คดีบึ้มบ้านป๋าเปรมส่อแวววืด ตำรวจยอมรับสุดหิน!

โดย ทีมข่าวอาชญากรรม ผู้จัดการออนไลน์ 11 มีนาคม 2549 17:05 น.

ตำรวจยอมรับ คดีบึ้มบ้าน"ป๋าเปรม"โคตรหิน ระบุชนิดระเบิดสามารถทำเองได้ ย้ำไม่เหมือนระเบิดทางภาคใต้ ในขณะที่หนุ่มต้องสงสัยซึ่งมีแผลเป็นที่ลำคอ ตามที่พยานให้การ เข้าพบตำรวจแสดงความบริสุทธิ์ใจ ยอมรับอยู่ในที่เกิดเหตุก่อนระเบิดจริง แต่ไม่เกี่ยวข้อง

วันนี้ (11 มี.ค.) พ.ต.อ.ปรีชา ธิมามนตรี หัวหน้าชุดสืบสวนสอบสวนบช.น. การถึงความคืบหน้าในคดีคนร้ายลอบววางระเบิดป้อมยามรักษาการณ์หน้าบ้านพักสี่เสาเทเวศน์ของพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษว่า ในการติดตามตัวคนร้ายในขณะนี้ ยังไม่มีความคืบหน้ามากนัก เพราะตามวิชาสืบสวนถือว่าเป็นคดีที่สืบยากพอควร แนวทางการสืบสวนคงต้องจะต้องหาข้อมูลจากที่เกิดเหตุให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่พบหลังระเบิดและพยานแวดล้อมที่พบ เพื่อนำมาประมวลหาตัวคนร้าย สำหรับระเบิดลักษณะที่พบเป็นระเบิดแบบทำเองใคร ๆ ก็สามารถทำได้ ซึ่งแตกต่างจากระเบิดทางภาคใต้ แต่คนร้ายคงจะเป็นลักษณะทำเลียนแบบกันมากกว่า

อย่างไรก็ตามวันนี้(11 มี.ค.) เวลา 13.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนจะทำการประชุมหารือแนวทางในการติดตามตัวคนร้ายที่บช.น.โดยมีพล.ต.ท.วิโรจน์ จันทรรังษี ผบ.ชน.เป็นประธานในการประชุม

สำหรับบรรยายกาศที่หน้าบ้านสี่เสาเทเวศน์บริเวณป้อมตำรวจที่ถูกระเบิดได้รับความเสียหายนั้น ขณะนี้คนงานก่อสร้างได้ทำการทุบป้อมเก่าทิ้งทั้งหลัง และเตรียมลงเข็มก่อสร้างป้อมใหม่ โดยมี พ.ต.อ.มณเฑียร ปะทีปะวานิช รอง ผบก.น.1 เดินทางไปควบคุมการก่อสร้างด้วยตัวเอง พร้อมเปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ตั้งเต๊นท์ชั่วคราวให้กับตำรวจท้องที่มาผลัดเปลี่ยนเวร และสำหรับป้อมที่จะก่อสร้างใหม่นี้จะใหญ่กว่าป้อมเดิมและมีห้องน้ำอยู่ในตัวคาดว่าจะใช้เวลาในการก่อสร้างประมาณ 20 วันจึงจะแล้วเสร็จ

ต่อมาเวลา 13.00 น.ที่ สน.สามเสน นายนิคม แสนอ่อน อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 62/1 ม.2 ต.เหล่าหลวง อ.เกษตรวิสัย จ.ร้อยเอ็ด พนักงานส่งแก้วจากร้านย่านตลิ่งชัน ซึ่งมีรอยแผลเป็นที่ลำคอด้านซ้าย ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.สมศักดิ์ พรสง่ากุล สว.สส.สน.สามเสน เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ เนื่องจาก วานนี้ ส.อ.พรเลิศ ชะลอริว พยานที่เห็นเหตุการณ์ได้ให้การไว้ว่า ก่อนเกิดเหตุเห็นชายวัยรุ่น ที่ลำคอมีแผลเป็น มานั่งก้มๆเงยๆ อยู่ตรงบริเวณที่เกิดเหตุนานประมาณ 20 นาที แล้วลุกไป จากนั้นจึงได้เกิดระเบิดขึ้น

ในเบื้องต้นนายนิคม ให้การว่า ในวันเกิดเหตุระเบิดนั้น ตนเองได้นั่งอยู่ใกล้กับจุดเกิดเหตุ เนื่องจาก เมื่อวันที่ 14 พ.ย.48 ที่ผ่านมาตนเองประสบอุบัติเหตุขับขี่รถ จยย.ไปกับเพื่อน แล้วเฉี่ยวชนกับรถแท็กซี่ จนตนเองได้รับบาดเจ็บบริเวณลำคอด้านซ้าย ฟันหน้าหัก ต้องนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล จากนั้นในช่วงเช้าของวันที่เกิดเหตุระเบิด ตนได้เข้าพบร้อยเวร สน.สามเสน เจ้าของคดีรถชนของตน โดยร้อยเวรบอกกับตนว่า ให้ตนวาดแผนที่บริเวณจุดเกิดเหตุที่รถชนกันมาให้เจ้าหน้าที่ดู

นายนิคม กล่าวต่อว่า จากนั้นในเวลาประมาณ 12.30 น.ตนเองได้มานั่งที่ม้านั่งด้านหน้าป้อมตำรวจเพื่อวาดแผนที่ให้กับเจ้าหน้าที่ และวาดเสร็จประมาณ 13.00 น.โดยระหว่างที่ตนนั่งวาดแผนที่อยู่นั้น ตนเองก็เห็น ส.อ.พรเลิศ นั่งคุยอยู่กับชายคนหนึ่ง รูปร่างสูง ผิวคล้ำ อายุประมาณ 30-35 ปี สวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีน้ำตาล กางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบ โดย ส.อ.พรเลิศ ก็ได้ยื่นเหล้าให้ชายคนดังกล่าวดื่ม แต่ชายคนดังกล่าว พูดด้วยสำเนียงภาษากลางว่า ไม่ดื่มเพราะเลิกเหล้ามาแล้วประมาณ 5 ปี จากนั้นตนก็ออกจากจุดเกิดเหตุไป จนกระทั่งเกิดระเบิดขึ้น จนเช้าวันนี้ ตนเองมาพบแพทย์ที่โรงพยาบาลวชิรพยาบาล ก็เห็นข่าวใน น.ส.พ.ลงว่า ชายต้องสงสัยที่จะเป็นคนร้ายวางระเบิดนั้น มีลักษณะเป็นแผลเป็นที่ลำคอ ตนจึงเดินทางมาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ