ฮังการี ประกาศภาวะฉุกเฉิน หลังจากเกิดอุบัติเหตุจากสารเคมีกำแพงอ่างเก็บน้ำเสียของโรงงานผลิตอะลูมิเนียมพังทลาย จนเกิดโคลนพิษไหลท่วมหมู่บ้าน
ฮังการีประกาศภาวะฉุกเฉินในบางเขตเมื่อวันอังคารหลังจากเกิดอุบัติเหตุจากสารเคมีครั้งร้ายแรงสุดในประเทศ หลังกำแพงอ่างเก็บน้ำเสียของโรงงานผลิตอะลูมิเนียมแห่งหนึ่งในเมืองอัจคา ทางตะวันตกของฮังการี เกิดพังทลายเมื่อบ่ายวันจันทร์ ทำให้เกิดโคลนพิษปริมาณ 1 ล้านลูกบาศก์เมตร ไหลเข้าท่วมหมู่บ้าน 7 แห่ง ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 4 คน และ บาดเจ็บ 120 คน
ซึ่งในจำนวนนี้สาหัส 8 คน และสูญหาย 6 คน ทำให้คาดว่ายอดผู้เสียชีวิตจะเพิ่มสูงกว่านี้
เหตุที่เกิดขึ้นทิ้งร่องรอยความเสียหายต่อพืชผักทั้งหมดมากกว่าต้นไม้ และไหลเข้าท่วมบ้านเรือนทำให้ราษฎรที่ต้องอพยพหนีไม่รู้ว่าเมื่อไรจะกลับเข้าบ้านได้ หลังจากกระแสโคลนสูง 2 เมตรทำให้รถยนต์พากันพลิกคว่ำ กวาดเอาทรัพย์สินต่างๆหายไป รวมทั้งทิ้งไว้ซึ่งความวิตกเกี่ยวกับปัญหาด้านมลภาวะ ที่กลัวกันว่าอาจจะไปถึงแม่น้ำดานูบ แม่น้ำสายใหญ่สุดอันดับ 2 ของยุโรป เพราะมีพื้นที่ได้รับผลกระทบกว้างถึง 40 ตารางกิโลเมตร และโคลนพิษบางส่วนได้รั่วไหลลงแม่น้ำมาร์คัล ซึ่งต่อเชื่อมกับแม่น้ำราบาและดานูบแล้ว คาดว่าจะไปถึงแม่น้ำดานูบภายใน 4-5 วันนี้
นายซานดอร์ ปินเตอร์ รัฐมนตรีมหาดไทยกล่าวว่า จนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีภัยคุกคามต่อน้ำดื่มในแถบนั้น
แต่ก็เตือนให้ประชาชนไม่ให้กินอาหารที่ผลิตในบ้านเรือนแถบนั้นในช่วงนี้ พร้อมเตือนว่าโคลนพิษอาจทำให้ผิวหนังไหม้และทำให้ตาบอดได้หากเข้าตา ขณะที่โซลตัน อิลเลส รัฐมนตรีสภาพแวดล้อม ผู้ไปตรวจพื้นที่เกิดเหตุเมื่อวันอังคาร บอกว่าเป็นหายนะภัยทางนิเวศน์วิทยา และเป็นอุบัติเหตุจากสารเคมีครั้งร้ายแรงสุดในประเทศ ผู้เสียชีวิตรวมทั้งเด็ก 2 คน วัย 1 ขวบกับ 3 ขวบ กับผู้ชายวัย 35 ปีที่รถพลิกคว่ำเพราะกระแสโคลนและสตรีชราผู้เสียชีวิตในบ้านของเธอ จากโคลนพิษสีแดงที่มีสภาพเป็นสารกัมมันตภาพรังสีเล็กน้อย มีฤทธิ์กัดกร่อนสูง และประกอบด้วยโลหะหนักเช่น ตะกั่ว แคดเมี่ยม สารหนู และโครเมี่ยม