รวบแก๊งค์เซลล์แมนค้ายาบ้า ของกลางเพียบ

ตำรวจภูเก็ตสนธิกำลังกับหลายหน่วยงานล่อซื้อยาบ้าจากแก๊งเซลส์แมนแสบขายยาบังหน้าแต่ลอบขนยาบ้าไปด้วยก่อนรวบได้ 4 คน  พร้อมของกลางเกือบ 7 พันเม็ด  อ้างหาเงินเลี้ยงครอบครัว

ปฏิบัติการทลายแก๊งเซลส์แมนค้ายานรกครั้งนี้เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 28 ส.ค.ที่ห้องประชุมชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายวิชัย ไพรสงบ ผวจ.ภูเก็ต พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผบก.ภ.จ.ภูเก็ต ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมคนร้ายคดีค้ายาเสพติด ประกอบด้วย นายกรกฎ มาปิยะพันธ์ อายุ 37 ปี นายธนสิน มานะจิตต์ อายุ 50 ปี นายสุทัศน์ เสริมจิตต์ อายุ 20 ปีและนายกฤษณะ พรมน้อย อายุ 29 ปี พร้อมของกลางยาบ้า 6,920 เม็ด รถยนต์กระบะ 2 คันและเงินสดอีกจำนวนหนึ่ง 

ทั้งนี้เนื่องจากชุดปราบปรามยาเสพติดจังหวัดภูเก็ตร่วมกับตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจน้ำ ทัพเรือภาคที่ 3 และชุดเฉพาะกิจ ผวจ.ภูเก็ต แกะรอยกลุ่มผู้ค้ายาเสพติด ที่ลักลอบนำยาบ้ามาส่งให้กับเอเย่นต์ในพื้นที่ จ.ภูเก็ต  กระทั่งช่วงเย็นวันที่ 26 ส.ค.  สายของตำรวจได้ติดต่อล่อซื้อยาบ้า 790 เม็ด เป็นเงิน 50,000 บาทกับนายกรกฎ  นัดส่งของที่ลานจอดรถโรงแรมภูคีตา  ถนนเทพกระษัตรี ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต  เมื่อคนร้ายนำยาบ้ามาส่งให้เจ้าหน้าที่จึงล้อมจับกุมนายกรกฎ  จากนั้นกลางดึกวันที่ 27 ส.ค.ได้ขยายผลจับกุมนายธนสิน นายสุทัศน์ และนายกฤษณะพร้อมของกลางยาบ้า 5,950 เม็ดที่บ้านเลขที่ 131/87 หมู่บ้านศรีสุชาติแกรนด์วิว ถนนประชาสามัคคี ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต 

นายกรกฎสารภาพว่ามีอาชีพเป็นเซลส์แมนขายยาแผนปัจจุบัน แต่ระยะหลังรายได้ไม่ดี ทำให้เงินขาดมือ ไม่มีเงินผ่อนบ้าน ผ่อนรถและส่งเสียครอบครัวที่ จ.กาญจนบุรี จึงนำยาบ้าจากเพื่อนมาส่งให้กับเอเย่นต์ที่ จ.ภูเก็ต ซึ่งก่อนหน้านี้เคยนำยาบ้า 1,000 เม็ดมาส่งแล้วครั้งหนึ่ง  ส่วนผู้ต้องหาที่เหลืออีก 3 คน นายกรกฎอ้างว่าไม่รู้จักกัน แต่จากการสืบสวนพบว่านายธนสินรู้จักกับนายกรกฎเป็นอย่างดี โดยนายธนสินเป็นหลานผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่งใน  จ.ภูเก็ต และเคยถูกจับกุมในข้อหายาเสพติดมาแล้ว เมื่อวันที่ 22 ม.ค.52  

ก่อนที่ นายกรกฎจะถูกจับได้  นายธนสินเป็นคนให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่และเป็นคนติดต่อล่อซื้อยาบ้ากับนายกรกฎ เพื่อต้องการฮุบยาบ้ากว่า 50,000 เม็ดที่นายกรกฎฝากไว้โดยไม่ต้องจ่ายเงิน  แต่สุดท้ายกรรมตามสนองถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจซ้อนแผนจับกุมพร้อมของกลางได้ในที่สุด  ส่วนนายสุทัศน์และนายกฤษณะให้การปฏิเสธอ้างไม่รู้เรื่องยาบ้าดังกล่าว เพียงมาอาศัยอยู่กับนายธนสินเท่านั้น แต่เจ้าหน้าที่ไม่เชื่อ  ได้แจ้งข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย