วันนี้ ( 30 พ.ค.) พ.ต.อ.สราวุธ จินดาคำ ผกก.สน.ลุมพินี รับแจ้งมีกลุ่มชายฉกรรจ์ชุดดำประมาณ 100 คน บุกรุกพื้นที่สวนลุมไนท์บาซาร์ ถนนวิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน ทำให้เกิดการปะทะกันกับกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าและมีผู้ได้รับบาดเจ็บ จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง ผบก.น.5 พ.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง รอง ผบก.น.5 พ.ต.ต.ปิโยรส กัณหะสิริ สว.สส.สน.ลุมพินี และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหนึ่ง
จุดเกิดเหตุอยู่บริเวณทางเข้าประตู 1 สวนลุมไนท์บาซาร์ มีลักษณะเป็นถนนเข้า-ออก 2 ช่องทาง เจ้าหน้าที่พบกลุ่มชายฉกรรจ์อ้างตัวว่ามาจาก บจก.วังสินทรัพย์ นำแผ่นเหล็กมาปิดกั้นทางเข้าประตูฝั่งซ้าย โดยนำรถแบ๊คโฮ ขนาดใหญ่ จำนวน 2 คัน ทำหน้าที่เจาะพื้นคอนกรีตตั้งเสาขึงแนวลวดหนามช่วงบริเวณเกาะกลาง เป็นระยะทางยาวกว่า 100 เมตรจนเกือบถึง Bangkok Hall ซึ่งตั้งอยู่กึ่งกลางสวนลุมไนท์บาซาร์ นอกจากนี้ยังมีกลุ่มผู้ค้ากว่า 300 คน คอยตะโกนขับไล่ขว้างปาสิ่งของเข้าใส่กลุ่มผู้บุกรุกเพื่อสกัดกั้นการทำงาน จนทำให้เกิดการปะทะกันระหว่างทั้ง 2 กลุ่ม เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้าระงับเหตุโดยสั่งการให้เครื่องจักรหยุดทำงานและกันกลุ่มชายฉกรรจ์กับกลุ่มผู้ค้าให้ถอยห่างจากกัน โดย พ.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง รอง ผบก.น.5 ได้วิทยุเรียกกำลังกองร้อย ปจ.ของ บก.น.5 มาสนับสนุนเข้าควบคุมสถานการณ์ จำนวน 1 กองร้อย ซึ่งหลังเหตุความวุ่นวายยุติ พล.ต.ต.อนุชัยได้เชิญตัวผู้แทนทั้ง 2 ฝ่ายไปเจรจากันที่ สน.ลุมพินี นอกจากนี้ยังพบผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นลูกจ้างร้านค้า จำนวน 2 คน ชื่อนายพีระชัย ปุษรังสี อายุ 25 ปี ถูกฟันเข้าที่ทัดดอกไม้ข้างซ้ายเป็นบาดแผลลึก และนายสยาม อยู่สกุล อายุ 39 ปี ถูกตีเข้าที่หางคิ้วขวา เบื้องต้นถูกนำตัวส่ง รพ.จุฬาฯ แพทย์ให้การรักษาจนอาการปลอดภัย
จากการสอบถามนายสมชัย หงส์เวียงจันทร์ ประธานชมรมผู้ประกอบการร้านค้าสวนลุมไนท์บาซาร์ กล่าวว่า ตามที่ บจก.วังสินทรัพย์ ได้ยื่นฟ้องขับไล่ บจก.พีคอนดีเวลล็อปเม้นท์ (ประเทศไทย) ผู้ได้รับสัมปทานให้ดำเนินการทำพื้นที่ตลาดสวนลุมไนท์บาซาร์ต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ คดีหมายเลขดำที่ 8969/2549 ซึ่งขณะนี้คดียังอยู่ในระหว่างพิจารณาชั้นฎีกา โดย บจก.พีคอนฯ ยังคงมีสิทธิในการใช้และเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และ บจก.วังสินทรัพย์ ยังต้องรอคำตัดสินจากศาลฎีกา จึงจะเข้ามาปิดกั้นรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ได้ แต่เมื่อช่วงเช้าตรู่วันนี้ปรากฏว่า มีกลุ่มชายฉกรรจ์ที่อ้างตัวมาจาก บจก.วังสินทรัพย์ พร้อมเครื่องจักรและอุปกรณ์เข้าปิดล้อมพื้นที่ ไม่ให้กลุ่มผู้ค้ากว่า 3,700 ร้านค้า และนักท่องเที่ยว เข้ามาภายในสวนลุมไนท์บาซาร์ ทำให้พวกตนได้รับความเดือดร้อนทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็เพิ่งจะผ่านวิกฤตทางการเมืองมาหมาดๆ ที่ผ่านมากลุ่มผู้ค้าขายของไม่ได้มานาน 3 เดือนแล้ว รายจ่ายคงที่แต่รายรับไม่มีเพิ่มบางครอบครัวยังไม่ได้ชำระค่าเทอมลูก ไหนจะลูกจ้างตามร้านต่างๆ ซึ่งนับแล้วกว่า 1 หมื่นชีวิตที่ต้องได้รับผลกระทบจาก
นายสมชัย กล่าวต่อว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ด้วย ตนพร้อมด้วยสมาชิกทุกคนต่างก็ตระหนักถึงความเดือดร้อนของผู้ร่วมอาชีพ จึงได้ทำหนังสือขอความอนุเคราะห์ผ่อนผันระยะเวลาการย้ายร้านค้าออกจากสวนลุมไนท์บาซาร์ ไปถึงประธานและคณะกรรมการ บจก.วังสินทรัพย์ เพื่อขอให้ช่วยยืดระยะเวลาการขายของให้พวกตนออกไปอีก 15 เดือน โดยในระหว่างนี้พวกตนลงความเห็นว่าจะเร่งระบายสินค้าในสต๊อคออกไปให้หมด เพื่อนำเงินมาหมุนเวียนชำระหนี้และเก็บเงินทุนไว้รอย้ายร้านไปยังพื้นที่ใหม่ย่านรัชดา แต่ยังไม่ได้รับคำตอบก็ต้องมาเจอเรื่องเลวร้ายอย่างนี้ จนจึงขอวอนผ่านสื่อมวลชนไปถึงท่านอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และ ผู้ที่เกี่ยวข้องอย่าง นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ให้ช่วยเข้ามาดูแลและบรรเทาความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นด้วย ทั้งนี้ตนจะขออาสาเป็นคนกลางเข้าช่วยเจรจาให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี ส่วนในวันนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้อาสาที่จะเป็นตัวกลางรับฟังข้อโต้แย้งของทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งทางตนและกลุ่มผู้ค้าก็พากันเดินทางมาที่ สน.ลุมพินี แล้วแต่ฝ่ายตรงข้ามกับเลี่ยงการเผชิญหน้าโดยอ้างว่าขอนำเรื่องไปหารือกับผู้ใหญ่เสียก่อน
ด้าน พล.ต.ต.อนุชัย กล่าวว่า ในส่วนคดีความของคู่กรณีไม่สามารถให้ความเห็นได้ เนื่องจากไม่ทราบว่าศาลพิพากษาหรือมีการดำเนินการไปแล้วอย่างไร แต่ขณะได้รับเรื่องแจ้งความในคดีทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน โดยหลังจากที่ผู้เสียหายเข้ารักษาพยาบาลเรียบร้อยแล้วก็ให้เอาหลักฐานมายื่นแจ้งความกับพนักงานสอบสวนได้เลย นอกจากนี้ตนยังสั่งการให้กำลังตำรวจ ปจ.เข้ามารักษาพื้นที่ดูแลความเรียบร้อยเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์กระทบกระทั่งกันเกิดขึ้นอีก
ต่อมาหลังจากที่กลุ่มผู้ค้าทราบว่าไม่มีความคืบหน้าทางด้านการเจรจาที่ สน.ลุมพินี จึงได้รวมตัวกันเดินเท้าย้อนกลับมาที่ประตู 1 สวนลุมไนท์บาซาร์ เพื่อประท้วงด้วยการช่วยกันเคลื่อนย้ายเต๊นท์ขนาดใหญ่มาปิดกั้นการจราจรบนถนนวิทยุฝั่งมุ่งหน้าถนนสาทรทั้ง 4 เลน แต่เมื่อเห็นว่าผู้ใช้รถใช้ถนนได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก จึงพากันเปิดการจราจรคืนให้ชาวบ้าน ขณะที่กลุ่มชายฉกรรจ์ต่างก็เริ่มทยอยออกจากพื้นที่บริเวณประตู 1 ไปรวมกันกันที่บริเวณประตู 5 ติดถนนพระราม 4 กลุ่มผู้ค้าจึงช่วยกันทำลายแผงเหล็กกั้นบริเวณประตู 1 และรื้อแนวลวดหนามออกก่อนจะพากันไปรวมตัวที่ลานเบียร์เพื่อเฝ้าระวังการบุกรุก.