไทยชื่อดัง ใช้ชื่อในการชกว่า “ฟ้าแก้ว เทพอำนวยขนส่ง” พร้อมของกลางเป็นยาไอซ์ จำนวนกว่า 450 กรัม ยาบ้า 20,000 เม็ด กัญชาอัดแท่งอีก2 แท่ง พร้อมด้วยโมเดลโทรศัพท์มือถือยี่ห้อต่าง ๆ และโทรศัพท์มือถือ ซึ่งถูกบรรจุหีบห่อ และพันด้วยกระดาษกาว รวมจำนวน 32 เครื่อง ซิมการ์ดโทรศัพท์ จำนวน 121 อัน และสมุดบันทึกการติดต่อซื้อขายยาเสพติด จำนวน 30 รายการ
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 10 พ.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน บก.สส.จับกุมผู้ค้ายาเสพติดรายย่อยได้ที่ย่านถนนจันทร์ แขวงวัดพระยาไกร เขตสาทร กทม. ทราบชื่อคือ น.ส.นุอร พร้อมของกลางเป็นยาไอซ์ จำนวน 1 ถุง น้ำหนัก 7.11 กรัม พร้อมด้วยโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง จึงควบคุมตัวมาสอบสวน หลังจากการขยายผลทราบว่า นำยาเสพติดดังกล่าว มาจากผู้ค้ารายใหญ่ย่านนนทบุรี เจ้าหน้าที่จึงส่งชุดสืบสวนทำการล่อซื้อยาเสพติดจากนายเอก จำนวน 2,000 เม็ด เมื่อถึงเวลานัดหมายเจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุม นอกจากนี้ นายเอก ยังรับว่า มียาเสพติดในห้องพักอีกจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงคุมตัวไปค้นยังห้องพัก ที่พระปิ่น 3 อพาร์ทเมนต์ ห้อง 706 เลขที่ 65/89 หมู่ 16 ต.บางแม่นาง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี จึงพบของกลางดังกล่าว ในข้างต้นทั้งหมด
จากการสอบปากคำนายเอก ให้การรับสารภาพว่า อดีตเคยเป็นนักมวยไทย ขึ้นชกที่เวทีลุมพินีมาแล้วไม่ต่ำกว่า 100 ครั้ง เมื่ออายุมากขึ้นจึงเดินทางไปตระเวนชกอยู่ในประเทศญี่ปุ่น พร้อมทั้งผันตัวเองเป็นเทรนเนอร์ให้ค่ายฮอกไซยิม กรุงโตเกียว และกลับมาประเทศไทย เมื่อปี 50 และไปเป็นลูกจ้างในจังหวัดพิจิตร แต่ชีวิตก็ตกต่ำลงเรื่อย ๆ กระทั่งเข้ามาในกรุงเทพฯ และพบกับเพื่อนนักมวย จึงแนะนำให้ค้ายาเสพติด และทำการลักลอบขนอุปกรณ์สื่อสารส่งเข้าเรือนจำบางขวาง โดยทำการแยกชิ้นส่วนต่าง ๆ ของโทรศัพท์มือถือออกเป็นชิ้นส่วนเล็ก ๆ และแยกที่ชาร์จ พร้อมแบตเตอรี่ ซึ่งสามารถประกอบใช้งานได้ นอกจากนี้ ยังทำการซุกซ่อนยาเสพติด เพื่อส่งเข้าไปในเรือนจำ โดยมีเจ้าหน้าที่ภายในรู้เห็นเป็นใจ เพื่อนำไปมอบให้กับนักโทษภายในเรือนจำ ที่มีพฤติการณ์เป็นผู้ค้ายาเสพติดใช้ โดยหากนำโทรศัพท์มือถือเข้าไปในเรือนจำได้จะมีมูลค่าซื้อขายกันเครื่องละกว่า 1 แสนบาท
นอกจากนี้ จากการจับกุมดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจยังสามารถขยายผลจับกุมผู้ค้ายาเสพติด ประเภทยาไอซ์ ให้กับนักเที่ยวสถานบันเทิงย่านถนนรัชดาเพิ่มเติม คือ น.ส.ณัดธิดา หรือ เบสท์ ศรีรัตน์ อายุ 24 ปี พร้อมด้วยของกลางคือยาไอซ์ จำนวน 12.5 กรัม ยาอี จำนวน 2 เม็ด พร้อมอุปกรณ์การเสพ ซึ่งผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ตนมีอาชีพเป็นนักเต้นโคโยตี้ในสถานบันเทิง ย่านถนนรัชดา และรับยาเสพติดมาจำหน่ายให้นักท่องเที่ยว ส่วนสาเหตุนั้น เนื่องจากรายได้ไม่เพียงพอให้เลี้ยงดูครอบครัว ซึ่งมีบุตรชายอยู่ 1 คน อายุ 1 ขวบ อีกทั้ง ตนก็ติดยาด้วย จึงหันมาขายยาเสพติด
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ส่วนผู้ที่อยู่เบื้องหลังขบวนการค้ายาเสพติดในเรือนจำ ขณะนี้ กำลังสอบสวนเพิ่มเติม เพื่อขยายผลนำผู้ที่เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีต่อไป