คมชัดลึก : ปัญหาอุทกภัยในหลายพื้นที่ของประเทศไทยในขณะนี้ มีผู้ประสบภัยจำนวนมากกำลังเดือดร้อนอย่างหนัก ทั้งเรื่องที่พักอาศัย อาหารการกิน ตลอดจนผู้ประสบภัยน้ำท่วมส่วนใหญ่จำเป็นต้องทิ้งบ้านและรถยนต์ เพื่อไปอาศัยอยู่ในที่ปลอดภัย ล้วนมีความกังวลใจว่าทรัพย์สินเหล่านั้นอาจจะถูกโจรกรรม!!
โดยเฉพาะปัญหาน้ำท่วมใน จ.นครราชสีมา ...ริมถนนทางหลวงสาย 304 จากแยกปักธงชัยจนถึงหน้าอำเภอปักธงชัย ระดับน้ำยังคงท่วมสูงกว่า 1 เมตร
มองเห็นรถเก๋ง รถกระบะ จมน้ำอยู่ครึ่งคัน บางคันถูกน้ำพัดไปติดอยู่กับกำแพงบ้าน กำแพงวัด รถจักรยานยนต์และรถยนต์บางคันถูกล่ามด้วยเชือกเส้นใหญ่กับเสาไฟฟ้า ขณะที่บางคันหนีน้ำท่วมได้ ก็ถูกนำไปจอดเรียงรายอยู่บนถนนสูง แต่ก็ยังมีความหวั่นเกรงว่ารถจะถูกขโมย อย่าง ก่อเกียรติ พุ่มแจ้ง วัย 45 ปี ต้องลางานและรีบเดินทางมาจากกรุงเทพฯ เพื่อกลับมาดูแลครอบครัวที่อยู่ใน อ.ปักธงชัย หลังทราบข่าวน้ำท่วมฉับพลัน แต่ไม่สามารถขับรถเข้าบ้านได้ เนื่องจากน้ำท่วมถนนเข้าหมู่บ้านจึงต้องจอดรถทิ้งไว้ริมถนน แต่ก็กังวลใจว่ารถจะถูกขโมยจึงต้องเดินลุยน้ำจากบ้านออกมาดูรถยนต์ที่จอดไว้
"มาจอดไว้ริมถนนแบบนี้ก็กลัวถูกขโมยเหมือนกัน แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร จำเป็นต้องเดินออกมาดูบ่อยๆ อย่างน้อย 2 ชั่วโมงต่อครั้ง แต่ก็โชคดีหน่อยว่าระยะทางจากบ้านผมเดินมาที่รถไม่ไกลกันเท่าไหร่นัก" ก่อเกียรติ กล่าว
จับตาแก๊งลักรถ..บุกพื้นที่น้ำท่วม..
ด้าน แหล่งข่าวในชุดสืบสวนปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์
ก็จับตาเรื่องดังกล่าวเช่นกัน โดยอุทกภัยที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่โดยเฉพาะในเขต จ.นครราชสีมา ที่ชาวบ้านในพื้นที่เขตอำเภอ หรือตำบลต่างๆ หลายแห่ง นำรถยนต์ส่วนตัวไม่ว่าจะเป็นรถจักรยานยนต์ รถยนต์ส่วนบุคคล และรถกระบะ ออกมาจอดบริเวณภายนอกและห่างไกลจากบ้าน อาจจะสูญหาย หรือถูกโจรกรรมได้
"แม้ว่าตอนนี้ยังไม่มีเบาะแสว่าเกิดเหตุโจรกรรมรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ แต่น่าเป็นห่วงเพราะแก๊งโจรกรรมรถยนต์ อาจออกมาเคลื่อนไหวในรูปแบบต่างๆ สร้างความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้านที่กำลังประสบอุทกภัย เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในอดีตจากเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิ จากข้อมูลของบริษัทประกันภัย บอกว่า เหตุการณ์ครั้งนั้นมีรถยนต์สูญหายจำนวนมาก ไม่สามารถติดตามได้ และรถยนต์บางคันถูกโจรกรรม เนื่องจากการสอบสวนของบริษัทประกันภัยก่อนที่จ่ายสินไหมทดแทน พบพยานหลายปากให้ข้อมูลว่ารถยนต์ของผู้เสียหายถูกรถยกออกไป" แหล่งข่าวชุดสืบสวนฯ กล่าว
ทว่า อุทกภัยที่เกิดขึ้นหลายพื้นที่ครั้งนี้ ไม่ได้รุนแรงเท่าเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิ
ชุดสืบสวนมองว่า แก๊งโจรกรรมรถยนต์ อาจอาศัยจังหวะที่ประชาชนกำลังชุลมุนกับข้าวของและบ้านเรือน เข้ามาสวมรอยใช้วิธีง่ายๆ ทำลายเบ้าสตาร์ทเครื่องยนต์ หรือทุบอุปกรณ์ป้องกัน หรือใช้วิธีต่อสายตรง เพื่อขับรถยนต์ออกไปโดยที่เจ้าของไม่ทราบ เพราะผู้ประสบภัยต้องคอยเฝ้าทรัพย์สินอย่างอื่นด้วย ไม่มีเวลามาเฝ้าดูรถยนต์ของตนเอง
ชุดสืบสวนบอกถึงพฤติกรรมของแก๊งโจรกรรมรถยนต์อีกวิธีคือ การนำรถลากมาลากรถชาวบ้านออกจากที่จุดน้ำท่วมขัง หรือจุดที่จอดรถไว้จำนวนหลายคัน
ขณะที่ตำรวจอยู่ในช่วงโกลาหลต้องช่วยเหลือประชาชน จึงไม่มีเวลามาตั้งด่านตรวจค้น หรือบางทีคนร้ายอ้างว่ามาจากอู่ซ่อมรถยนต์ เจ้าของรถให้นำรถยกมาลากไปเก็บไว้ที่อู่ หรือนำไปซ่อม บางครั้งหากไม่ใช่รถยก คนร้ายก็ขับรถยนต์ออกไปตามปกติทำเหมือนเป็นเจ้าของรถยนต์เองเลยก็มี เมื่อคนร้ายได้รถไปแล้ว จะนำไปขายโดยใช้วิธีสวมทะเบียน หรือดัดแปลงสภาพรถในลักษณะต่างๆ หรือถอดอะไหล่ชิ้นสำคัญที่ยังพอใช้ได้ไปขายต่ออีกทอดหนึ่ง
"การป้องกันที่ดีที่สุด คือตอนนี้ตำรวจ หรืออาสาสมัครบางส่วนต้องคอยเดินตรวจหรือสังเกตความผิดปกติของรถยนต์ผู้ประสบภัย เพราะเป็นการปรามไม่ให้คนร้ายอาศัยจังหวะดังกล่าวลงมือก่อเหตุ" แหล่งข่าวชุดสืบสวน ระบุ
ขณะเดียวกัน พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบช.น. สั่งการให้ผู้ใต้บังคับบัญชางานสืบสวนหาข่าวเบาะแสต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเหตุโจรกรรมทรัพย์สิน
โดยเฉพาะผู้ที่เคยก่อเหตุเกี่ยวกับทรัพย์หรือโจรกรรมรถยนต์ หรือขบวนการที่อู่ซ่อมรถบางแห่งอาจเข้ามีส่วนร่วมกับแก๊งโจรกรรมรถยนต์ว่ามีความเคลื่อนไหว หรือข้อมูลว่าแก๊งเหล่านี้ก่อเหตุแล้วนำรถยนต์ของผู้ประสบอุทกภัยมาพักไว้ในเขตนครบาล หรือบริเวณใกล้เคียงหรือไม่ ถ้าหากพบหรือรับแจ้งเบาะแสให้ดำเนินการตามขั้นตอนตามกฎหมายทันที