ป๋าเปรม สงสัยทำไมต้องเกิดระเบิดที่หน้าบ้าน

โดย ทีมข่าวอาชญากรรม ผู้จัดการออนไลน์ 9 มีนาคม 2549 15:26 น.

พล.อ.ธรรมรักษ์ ตรวจจุดเกิดเหตุระเบิด พร้อมสั่งทหาร ร่วมกับตำรวจ เร่งหามือระเบิด เผย ป๋าเปรม ไม่ได้วิตกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่สงสัยว่าทำไมต้องมาเกิดระเบิดที่หน้าบ้านท่าน

วันนี้ (9 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเหตุลอบวางระเบิดป้อมยามบริเวณหน้าบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ ถนนศรีอยุธยา ซึ่งเป็นบ้านพักของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ว่า เมื่อเวลา 15.00 น.ที่ผ่านมา พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางมาตรวจสอบในที่เกิดเหตุ

โดย พล.อ.ธรรมรักษ์ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เบื้องต้นยังไม่ทราบว่าเป็นระเบิดชนิดใด และ พล.อ.เปรม ก็ไม่ได้วิตกต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพียงแต่ท่านสงสัยว่า ทำไมต้องมาเกิดที่หน้าบ้านของท่าน

อย่างไรก็ตาม พล.อ.ธรรมรักษ์ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุ ได้สั่งการให้ทหารร่วมทำงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการสอบสวนหาผู้ก่อเหตุ โดยเบื้องต้นจากการสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบว่ามีคนกวาดถนนเห็นเหตุการณ์ แต่ก็ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้นำระเบิดมาวางไว้ ซึ่งได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายดูแลอย่างเต็มที่ และก็ยังไม่สามารถประเมินสถานการณ์ได้

ล่าสุด พล.อ.ธรรมรักษ์ เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากนายตำรวจระดับสูงว่า น่าจะเป็นระเบิดแสวงเครื่องชนิดแรงต่ำ จุดระเบิดด้วยถ่านไฟฉายขนาด 2 เอ ซึ่งพบตกอยู่ในที่เกิดเหตุ โดยคาดว่าคนร้าย น่าจะมานั่งอยู่บริเวณม้าหินอ่อน ซึ่งเป็นจุดซุกซ่อนระเบิด ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวพนักงานกวาดขยะของกรุงเทพมหานครไปทำการสอบปากคำ เนื่องจากคาดว่าน่าจะจำใบหน้าผู้ก่อเหตุได้

พล.อ.ธรรมรักษ์ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม คาดว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้น่าจะเป็นแค่การสร้างสถานการณ์ หรือข่มขู่ เพราะวัตถุระเบิดดังกล่าวเป็นเพียงแรงดัน ไม่ได้บรรจุสะเก็ดระเบิดแต่อย่างใด

ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปิดการจราจรบริเวณถนนศรีอยุธยาทั้ง 2 ฝั่ง เพื่อเคลียร์จุดเกิดเหตุ และหาหลักฐานแล้ว

ด้านผู้บาดเจ็บซึ่งเป็นชาวต่างชาติ 2 คนทราบต่อมาชื่อ นายเมอร์รี รัตเชลล์ วัย 51 ปี นักท่องเที่ยวชาวแคนาดา และนางสาวเจฟฟินนี คิง อายุ 28 ปี ชาวอังกฤษ

โดย ทีมข่าวอาชญากรรม ผู้จัดการออนไลน์ 9 มีนาคม 2549 16:38 น.

รักษาการ รมว.มหาดไทย ระบุมีชายไทยต้องสงสัยอายุประมาณ 20 ปี ไปนั่งอยู่บริเวณที่เกิดเหตุก่อนจะเกิดระเบิดขึ้นที่หน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ พร้อมเผยรองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคงเรียกประชุมด่วน รมต.ด้านความมั่นคง ที่ทำเนียบเย็นนี้

วันนี้ (9 มี.ค.) เมื่อเวลา 15.45 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. พล.ต.ท.นาวิน สิงหผะลิน ผู้ช่วย ผบ.ตร.เดินทางไปยัง บช.น. พร้อมเรียกประชุมนายตำรวจระดับสูงเพื่อประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวขึ้นไปทำข่าว ในขณะที่บริเวณด้านหน้าประตูทางเข้า บช.น. ตำรวจได้นำแผ่นสะท้อนคล้ายกระจกมาติดตั้งเพื่อตรวจหาระเบิดใต้ท้องรถที่จะผ่านเข้าไปยัง บช.น.ทุกคัน รวมทั้งการตรวจค้นด้วย

ด้านบริเวณหน้าบ้านพักของประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ มีนายทหารชั้นผู้ใหญ่ทยอยเดินทางเข้าไปในบ้านพักไม่ขาดสาย อาทิ พล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์ องคมนตรี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี พล.อ.อ.คงศักดิ์ วันทนา รก.รมว.มหาดไทย พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก นายจาตุรนต์ ฉายแสง รก.รมว.ศึกษาธิการ

ต่อมา พล.ต.ขัตติยะ ที่เดินทางไปดูยังที่เกิดเหตุระบุว่า ผู้ใหญ่สั่งให้มาดูเหตุการณ์ และหลังจากที่ดูสถานที่เกิดเหตุแล้ว จากการสังเกตด้วยตาเปล่าและประสบการณ์ สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นระเบิดทีเอ็นที แรงดันต่ำ ซึ่งใช้ฝักแคในการจุดชนวน แต่หากเป็นระเบิดแสวงเครื่องจะต้องพบถ่านไฟฉาย และซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือ หรือหากเป็นระเบิดเอ็มเค 26 จะมีสะเก็ดระเบิดเป็นจำนวนมาก ซึ่งที่เกิดเหตุไม่ค่อยมีสะเก็ดระเบิด เบื้องต้นเชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นการข่มขู่ เพราะระเบิดไม่มีอานุภาพที่จะทำให้มีผู้เสียชีวิตได้ เนื่องจากระเบิดมีน้ำหนักประมาณครึ่งปอนด์ ส่วนสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไม่สามารถวิจารณ์ได้ เพราะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบริเวณหน้าบ้านประธานองคมนตรี

ด้าน พล.อ.อ.คงศักดิ์ วันทนา รก.รมว.มหาดไทย กล่าวภายหลังออกจากบ้านพัก พล.อ.เปรมว่า จากที่ได้รับรายงานเบื้องต้น ระเบิดดังกล่าวเป็นชนิดเดียวกันกับที่คนร้ายเคยใช้ก่อเหตุวางระเบิดที่หน้ากระทรวงมหาดไทย คือเป็นระเบิดชนิดแสวงเครื่องแรงดันต่ำ ซึ่งผู้ประกอบไม่จำเป็นต้องมีความรู้ทางเทคนิคมากนัก ส่วนผู้ต้องสงสัยในเบื้องต้นจากการสอบปากคำผู้เห็นเหตุการณ์ พบว่าเป็นชายไทยอายุประมาณ 20 ปี ซึ่งไปนั่งอยู่บริเวณเก้าอี้ม้าหินอ่อนที่มีการซุกซ่อนระเบิดไว้ก่อนเกิดเหตุ

สาเหตุยังไม่กล้าสันนิษฐานว่ามาจากอะไร โดย พล.ต.อ.ชิดชัย จะเรียกประชุม ครม.ด้านความมั่นคงในเย็นวันนี้ เพื่อสรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกครั้ง พล.อ.อ.คงศักดิ์ กล่าว

เวลา 16.30 น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่า กทม.ได้เดินทางเข้าพบ พล.อ.เปรม ภายในบ้านพัก หลังจากนั้นได้เดินตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมกับกล่าวเพียงสั้นๆว่า มาดูแลตามหน้าที่ของผู้ว่า กทม.ส่วนการสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากนั้น นายอภิรักษ์ ได้เดินทางไปเยี่ยมผู้ได้รับบาดเจ็บที่ รพ.วชิระพยาบาล พร้อมกับเปิดเผยว่า เบื้องต้น กทม.จะเป็นผู้ออกค่ารักษาพยาบาลให้ทั้งหมด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 16.35 น. ภายหลังการประชุมร่วมของนายตำรวจระดับสูงที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. ได้เดินทางกลับ โดยมีพล.ต.ท.วิโรจน์ จันทรังษี ผบช.น.เดินลงมาส่ง และไม่ยอมให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ขณะที่พล.ต.ท.วิโรจน์ก็รีบเดินกลับขึ้นไปยังห้องประชุม โดยไม่ให้สัมภาษณืเช่นกัน ด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 9 มีนาคม 2549 16:47 น.

ลำปาง - เลขาธิการสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจ หวั่นเหตุระเบิดบ้าน ป๋าเปรม เป็นการจงใจสร้างสถานการณ์ก่อให้เกิดความไม่สงบเพื่อใช้เป็นข้ออ้างนำ พ.ร.ก.ฉุกเฉินใช้จัดการกลุ่มผู้ชุมนุมไล่ แม้ว

นายสมยงค์ หมูแก้วเครือ เลขาธิการสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ สาขาลำปาง กล่าวถึงสถานการณ์เหตุวางระเบิดป้อมยามบ้าน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ว่า ทางเครือข่ายฯ เกรงว่า เป็นการสร้างสถานการณ์เพื่อก่อให้เกิดความไม่สงบในลักษณะคล้ายเหตุการณ์ในภาคใต้ และอาจมีการนำกลุ่มผู้ชุมนุมให้กำลังใจนายกรัฐมนตรีออกมาปะทะกับกลุ่มผู้ชุมนุมเรียกร้องให้ลาออก เพื่อสร้างกระแสให้เกิดการกระทบกระทั่งกัน และรัฐบาลจะใช้เหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นมาอ้าง เพื่อออกประกาศพระราชกำหนดภาวะฉุกเฉิน จากนั้นจะสามารถใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดมาจัดการกับเครือข่ายพันธมิตรประชาธิปไตยและผู้ชุมนุม

ทั้งนี้ เนื่องจากขณะนี้รัฐบาลถูกกลุ่มผู้ชุมนุมร่วมกันกดดันในทุกสถานที่ ทั้งที่สถานทูตสิงคโปร์ ตลาดหลักทรัพย์ กระทรวงพลังงาน ซึ่งส่งให้เกิดผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจ เช่น มูลค่าการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ลดลง สะท้อนการตัดสินใจแก้ปัญหาที่ผิดพลาดของรัฐบาลจากการที่นายกรัฐมนตรีไม่ยอมลาออก ดังนั้น จึงคิดว่าเหตุการณ์รุนแรงต่างๆ ที่เกิดขึ้น น่าจะเป็นฝีมือของฝ่ายที่ต้องการให้เกิดการเผชิญหน้า และประกาศภาวะฉุกเฉิน เพื่อใช้อำนาจรัฐจัดการกับผู้ชุมนุมดังกล่าว

สำหรับเครือข่ายสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ จากหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ 42 แห่ง 14 สาขา จะมีการประชุมใหญ่ในวันที่ 13 มี.ค.นี้ โดยแยกกันประชุมย่อยในแต่กลุ่มสมาชิกของแต่ละหน่วยงาน เพื่อระดมความคิดเห็นของสมาชิกสมาพันธ์ ในการกำหนดแนวทางการร่วมเคลื่อนไหวในวันที่ 14 มี.ค.2549 นี้

โดยสมาพันธ์ในฐานะสมาชิกเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยังคงยืนยันตามเจตนารมณ์เดิม คือ เคลื่อนไหวชุมนุมเพื่อเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออกเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพื่อให้มีการปฏิรูปการเมืองที่เป็นรูปธรรมอย่างจริงจัง เพราะพฤติกรรมของนายกรัฐมนตรีแสดงให้เห็นถึงการขาดจริยธรรมทางการเมือง และไม่เหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป