ผกก.ปืนโหด มอบตัว ตร.ค้านประกัน

ผกก.ยิงลูกเลี้ยงดับเข้ามอบตัว สภ.เมืองฉะเชิงเทราแล้ว แต่ยังให้การปฏิเสธ และขอให้การในชั้นศาล บอกเพียงว่าครอบครัวของตนและครอบครัวผู้ตายมีความสนิทสนมกันมาก จนท.ค้านประกันตัว...

เมื่อเวลา 15.30น. วันที่ 16 พ.ค. ที่ห้องประชุมสภ.เมืองฉะเชิงเทรา พ.ต.อ.ปรีชา สุนทรศิริ รอง ผบก.วิทยาการ2 กองทะเบียนประวัติอาชญากรรมสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ได้นำตัว พ.ต.อ.สุภาพ รองาม อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 99/107ต.บ้านสวน อ.เมือง จ.ชลบุรี เป็น ผกก.วิทยาการ 2 กองทะเบียนประวัติอาชญากรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มาสอบสวนสวน กรณีเป็นผู้ต้องหาในคดีใช้อาวุธปืนยิงลูกเลี้ยงคือนายวริศ โตศิริวัฒนานนท์ อายุ 17 ปี นักเรียนโรงเรียนเซนต์หลุยส์ อ.เมืองฉะเชิงเทราเสียชีวิตอย่างโหดเหี้ยม

เหตุเกิดที่บริษัท สยามสแตนเลส (ประเทศไทย) จำกัดเลขที่ 73หมู่ 13 ต.บางตีนเป็ด อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา

โดยเข้ามอบตัวต่อ พล.ต.ต.นิวัฒน์ รัตนาธรรมวัฒน์รอง ผบช.ภ.2 ซึ่งผู้ต้องหาให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และขอให้การในชั้นศาล บอกเพียงว่าครอบครัวของตนและครอบครัวผู้ตายมีความสนิทสนมกันมากมานานแล้ว จากนั้นพนักงานสอบได้เชิญให้ผู้สื่อข่าวออกมาด้านนอกห้องเพื่อสอบสวนผู้ต้องหา

หลังจากสอบปากคำผู้ต้องหานานราวครึ่งชั่วโมง พล.ต.ต.นิวัฒน์ กล่าวว่า เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธและขอให้การในชั้นศาล

ซึ่งถึงแม้จะมีหลักฐานที่ชัดเจนก็เป็นสิทธิของผู้ต้องหาที่จะให้การปฏิเสธ หรือรับสารภาพไม่มีผลแต่อย่างใดโดยไม่เอาไปยืนยันในชั้นศาลอยู่แล้ว เป็นเพียงคำที่ผู้ต้องหาให้การในชั้นพนักงานสอบสวนเท่านั้นแต่ถ้าผู้ต้องหา รับสารภาพก็ต้องรับสารภาพตั้งแต่ต้น ส่วนในเรื่องประกันตัวในวันนี้ผู้ต้องหายังไม่ได้ยื่นหลักทรัพย์หรือยื่น คำร้องเพื่อขอประกันตัวซึ่งการจะให้ประกันตัวหรือไม่นั้นเป็นอำนาจของ หัวหน้าพนักงานสอบสวนที่จะใช้ดุลพินิจและดูพฤติการณ์ของคดีมาประกอบด้วยว่า เมื่อประกันตัวออกมาแล้วจะไปข่มขู่พยานหรือไม่หรือจะไปทำลายหลักฐานทางคดีหรือไม่อย่างไรก็ต้องนำมาประกอบการพิจารณาส่วนที่เลือกมามอบตัวในวันอาทิตย์นั้นก็เป็นความสะดวกของผู้ต้องหาเองซึ่งเป็นผลดีต่อรูปคดี ถึงแม้ผู้ต้องหาจะเป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ก็ต้องดำเนินการตามพยานหลักฐานที่มีอยู่แล้ว

สำหรับคดีนี้หลักฐานมันชัดเจนอยู่แล้วเป็นอย่างอื่นไม่ได้ และในส่วนการดำเนินการทางวินัยในการพักราชการหรือไล่ออกนั้นคดีนี้เป็นคดี อาญาถือว่าผิดวินัยร้ายแรง โดยอยู่ที่ดุลพินิจของผู้ที่สั่งตั้งกรรมการสอบสวนและอยู่ที่ผู้บังคับบัญชา ของผู้ต้องหาว่าจะดำเนินการอย่างไร.