พายุดีเปรสชันขึ้นฝั่งที่สงขลาแล้ว ส่งผลหาดใหญ่จมบาดาล ไฟฟ้าดับทั้งเมือง รพ.หาดใหญ่ ประสานขอเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงคนเจ็บ
เมื่อวันที่ 2 พ.ย. ผู้สื่อข่าวกรมอุตุนิยมวิทยาระบุว่า พายุดีเปรสชันบริเวณอ่าวไทยตอนล่างได้เคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณอำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลาแล้วเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา โดยมีศูนย์กลางบริเวณจังหวัดพัทลุงมีความเร็วสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 50 กม./ชม. พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ด้วยความเร็วประมาณ 15 กม./ชม. คาดว่า จะเคลื่อนตัวในแนวจังหวัดตรัง กระบี่ และภูเก็ต ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคใต้ทั้งสองฝั่งตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไป มีฝนตกเป็นบริเวณกว้าง และมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ รวมทั้งคลื่นลมแรงโดยมีคลื่นสูง 3-5 เมตร
อย่างไรก็ตามขณะนี้น้ำได้ทะลักท่วมเข้าในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ชั้นในในทุกทิศทุกทางแล้ว ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุดอยู่ที่ 1.50 เมตร ส่งผลให้ย่านธุรกิจต้องหยุดชะงัก และการจราจรเป็นอัมพาตทั้งเมือง ไฟฟ้าดับสนิททั้งจังหวัด เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องอพยพชาวบ้านออกนอกพื้นที่ไปอยู่ในที่ปลอดภัย ส่วนโรงพยาบาลหาดใหญ่ รักษาการ ผอ.โรงพยาบาลได้ประสานไปเจ้าหน้าที่ทหาร เพื่อขอเฮลิคอปเตอร์ ในการลำเลียงผู้ป่วยไปโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ หากสถานการณ์เข้าขั้นวิกฤติ เหมือนช่วงปี 2543
นายสมชาย ใบม่วง รอง อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า เมื่อเวลา 23.30 น. พายุดีเปรสชันได้เคลื่อตัวขึ้นที่ อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา
จากนั้นเคลื่อนไปที่ จังหวัดพัทลุง ตรัง และขณะนี้อยู่ที่ จังหวัดกระบี่ ทั้งนี้คาดว่าในเวลา 08.00 น. จะเข้าสู่จังหวัดภูเก็ต ประชาชนต้องระมัดระวัง จากนั้นลงทะเลอันดามันต่อไปมุ่งสู่ประเทศบังคลาเทศต่อไป ส่วนผลกระทบยังคงมีฝนทั้งวันในพื้นที่ จังหวัดพังงา กระบี่ ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ส่วนจังหวัดสงขลาฝนจะลดลง
นายไพร พัฒโน นายกเทศมนตรีเทศบาลนครหาดใหญ่ จ.สงขลา กล่าวว่า น้ำเริ่มเข้าสู่บ้านเรือนประชาชนตั้งแต่เวลา 23.30 น. ที่ผ่านมา อย่างรวดเร็ว
ขณะนี้น้ำท่วมประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ ประชาชนได้รับผลกระทบประมาณ 1 แสนคน และมีบ้านเรือนประมาณ 4,000-5,000 หลังคาเรือนวิกฤตที่ต้องรีบกู้ชีพ ส่วนในเมืองเป็นอัมพาตทั้งหมด รถยนต์ไม่สามารถเข้าได้เนื่องจากกระแสน้ำเชียวยากที่จะป้องกัน เรือยังเข้าลำบาก และน้ำยังคงเพิ่มสูงขึ้นและสถานการณ์หนักกว่าปี 2543 ทั้งนี้คาดว่ามีประชาชนกว่า 1 หมื่นคนที่ติดอยู่ตามอาคารและไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้