สนธิแฉอุ้มสมชายคนใกล้แม้วสั่ง

"สนธิ" ประธานคมช.แฉเอง มีข้อมูลคนใกล้ชิด "ทักษิณ" อยู่เบื้องหลังอุ้ม "ทนายสมชาย" ขณะที่ "ดีเอสไอ" เตรียมขอข้อมูลทันที เร่งคลี่คลายคดี มุ่งประเด็นการใช้มือถือของทีมอุ้ม ตั้งแต่นาทีจับขึ้นรถออกจากกรุงเทพฯ ไปราชบุรี "อังคณา" เมียทนายสมชายยังมีหวัง เชื่อยังมีหลักฐานสำคัญหลงเหลืออยู่ ส่วนการแก้ปัญหาไฟใต้ ครม.แต่งตั้งแล้ว "พระนาย สุวรรณรัฐ" นั่ง "ผอ.ศอ.บต." เริ่มงานทันที 1 พ.ย. รมว.มหาดไทยชี้มีประสบการณ์ เป็นผู้ว่าฯ มาหลายจังหวัด ทำงานในภาคใต้มาก่อน อีกทั้งนายกฯ ก็เห็นด้วยทันทีที่เสนอชื่อ ขณะที่เจ้าตัวยันพร้อมทำงาน ไม่หนักใจแม้ห่างพื้นที่มานาน 19 ปี จะเน้นดูแลความเป็นธรรมชาวบ้านในพื้นที่ มุ่งสร้างสันติสุข

เมื่อวันที่ 31 ต.ค. พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.) กล่าวถึงกระแสข่าวมีบุคคลใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อยู่เบื้องหลังการหายตัวไปของนายสมชาย นีละไพจิตร อดีตประธานชมรมนักกฎหมายมุสลิม ว่ามีข้อมูลหมดแล้ว เป็นข้อมูลของคณะทำงานที่มาเล่าให้ฟัง แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าคณะทำงานประกอบด้วยใครบ้าง รวมทั้งไม่สามารถเปิดเผยว่าใครอยู่เบื้องหลังคดีดังกล่าว ต้องขออนุญาตไม่ตอบ เพราะอาจไม่มีความเข้าใจ

ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) กระทรวงยุติธรรม พ.อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ โฆษกดีเอสไอ กล่าวว่า ดีเอสไอจะประสานขอให้พล.อ.สนธิส่งหลักฐาน หรือผู้ที่ให้ข้อมูลมาให้ดีเอสไอ เพื่อนำมาเป็นพยานเพิ่มน้ำหนักในสำนวนคดี คาดว่าผู้ที่ให้ข้อมูลอาจจะเป็นผู้ที่อยู่ในคณะรัฐบาลชุดที่ผ่านมา สำหรับการสอบสวนในขณะนี้ ให้น้ำหนักไปที่ข้อมูลการใช้โทรศัพท์ติดต่อ ของกลุ่มบุคคลที่ร่วมอุ้มนายสมชาย และทำหมายเรียกเอกสารการใช้โทรศัพท์ของกลุ่มผู้ต้องสงสัย ไปยังทุกบริษัทที่ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ โดยเบอร์โทรศัพท์ทั้งแบบโชว์เบอร์ หรือเป็นเบอร์ลูกค้าวีไอพีที่ไม่โชว์หมายเลข สามารถตรวจสอบได้ทั้งหมด ยกเว้นเป็นรายการโทรศัพท์ที่บริษัทผู้ให้บริการลบข้อมูลทิ้ง แต่ก็สามารถตรวจสอบได้จากเบอร์ปลายทาง ที่อาจใช้บริการเครือข่ายสัญญาณโทรศัพท์ของบริษัทอื่น

โฆษกดีเอสไอ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังสอบสวนต่อยอดจากเดิม ที่ตำรวจสอบสวนอยู่แค่เวลา 20.35 น. ของวันที่ 12 มี.ค.2547 ซึ่งเป็นช่วงที่นายสมชายถูกผลักขึ้นรถ แต่ไม่ได้สอบสวนว่านายสมชายถูกนำตัวไปที่ใด อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะออกหมายจับได้หรือไม่ เพราะการขออนุมัติหมายจับ หรือการสั่งฟ้อง จะต้องมีหลักฐานเพียงพอ ที่ผ่านมาแนวทางการสืบสวน พอจะรู้ตัวกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้อง แต่ไม่มีหลักฐานยืนยัน เพราะดีเอสไอไม่ได้เริ่มทำคดีตั้งแต่เริ่มต้น แต่รับโอนคดีแห้งมาจากตำรวจ และเป็นคดีที่ขาดประจักษ์พยาน ไม่มีประชาชนเข้าให้การยืนยัน หรือให้เบาะแส รวมทั้งไม่มีหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ทำให้คดีมีแต่พยานแวดล้อม หากรีบร้อนสั่งฟ้อง อาจมีน้ำหนักไม่เพียงพอให้ศาลลงโทษ

รายงานข่าว เปิดเผยว่า สำหรับข้อมูลรายการใช้โทรศัพท์ติดต่อ ของกลุ่มผู้ต้องสงสัยในคดีอุ้มฆ่านายสมชาย ระบุว่าในวันที่ 12 มี.ค.2547 มีการติดต่อกันผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ตลอดทั้งวัน โดยหลังเวลา 20.35 น. สัญณาณโทรศัพท์ของกลุ่มผู้ต้องสงสัย เคลื่อนตัวออกจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าพื้นที่จ.ราชบุรี โดยมีความถี่ในการติดต่อโทรศัพท์จนถึงรุ่งเช้าวันที่ 13 มี.ค.2547 จากนั้นก็หยุดการติดต่อถึงกัน

ด้านนางอังคณา นีละไพจิตร ภรรยานายสมชาย กล่าวว่า ขณะนี้คดีเริ่มมีความชัดเจนและคืบหน้ามากขึ้น หลังจากพล.อ.สนธิ ออกมายอมรับว่าได้รับรายงานผลการสืบสวนสอบสวนของคณะทำงาน ว่าอาจมีบุคคลใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการสั่งการในครั้งนี้ แต่ส่วนตัวไม่อยากให้รีบเร่ง อยากให้หาพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ให้มาก เนื่องจากหากมีเฉพาะพยานแวดล้อม เกรงว่าเมื่อคดีขึ้นสู่ศาลแล้ว ศาลอาจจะไม่รับฟัง และไม่สามารถลงโทษผู้กระทำความผิดได้ ที่ผ่านมาการสืบสวนสอบสวนดีเอสไอ น่าจะเดินมาถูกทางแล้ว แต่ดีเอสไอไม่มีความพยายามมากพอที่จะหาพยานหลักฐาน เนื่องจากเกรงจะไปกระทบเจ้าหน้าที่รัฐ โดยเฉพาะตำรวจ และผู้สั่งการ จึงทำให้คดีล่าช้า หากดีเอสไอพยายามคลี่คลายคดีนี้อย่างจริงจัง เชื่อว่าน่าจะยังมีหลักฐานสำคัญหลงเหลืออยู่

วันเดียวกัน เวลา 10.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง แถลงผลการประชุมครม.ว่า ที่ประชุมให้ความเห็นชอบบัญชีรายชื่อการโยกย้ายข้าราชการระดับ 10 กระทรวงมหาดไทย จำนวน 61 คน ในจำนวนนี้แต่งตั้งให้นายพระนาย สุวรรณรัฐ ผวจ.นนทบุรี เป็นรองปลัดกระทรวง และดำรงตำแหน่งผอ.ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศอ.บต.) โดยในวันที่ 1 พ.ย. นายพระนายจะปฏิบัติหน้าที่เป็น ผอ.ศอ.บต.ทันที

ผู้สื่อข่าวถามว่านายพระนายมีคุณสมบัติตรงกับที่นายอารีย์ วงศ์อารยะ รมว.มหาดไทย ระบุไว้ว่าต้องเป็นผู้ที่มีบารมีหรือไม่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า ความรู้ความสามารถของนายพระนายถือว่าชัดเจน แต่คำว่ามีบารมีหรือไม่นั้น ทุกคนก็บอกว่ามีบารมี แต่ต้องรอการพิสูจน์ฝีมือสักพักหนึ่งคงจะเห็นเอง เรื่องมีบารมีนั้นตอบยาก ต้องขอเวลาสัก 1 เดือน จะเห็นว่ามีบารมีหรือไม่มี อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุม ครม.ไม่มีใครสอบถามในเรื่องนี้ เพราะชื่อของนายพระนาย ได้พูดคุยและปรึกษากันมาพอสมควรแล้ว จนมีความเห็นว่ามีความเหมาะสมที่สุดแล้วจึงเสนอให้แต่งตั้ง

ด้านนายอารีย์ วงศ์อารยะ รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ว่า การแต่งตั้งนายพระนาย เป็นผอ.ศอ.บต. เพราะเห็นว่ามีประสบการณ์การทำงาน เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดมาหลายจังหวัด และเคยทำงานในภาคใต้มาก่อน มั่นใจว่าจะสามารถทำงานประสานกับหน่วยงานต่างๆ และทหารได้มากยิ่งขึ้น ที่สำคัญนายพระนายเป็นน้องชายของนายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี และเคยเป็น ผอ.ศอ.บต.มาก่อน น่าจะได้รับการถ่ายทอดประสบการณ์ในการทำงานได้เป็นอย่างดี

"นายกฯ ยังเห็นด้วยทันทีที่มีการเสนอชื่อ จึงมั่นใจว่าได้ผ่านการพิจารณาจากทุกฝ่ายอย่างรอบคอบแล้ว ผมรู้จักข้าราชการทุกคนเป็นอย่างดี รู้นิสัยใจคอว่าเป็นอย่างไร จึงต้องการคนที่ทำงานเอาจริงเอาจัง เนื่องจากรัฐบาลมีเวลาเพียง 1 ปีในการทำงานเท่านั้น นายพระนายก็เคยเป็นลูกน้องเก่า แต่ในการลงพื้นที่จ.ปัตตานี ในวันที่ 1 พ.ย. นายพระนายอาจจะไม่ต้องเดินทางลงไปด้วย เนื่องจากมีภารกิจที่ต้องดูแลเกี่ยวกับการป้องกันน้ำท่วม จ.นนทบุรี หากมอบหมายงานเสร็จก็จะให้ลงไปปฏิบัติงานในพื้นที่ทันที" นายอารีย์กล่าว

ขณะที่นายพระนาย กล่าวว่า ไม่หนักใจแม้จะห่างพื้นที่มา 19 ปีแล้ว แต่เมื่อได้รับก็พร้อม โดยงานที่ได้รับมอบหมาย คือเข้าไปดูแลความเป็นธรรมให้คนในพื้นที่ภาคใต้ เพื่อให้เกิดความสงบสุข ในเบื้องต้นจะขอรับฟังปัญหาก่อน จากนั้นจะนำปัญหาที่รับฟังมาวิเคราะห์ เพื่อหาแนวทางแก้ไขให้ถูกทิศทาง เหมือนเป็นหมอต้องลงไปตรวจคนไข้ก่อน แล้วถึงจะทราบว่าเป็นอะไร และจากที่เคยอยู่ภาคใต้มา ไม่เห็นว่าประชาชนในพื้นที่จะต่อต้านเจ้าหน้าที่รัฐตามที่เป็นข่าว และเชื่อว่าหากเจ้าหน้าที่ทำงานกันอย่างตรงไปตรงมา ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แม้ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะมีความแตกต่างด้านเชื้อชาติ ศาสนา แต่ทุกคนเป็นคนไทย ย่อมรักประเทศชาติเหมือนกัน และต้องการเห็นความสงบสุขของบ้านเมือง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับประวัตินายพระนาย เกิดเมื่อวันที่ 5 พ.ย.2494 เป็นน้องชายของนายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และปริญญาโทบริหารรัฐกิจ มหาวิทยาลัยอินเดียน่า สหรัฐอเมริกา เริ่มรับราชการเป็นหัวหน้าฝ่ายปกครองและพัฒนา อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ต่อด้วยปลัดอำเภอละงู จ.สตูล นายอำเภออมก๋อย จ.เชียงใหม่ รองผวจ.พระนครศรีอยุธยา รองผวจ.บุรีรัมย์ รองผวจ.กระบี่ ขึ้นเป็นผวจ.สิงห์บุรี ก่อนจะมาเป็นผวจ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 1 ต.ค.2547 กระทั่งได้รับการแต่งตั้งเป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย ควบตำแหน่งผอ.ศอ.บต.

สำหรับความเคลื่อนไหวในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่จ.นราธิวาส นายอับดุลรอซัค อาลี ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำ จ.นราธิวาส กล่าวถึงกรณีนายพระนาย ได้รับการแต่งตั้งให้มาเป็นผอ.ศอ.บต.ว่า โดยส่วนตัวเห็นว่าใครก็ได้ที่มาเป็น ผอ.ศอ.บต. แต่ต้องมีความมุ่งมั่น จริงใจที่จะแก้ปัญหาของประชาชนในพื้นที่ และหาก ผอ.ศอ.บต.คนใหม่ ไม่เข้าใจพื้นที่ ก็ควรรีบศึกษาให้เร็วที่สุด และควรให้โอกาส ผอ.ศอ.บต.ทำหน้าที่ไปสักระยะหนึ่งก่อน ในส่วนคณะกรรมการอิสลามจะให้ความร่วมมือกับ ศอ.บต.ทุกด้าน แต่ต้องดูนโยบายก่อน

ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำ จ.นราธิวาส กล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องเร่งด่วนที่ขอฝากให้ ผอ.ศอ.บต. คือการแก้ปัญหาเพื่อลดช่องว่างระหว่างภาครัฐและประชาชน ต้องยอมรับความจริงว่า ความมีอคติของข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐ ต่อประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงมีอยู่ จึงจำเป็นที่ ผอ.ศอ.บต.ต้องกำหนดโครงสร้าง หรือนโยบาย ตั้งแต่ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ จนถึงผู้ปฏิบัติในพื้นที่ชุมชน ต้องไม่สร้างปัญหา ความอคติ หรือเงื่อนไขให้เกิดขึ้น ความปรองดองและความสมานฉันท์ จะเกิดขึ้นได้เร็ว และความสงบสุขก็จะเกิดขึ้น

ก่อนหน้านี้เวลา 20.00 น. วันที่ 30 ต.ค.ที่ผ่านมา ร.ต.ต.วรพงษ์ หะยีหวัง ร้อยเวร สภ.อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามกราดยิงใส่สำนักงานแขวงการทาง อ.บาเจาะ ตั้งอยู่ริมถนนเพชรเกษม เขตเทศบาลตำบลบาเจาะ อยู่ห่างจากสภ.อ.บาเจาะ ประมาณ 300 เมตร รุดไปที่เกิดเหตุพบด้านหน้าอาคารถูกกระสุนปืนหลายแห่ง กระจกแตก พบขวดบรรจุน้ำมันเบนซิน ทำเป็นระเบิดเพลิง และพบปลอกกระสุนอาวุธปืนลูกซองยาว 2 ปลอก และปลอกระสุนปืนเอ็ม 16 จำนวนกว่า 30 ปลอก สอบสวนทราบว่ามีคนร้าย 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ ไม่ทราบสีและทะเบียน ใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 และลูกซอง กราดยิงใส่ พร้อมทั้งปาระเบิดเพลิง ก่อนหลบหนีไป แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว คาดเป็นฝีมือกลุ่มแนวร่วมก่อความไม่สงบในพื้นที่

เวลา 17.50 น. ร.ต.ท.มนูญศักดิ์ ปาระมี ร้อยเวร สภ.อ.เมือง จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุระเบิดที่ตลาดนัดบางนาค เขตเทศบาลเมืองนราธิวาส รุดไปที่เกิดเหตุพบเป็นร้านน้ำแข็งและยาดอง และผู้บาดเจ็บ 6 คน ทราบชื่อ จ.ส.ต.คฑาวุธ ทองเมือง อายุ 36 ปี ผบ.หมู่งานปราบปราม สภ.อ.เมืองนราธิวาส ถูกสะเก็ดระเบิดที่แขนซ้ายและขา, นายบุญ รัตน์ สมบูรณ์ อายุ 66 ปี อยู่บ้านเลขที่ 160 หมู่ 9 ต.ลำภู อ.เมืองนราธิวาส ถูกสะเก็ดระเบิดที่ใบหน้าและลำตัว นายประทีป คชนาม อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 8 ซอยศิริภักดี ต.บางนาค อ.เมืองนราธิวาส ถูกสะเก็ดระเบิดที่ใบหน้า, นายนิพนธ์ รัฐแฉล้ม อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 19/2 ถนนประชาบำรุง อ.เมืองนราธิวาส ถูกสะเก็ดระเบิดที่ลำตัว, นายนิพัช ศิราโรจน์ ถูกสะเก็ดระเบิดที่ลำตัว, นายประดิฐ์ สุขศรี อายุ 52 ปี อยู่ซอยคชรัตน์ ต.บางนาค อ.เมือง ถูกสะเก็ดระเบิดที่แขนและใบหน้า จึงลำเลียงส่งร.พ.นราธิวาสราชนครินทร์

จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบถังน้ำแข็งขนาด 300 ลิตร จำนวน 4 ใบ ถูกแรงระเบิดพังยับเยิน เศษชิ้นส่วนกระจายเกลื่อนบนพื้นถนน แผงกันสาด และแผงเหล็กกั้นพังยับเยิน ในรัศมี 15 เมตรพบชิ้นส่วนประกอบวัตถุระเบิด เศษกล่องเหล็ก เชื้อปะทุ เศษดินระเบิด เศษเหล็กหุนตัดสั้น หัวตะปู เศษซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือ จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน นอกจากนี้สะเก็ดระเบิดยังทำให้กระจกบานประตูและหน้าต่างของร้านข้างเคียงเสียหาย รวมทั้งรถจักรยายนต์พ่วง 2 คัน และรถจักรยานยนต์อีก 3 คัน ที่จอดอยู่หน้าร้านได้รับความเสียหาย

สอบสวนทราบว่าจุดเกิดเหตุเป็นร้านของนายจำลอง ชัยบุญเมือง อายุ 50 ปี โดยก่อนเกิดเหตุมีชาวบ้านและตำรวจจราจร สภ.อ.เมืองนราธิวาส มานั่งดื่มน้ำชากาแฟ และบางส่วนรักษาความปลอดภัยชาวบ้านที่มาซื้อของในตลาดนัด คาดว่าคนร้ายนำระเบิดแสวงเครื่องซุกไว้ใต้ถังน้ำแข็ง เมื่อสบโอกาสจึงกดโทรศัพท์มือถือจุดชนวนระเบิด เป็นเหตุให้ตำรวจและชาวบ้านบาดเจ็บ 6 คน

แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ข่าวสด