2มือบึ้มคิงเพาเวอร์ ขขี่จยย.เวฟ ตร.ล่าฮอนด้าแดง

เพิ่งเจอ - หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดตรวจสอบกระสุนระเบิดเอ็ม79
 ซึ่งพบในท่อระบายน้ำทำเนียบรัฐบาล ระหว่างเทศกิจมาลอกท่อ
 คาดคนร้ายยิงใส่ช่วงมีม็อบแล้วหลงหูหลงตาเจ้าหน้าที่

ระทึกทำเนียบรัฐบาล ระเบิดเอ็ม 79 โผล่ท่อระบายน้ำ เจ้าหน้าที่ กทม.เจอถึงกับตาเหลือก รีบแจ้งตำรวจมาเก็บกู้ คาดเป็นของเก่าตกค้างมาตั้งแต่เกิดเหตุยิงถล่มทำเนียบ ช่วงม็อบเสื้อแดง ผบช.น.เรียกประชุมฝ่ายปราบปรามกับฝ่ายสืบสวนทุกโรงพัก หารือมาตรการป้องกันวินาศ กรรมป่วนกรุง ระดมผู้เชี่ยวชาญด้านระเบิด 30 คนมาร่วมให้ข้อมูล แพทย์เผยเหยื่อระเบิดหน้าคิงเพาเวอร์อาการดีขึ้น แต่ยังเป็นห่วงอาการสมองบวม ด้านตร.ได้เบาะแสมือวางระเบิดแล้ว จากภาพกล้องวงจรปิด เป็นคนร้าย 2 คน ขับจยย.ฮอนด้า เวฟ ลักษณะคล้ายมือปาระเบิดถล่มช่อง 5 เมื่อเดือนมี.ค. "มาร์ค" ยืนยันรัฐบาลตั้งเป้ายกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินที่เหลืออีก 10 จังหวัด รวมถึง 3 จังหวัดภาคใต้ด้วย

เมื่อวันที่ 31 ก.ค. ช่วงสายได้เกิดเหตุชวนระทึกขวัญขึ้นในทำเนียบรัฐบาล โดยขณะเจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานคร เข้าไปปรับภูมิทัศน์เพื่อทำความสะอาด ซ่อมแซมท่อระบายน้ำและบ่อพักน้ำเสีย บริเวณด้านหลังตึกนารีสโมสร ใกล้ร้านพัฟ แอนด์ พาย ไม่ห่างจากตึกไทยคู่ฟ้า ซึ่งเป็นห้องทำงานของนายกรัฐมนตรีเท่าใดนัก เจ้าหน้าที่ตรวจพบลูกระเบิดเอ็ม 79 ในท่อระบายน้ำ ทำให้ตกใจอย่างมาก จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลประจำทำเนียบรัฐบาลทราบ จากนั้นแจ้งไปยังสน.ดุสิต เจ้าของพื้นที่ และประสานหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด (อีโอดี) มาเก็บกู้และตรวจสอบ

ต่อมาเวลา 12.00 น. เจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินทางมาตรวจสอบ โดยนำล้อยางรถยนต์จำนวน 3 เส้น มาวางล็อมลูกระเบิดเพื่อดำเนินการเก็บกู้ พร้อมกั้นเชือกรอบบริเวณสนามหญ้าหลังตึกนารีสโมสร กันไม่ให้ผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องผ่านเข้าไปใกล้บริเวณ ทั้งไม่อนุญาตให้สื่อมวลชน และเจ้าหน้าที่ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปภายในทำเนียบรัฐบาล เมื่อเก็บกู้เสร็จแล้วจึงนำลูกระเบิดดังกล่าวไปตรวจสอบ คาดว่าจะส่งไปยัง ศอฉ. อย่างไรก็ตาม เนื่อง จากเป็นวันหยุดราชการจึงไม่มีเจ้าหน้าที่และข้าราชการมาปฏิบัติงานในทำเนียบรัฐบาล การเก็บกู้ระเบิดจึงทำได้สะดวกราบรื่น ไม่เกิดบรรยากาศแตกตื่น

เจ้าหน้าที่ทำเนียบรัฐบาลรายหนึ่งเปิดเผยว่า เอ็ม 79 ที่พบน่าจะเป็นของเก่าตกค้างจากที่มีมือมืดยิงมาใส่บริเวณหลังคาตึกไทยคู่ฟ้า ในช่วงการชุมนุมของคนเสื้อแดงตามที่เคยปรากฏเป็นข่าวไปแล้ว

แต่ระเบิดลูกดังกล่าวไม่ทำงาน และตกลงไปในท่อระบายน้ำทำให้เจ้าหน้าที่ซึ่งเข้ามาเคลียร์พื้นที่ในภายหลังตรวจหาไม่พบ อย่างไรก็ตาม หลังจากพบลูกระเบิดโดยบังเอิญครั้งนี้ทางทำเนียบรัฐบาลจะดำเนินการสำรวจพื้นที่อย่างละเอียดอีกครั้ง โดยเฉพาะภายในท่อระบายน้ำรอบๆ เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีวัตถุระเบิดใดๆ หลงเหลืออยู่อีก

เมื่อเวลา 13.15 น. ที่โรงแรมเมอร์ลิน บีช รีสอร์ท หาดป่าตอง จ.ภูเก็ต นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ซึ่งอยู่ระหว่างร่วมงานสัมมนาพรรคประชาธิปัตย์ ตอบข้อถามผู้สื่อข่าวถึงกรณีพบเอ็ม 79 ในทำเนียบรัฐบาล โดยกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ยังไม่ทราบ

ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวในการสัมมนาพรรคประชาธิปัตย์ตอนหนึ่งว่า เราหนีไม่พ้นความขัดแย้งทางการเมือง เราเป็นพรรคที่ต่อสู้อยู่ข้างระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แนวทางแก้ไขปัญหาทุกอย่างก็อิงกระบวนการนี้ อย่างถามว่าจะใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินอีกนานเท่าไร ถ้าไปถามเจ้าหน้าที่ทุกคนบอกได้เลยว่าอยากให้คงไว้เพราะยังมีพวกรุนแรงเคลื่อนไหวอยู่ ในฐานะพรรคการเมืองเราก็ต้องยืนยันว่าพ.ร.ก.ดังกล่าวเป็นกฎหมายพิเศษ ไม่ควรปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ แนวทางของเราไม่ใช่แค่จะยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินใน 10 จังหวัดที่เหลือเท่านั้น แต่ยังรวมถึง 3 จังหวัดภาคใต้ เราก็ต้องตั้งเป้าว่าต้องเลิกให้ได้

นายกฯ กล่าวอีกว่า เพียงแต่เราอยู่กับความเป็นจริง มีความจำเป็นในการทำคดีก่อการร้ายไม่ให้สะดุด จึงต้องเอาเท่าที่จำเป็น ขณะนี้ก็ทบทวนการยกเลิกอยู่ตลอดเวลา บางครั้งมีคนถามว่าทำไมเรียกคนเสื้อแดงเป็นผู้ก่อการร้าย ตนก็บอกว่าขึ้นอยู่กับดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ในภาคใต้บางคดีก็เป็นคดีก่อการร้าย ก็ว่าไปตามประมวลกฎหมายอาญา แต่จุดหนึ่งที่ชัดเจนคือทุกอย่างที่ทำต้องทำให้กฎหมายเป็นกฎ หมาย การปรองดองต้องเป็นเรื่องส่วนรวม ไม่ใช่ส่วนตัวหรือเอาประโยชน์มาแลกกันก็จบ ถ้าทำเช่นนั้นวันข้างหน้าก็จะมีคนตั้งกองกำลังเอาความรุนแรงมาข่มขู่ประชาชนหรือบีบรัฐบาลโดยไม่สนใจกฎหมาย ซึ่งนั่นไม่ใช่สังคมประชาธิปไตย

ที่จ.กำแพงเพชร นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำนปช. ให้สัมภาษณ์กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่าระเบิดเอ็ม 79 ซึ่งในทำเนียบรัฐบาล เป็นของกลุ่มนปช.ว่า

ขอประณามความคิดเห็นใส่ร้ายเช่นนี้ เพราะในการชุมนุมของนปช.ไม่เคยมีข่าวการยิงเอ็ม 79 เข้าไปในทำเนียบรัฐบาล และช่วงเวลาดังกล่าวมีทหารประจำการในทำเนียบรัฐบาลถึง 26 กองร้อย จึงเป็นไปไม่ได้ เป็นความพยายามสร้างกระแสข่าวกลบการเดินสายลงพื้นที่ของพรรคเพื่อไทย และคอนเสิร์ตของคนเสื้อแดง ตลอดเวลาที่กระแสรัฐบาลตกก็มักจะมีระเบิดตลอดเวลา ต่อไปอย่าให้ถึงกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ นอนแล้วเห็นระเบิดอยู่ใต้หมอนตัวเอง และการเจอระเบิดที่ทำเนียบรัฐบาล น่าจะเชื่อมโยงกับกรณีระเบิดที่ซอยรางน้ำเพราะเป็นพื้นที่ปิด จึงขอเตือนว่าอย่าใส่ร้ายกันเช่นนี้ เพราะคนเสื้อแดงจะไม่งอมืองอเท้า และใน 66 จังหวัดที่ไม่ประกาศพ.ร.ก. ฉุกเฉินก็จะมีการเคลื่อนไหว แม้กระทั่งที่มีการประกาศพ.ร.ก.อยู่ ถ้ากลั่นแกล้งกันมากๆ ร้อยพ.ร.ก.ฉุกเฉินก็ไม่กลัว

นายจตุพร กล่าวถึงการเตรียมยื่นประกันตัว 11 แกนนำนปช. ที่ถูกคุมขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ว่า วันนี้ทีมทนายความได้ข้อตกลงว่าตั้งแต่วันที่ 2 ก.ค. จะเริ่มยื่นประกันตัวแกนนำเป็นรายบุคคล โดยนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แสดงความจำนงขอยื่นประกันตัวเป็นคนสุดท้ายเพื่อรักษาความรู้สึกของพี่น้องประชาชน ส่วนใครจะยื่นเป็นคนแรกจะหารืออีกครั้งวันที่ 1 ส.ค.

วันเดียวกัน เวลา 14.00 น. ที่ห้องประชุม บช.น. พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น. เรียกประชุมนายตำรวจระดับรองผกก.(ป.) และสว.สส.ทุกสถานีตำรวจในสังกัด เพื่อหารือมาตรการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่กรุงเทพฯ หลังเกิดเหตุวางระเบิดถึง 2 ครั้งในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา คือที่บริเวณหน้าห้างบิ๊กซี ราชดำริ เมื่อวันที่ 25 ก.ค. ที่หน้าคิงเพาเวอร์ ซอยรางน้ำ เมื่อวันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา

พล.ต.ท.สัณฐาน กล่าวว่า วันที่ 1 ส.ค. เวลา 13.00 น. พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ที่ปรึกษา (สบ 10) เรียกประชุมชุดทำงานเพื่อสอบถามความคืบหน้าเกี่ยวกับ 2 วันที่ผ่านมา ว่าทางเจ้าหน้าที่ได้ทำอะไรไปบ้างถึงสถานการณ์ป่วนเมือง และในวันนี้ที่เรียกรองผกก.(ป.) และสว.สส.โรงพักในเขตนครบาลมาก็เพื่อรับทราบผลการปฏิบัติงานในการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่เมืองกรุง ซึ่งการป้องกันเหตุป่วนเมือง โดยเฉพาะเมืองหลวงเป็นเมืองใหญ่ การป้องกันทำได้ลำบากเนื่องจากพื้นที่กว้าง อีกทั้งการทำวัตถุระเบิดนั้นทำได้ง่าย และการที่เราเป็นคนไทยไม่ควรอย่างยิ่งที่จะไปสร้างความปั่นป่วน นอกจากนี้ตนได้รับความร่วมมือจากผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดที่จะมาให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ประมาณ 30 คน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดฝ่ายสืบสวน สน. พญาไท ได้ตรวจสอบและรายงานให้พล.ต.ต. วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 ทราบแล้วว่าเหยื่อที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากเหตุระเบิดหน้าคิงเพาเวอร์ ซ.รางน้ำ ชื่อนายวิทยา สาระโท อายุ 33 ปี เป็นชาวศรีสะเกษ มีอาชีพขับซาเล้งเก็บ ของเก่าขาย อาศัยอยู่ในชุมชนใต้ทางด่วนหมอเหล็ง ขณะนี้กำลังติดต่อญาติมาสอบถามและให้ข้อมูลต่างๆ อยู่ ส่วนบริเวณที่เกิดระเบิดซึ่งเป็นหน้าบ้านพักของนายณัฏฐ์ ศรีวิหค อดีตกรรมการป.ป.ช. และอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดหลายจังหวัด เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบกับบุคคลในบ้านแล้ว ทราบว่าปัจจุบันนายณัฏฐ์ มีอายุกว่า 80 ปี เป็นคนธรรมะธัมโม สนใจเรื่องพระเครื่อง จึงไม่น่าจะมีสาเหตุโกรธเคืองกับใครถึงขั้นต้องเอาระเบิดมาวางหน้าบ้าน จึงตัดประเด็นนี้ออกไปได้

รายงานข่าวเผยว่า ล่าสุดจากการนำภาพกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งอยู่ในย่านที่เกิดเหตุมาปรับแต่งจนชัด พบผู้ต้องสงสัยเป็นมือวางระเบิด จำนวน 2 คน

ขับขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้า เวฟ สีแดง สวมหมวกกันน็อกทั้งคู่ รูปพรรณสัณฐานคล้ายคนร้ายที่เคยก่อเหตุขว้างระเบิดเอ็ม 67 ถล่มหน้าสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 (ททบ.5) เมื่อวันที่ 27 มี.ค.ที่ผ่านมา ครั้งนั้นเจ้าหน้าที่นำภาพจากกล้องวงจรปิดด้านหน้าประตูทางเข้า ททบ.5 มาตรวจสอบพบคนร้ายใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะก่อเหตุ แต่ไม่ทราบรุ่น สี และทะเบียน คนร้ายเป็นชาย 2 คน สวมใส่หมวกกันน็อกทั้ง 2 คน

น.พ.เรวัต วิศรุตเวช อธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงอาการของนายวิทยา สาระโท เหยื่อระเบิดหน้าคิงเพาเวอร์ ว่า จากผลผ่าตัดซึ่งใช้เวลากว่า 10 ชั่วโมง ขณะนี้อาการทรงตัวแล้ว ไม่ว่าความดันโลหิต สัญญาณชีพจร หรืออาการบาดเจ็บในส่วนต่างๆ ส่วนสะเก็ดระเบิดที่ฝังอยู่ในดวงตาซ้ายนั้น แพทย์เย็บรักษาให้เรียบร้อยแล้ว มีความเป็นไปได้ที่ดวงตาจะไม่บอด อย่างไรก็ตาม ยังคงเป็นห่วงอาการสมองบวมของผู้ป่วย เนื่องจากยังไม่ยุบตัว ซึ่งหลังจากนี้หากสมองยุบตัวลงก็เชื่อว่าแนวโน้มในการรักษาจะดีขึ้นจนหายเป็นปกติได้

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์