เมื่อวันที่ 14 ต.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พ.ต.ท.มานะ เผาะช่วย ประธานชมรมพนักงานสอบสวน กล่าวว่ากรณีเกิดเหตุนักเรียน ม.6
ใช้ยาเหน็บทำแท้งกับตนเองและเกิดการตกเลือด ขณะนี้รักษาตัวที่โรงพยาบาลนั้น ถือว่าเป็นเรื่องน่าเศร้าสลดใจอย่างยิ่ง นอกจากการกระทำดังกล่าวผิดกฎหมายแล้ว ด้านความเสียหายต่อสังคมไทยที่มากกว่านั้นก็คือความเสื่อมโทรมเรื่อง จริยธรรม คุณธรรม ที่เกิดขึ้นกับเด็กเยาวชนไทย สังคมทั้งภาครัฐและเอกชนต้องร่วมมือกันทุกวิถีทางเพื่อป้องกันมิให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นอีก
พ.ต.ท.มานะ ชี้ว่า ในทางกฎหมายนั้นการทำแท้ง เป็นความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 301 บัญญัติว่า "หญิงใดทำให้ตนเองแท้งลูก หรือยอมให้ผู้อื่นทำให้ตนแท้งลูก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ" กรณีที่เกิดขึ้นนี้ จึงถือเป็นความผิดสำเร็จแล้วตามมาตรา 301 แม้ผู้กระทำเป็นนักเรียนก็ถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งเป็นคดีอยู่ในอำนาจศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง
เมื่อแพทย์อนุญาตให้นักเรียนหญิงดังกล่าวออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว พนักงานสอบสวนต้องส่งตัวไปยังสถานพินิจและคุ้มครองเด็กต่อไป ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวฯ พ.ศ.2534 ทั้งนี้พนักงานสอบสวนต้องแจ้งข้อหาสอบปากคำต่อหน้าสหวิชาชีพก่อนส่งตัว ไปสถานพินิจฯ หากทางการสอบสวนมีพยานหลักฐานฟังได้ว่ามีผู้สนับสนุนการกระทำผิดเช่น ช่วยเหลือโดยการจำหน่ายตัวยา เครื่องมือในการทำแท้ง ก็เป็นความผิดฐานสนับสนุนต้องระวางโทษสองในสามส่วนของความผิดนั้น และอาจเป็นความผิดตามกฎหมายอื่นด้วย เช่น พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ร.บ.ยาเป็นต้น