คมชัดลึก :พัทลุงประกาศเขตภัยพิบัติ 9 อำเภอ หลังพายุถล่มกลางดึกส่งผลให้น้ำเอ่อท่วมบ้านเรือนราษฎร์ และถนนทุกสายเขตเทศ บาลเมือง ด้านอ.ศรีนครินทร์ต้องอพยพชาวบ้านหวั่นดินโคลนถล่ม เตือน 5 จังหวัดคือพัทลุง สตูล ตรัง กระบี่ และภูเก็ต ระวังพายุดีเปรสชัน ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดพัทลุงว่า ช่วงกลางดึกที่ผ่านมาเกิดลมพายุพัด ฝนหนักส่งผลให้มีน้ำฝนเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎร โรงเรียน โรงพยาบาลพัทลุง
(2พ.ย.) เวลา 01.43 น.นายธนกร ตระบันพฤกษ์ หัวหน้าศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพัทลุง กล่าวว่า ขณะนี้มีพายุลมแรงและมีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ระดับน้ำสูงประมาณ 30 ซม.ขณะนี้ทางจังหวัดประกาศเขตภัยพิบัติแล้ว 9 อำเภอ ส่วนความต้องการขณะนี้ก็คือเรือท้องแบนเพราะจะต้องเร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน
ปริมาณน้ำไหลผ่านถนนทุกสายในเขตเทศบาล ระดับน้ำเฉลี่ยประมาณ 30 - 50 ซม ชาวบ้านต้องขนย้ายข้าวของหนีน้ำกันอย่างอลหม่าน ถนน สายพัทลุง-ตรัง รถเล็กไม่สามารถขับผ่านได้ และในพื้นที่อำเภอศรีนครินทร์ กำลังเจ้าหน้าที่จากกองพันทหารช่างที่ 401 และ 402 ค่ายอภัยบริรักษ์ ต้องอพยพชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 4 ตำบลบ้านนา ที่อยู่ใกล้จุดรอยเลื่อนของพื้นดินถล่มออกนอกพื้นที่จำนวน 50 ครัวเรือนไปอาศัยอยู่บริเวณวัดและโรงเรียนหวั่นดินโคลนถล่ม
ทั้งนี้ทางสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพัทลุง ได้ออกประกาศพื้นที่ประสพภัยพิบัติแล้ว 4 อำเภอ คือ อำเภอปากพะยูน อำเภอป่าพะยอม อำเภอป่าบอน และอำเภอตะโหมด
นายพิสิษฐ์ บุญช่วง ผวจ.พัทลุง กล่าว่า มี 4-5 อำเภอของพัทลุง ซึ่งอยู่ใกล้กับ จ.สงขลา ได้รับผลกระทบหนัก โดยในพื้นที่พัทลุงฝนตกหนัก มีพายุลมแรงพัดหลังคาบ้านเรือนพังไปล้วหลายพันหลัง มีการอพยพประชาชนมาพื้นที่ปลอดภัยและอาศัยอยู่ตามบ้านญาติ ทางเจ้าหน้าที่ได้เข้าช่วยเหลือประกอบอาหารเลี้ยง ยืนยันว่าไม่มีประชาชนติดค้าง เพราะติดตามข่าวสารตลอด มีการเตรียมพร้อมรับมือและอพยพได้ทัน
นายต่อศักดิ์ วนิชขจร รักษาการอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า พายุดีเปรสชั่นขึ้นฝั่งที่อ.ระโนด จ.สงขลา ในเวลา 22.00 น.จะเคลื่อนที่ผ่านจ.พัทลุง จ.ตรัง จ.กระบี่ จ.พังงา จ.ภูเก็ต โดยจะลงทะเลอันดามันช่วงเย็นวันที่ 2 พ.ย. ดังนั้น จะมีฝนตกต่อเนื่องตลอดทั้งวันที่ 2 พ.ย.จนกว่าพายุจะผ่านไปและวันที่ 3 พ.ย.สถานการณ์ฝนจะคลี่คลายลง
พัทลุงประกาศเขตภัยพิบัติแล้ว9อำเภอ
กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศเตือนก่อนหน้านี้ ระบุว่า พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือด้วยความเร็วประมาณ 15 กม./ชม.
คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งในแนวจ.สงขลาและจ.นครศรีธรรมราช โดยจะเคลื่อนผ่านบริเวณ จ.พัทลุง จ.สตูล จ.ตรัง จ.กระบี่ จ.ภูเก็ต และจ.พังงา ในคืนนี้ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคใต้ทั้งสองฝั่งตั้งแต่ จ.ชุมพรลงไป มีฝนตกเป็นบริเวณกว้างและมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ รวมทั้งคลื่นลมแรงโดยมีคลื่นสูง 3-5 เมตร
นายสุพล ทองเรืองศรี หัวหน้าศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 12 จ.สงขลา กล่าวว่า
ช่วงเวลาประมาณ 21.00 น.ได้มีพายุลมแรง ฝนตกหนัก และดินโคลนถล่ม ทำให้บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย แต่ตั้งแต่เวลา 01.00 น.ไม่มีลมพายุและฝนตกเนื่องจากพายุได้เคลื่อนตัวผ่านเข้าสู่จังหวัดพัทลุง จึงได้ประสานหน่วยงานเกี่ยวข้องออกไปเร่งช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน
อุตุฯประกาศเตือนภัย"พายุดีเปรสชันในอ่าวไทย "ฉบับที่ 6 ลงวันที่ 01 พฤศจิกายน 2553 เวลา 22.00 น.วันนี้ (1 พ.ย)
พายุดีเปรสชันบริเวณอ่าวไทยตอนล่าง มีศูนย์กลางห่างประมาณ 40 กิโลเมตร ทางตะวันออก ของจังหวัดสงขลา หรือที่ ละติจูด 7.4 องศาเหนือ ลองจิจูด 100.6 องศาตะวันออก มีความเร็วสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 50 กม./ชม. พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ด้วยความเร็วประมาณ 15 กม./ชม. คาดว่า จะเคลื่อนขึ้นฝั่งในแนวจังหวัดสงขลา และนครศรีธรรมราช โดยจะเคลื่อนผ่านบริเวณจังหวัดพัทลุง สตูล ตรัง กระบี่ ภูเก็ต และพังงา ในคืนนี้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคใต้ทั้งสองฝั่งตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไป มีฝนตกเป็นบริเวณกว้าง และมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ รวมทั้งคลื่นลมแรงโดยมีคลื่นสูง 3-5 เมตร
ขอให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ราบลุ่มริมฝั่งแม่น้ำ
ระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนักที่ทำให้เกิดสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากและน้ำล้นตลิ่ง รวมทั้งผู้ที่อาศัยอยู่ตามชายฝั่งทะเลของภาคใต้ฝั่งตะวันออกระมัดระวังอันตรายจากคลื่นลมแรงที่ซัดเข้าสู่ฝั่ง ชาวเรือควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้
อนึ่งในระยะ 3-4 วันนี้ บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงจากประเทศจีนยังคงแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทย
ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศหนาวเย็นโดยทั่วไปกับมีลมแรง สำหรับภาคเหนือตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อุณหภูมิต่ำสุด 12-16 องศาเซลเซียส ส่วนบริเวณยอดดอยและยอดภู อุณหภูมิต่ำสุด 6-12 องศาเซลเซียส จึงขอให้ประชาชนติดตามข่าวพยากรณ์อากาศและเตือนภัย จากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด