จำคุกรตอ.พฐ.อมยาบ้า

"ให้การปฏิเสธ"


ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ วันที่ 24 ต.ค. ศาลมีคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการ สำนักงานคดียาเสพติดเป็นโจทก์ฟ้อง ร.ต.อ.พงษ์ศักดิ์ ลีลาพงศธร อายุ 30 ปี อดีตรอง สว.งาน 4 กก.5 บก.พฐ. เป็นจำเลยฐานมี เมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครอง และมียาเคตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำเลยให้การปฏิเสธ

คดีนี้โจทก์ฟ้องและนำสืบว่า จำเลยเป็นตำรวจสังกัดกองพิสูจน์หลักฐาน มีหน้าที่เบิกสารเสพติดที่ได้จากการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศมาตรวจวิเคราะห์ หาสารเสพติดบริสุทธิ์แล้วนำยาเสพติดที่ยังตรวจไม่เสร็จสิ้นรวมทั้งที่ตรวจเสร็จแล้วส่งห้องเก็บรักษา

"ให้การซัดทอด"


พร้อมทำบัญชีให้ถูกต้องตรงตามจำนวน เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. 46 ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 13 ได้จับกุมตัวนายเสา โมแอม ชาวกะเหรี่ยง พร้อมเมทแอมเฟตามีน 1 เม็ด นายเสาให้การซัดทอดว่า ซื้อยาบ้ามาจากนายมงคล หรือจอย อาจปักษา นักการภารโรงประจำกองพิสูจน์หลักฐาน เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ต.ท่าเรือ จ.กาญจนบุรี จึงวางแผนติดต่อล่อซื้อ

ก่อนจับกุมตัวนายมงคลได้พร้อมยาบ้าจำนวน 1,081 เม็ด ผู้ต้องหาให้การซัดทอดว่าเคยซื้อขายยาบ้ากับจำเลยในคดีนี้มาแล้วหลายครั้ง โดยเมื่อปี 2545 ติดต่อค้าขายกัน 2 ครั้ง จำนวน 700 เม็ด ปี 2546 ติดต่อซื้อกัน 3 ครั้ง ประมาณ 4,500 เม็ด ยาเคตามีนอีก 20 ขวด ชุดจับกุมจึงนำตัวนายมงคลเข้าพบ พล.ต.ต.ชวน วรวานิช ผบก.พฐ.เพื่อสืบสวนขยายผล จากนั้นได้สั่งการให้ พ.ต.อ. อุทิศ สิงหาพันธ์ ผกก.5 พฐ. ผู้บังคับบัญชาของจำเลย ร่วมกับตำรวจ สภ.ต.ท่าเรือ วางแผนจับกุมตัวมาดำเนินคดี

"ตั้งทนายสู้คดี"


โดยตำรวจให้นายมงคลโทรศัพท์ติดต่อขอซื้อยาบ้า จำนวน 500 เม็ด ราคา 40,800 บาท จากจำเลย นัดส่งมอบของกันบริเวณห้องน้ำชั้น 1 สำนักงาน บก.พฐ. เมื่อจำเลยไปถึงแล้วส่งมอบหีบห่อให้แก่นายมงคล ตำรวจจึงเข้าจับกุมตัวพร้อมยึดของกลางยาบ้า เงินสด โทรศัพท์ มือถือ และบัตรเครดิตต่างๆ ตรวจค้นที่โต๊ะทำงานและตู้เก็บของ พบยาบ้าอีก 2,194 เม็ด ยาเคตามีน 20 ขวด จำเลยให้การปฏิเสธ พร้อมแต่งตั้งทนายความต่อสู้คดี

โดยยื่นคำแถลงปิดคดีใจความว่า จำเลยปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตมาโดยตลอด แต่กลับถูกกลั่นแกล้งจับกุม ในวันเวลาดังกล่าวจำเลยนั่งดื่มกินอยู่ที่ล็อบบี้ของโรงแรมโนโวเทล สยามสแควร์ นายมงคลได้โทรศัพท์ไปตาม บอกว่าผู้การเรียกไปพบ เมื่อไปถึงก็บอกว่าให้ไปที่ห้องน้ำ จากนั้นมีชายฉกรรจ์ 4-5 คนกรูเข้าจับตัว โดยที่ไม่ทราบว่าเป็นตำรวจ ทั้งที่ไม่เคยค้ายาเสพติดใดๆส่วนเงินที่ตำรวจตามยึดจากบัญชีธนาคารหลายรายการนั้น เป็นเงินมรดกที่ได้รับมาจากญาติ

"ฟังไม่ขึ้น พิพากษาผิดตามฟ้อง"


ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่าคดีนี้พยานโจทก์เบิกความเกี่ยวกับการตรวจค้นโต๊ะทำงานส่วนตัวกับตู้เก็บของใช้ส่วนตัวของจำเลย โดยมีผู้บังคับการและผู้กำกับการ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของจำเลย นำตรวจค้นอย่างละเอียดพบของกลางจำนวนมาก ไม่ปรากฏว่ามีการขู่เข็ญให้จำเลยรับสารภาพ การที่จำเลยอ้างเหตุว่าที่มียาเสพติดตกค้างอยู่ในตัว เพราะมีการเปลี่ยนแปลงระบบการจัดเก็บแบบใหม่ พยานโจทก์ปากหนึ่ง เบิกความว่า ในการตรวจยาเสพติดแต่ละวันนั้น เจ้าหน้าที่จะต้องเบิกและเซ็นกำกับจำนวนของกลางที่เบิกไป

เมื่อนำไปวิเคราะห์แล้วต้องลงบัญชีว่าได้สารเสพติดเท่าใด และยังเหลือของกลางอีกเท่าใดหากวันนั้นตรวจไม่เสร็จต้องทำบัญชีส่งคืนของกลางกับพยาน หากทำอย่างเคร่งครัดจะไม่มีการยักยอกของกลางเกิดขึ้นได้ ดังนั้น ข้ออ้างของจำเลยจึงฟังไม่ขึ้น พิพากษาว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้อง ลงโทษฐานมีเมทแอมเฟตามีน ให้จำคุกตลอดชีวิต ปรับ 3 ล้านบาท ส่วนข้อหามียาเคตามีนให้จำคุก 9 ปี จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวน มีประโยชน์ต่อการพิจารณา ลดโทษให้เหลือจำคุก 39 ปี 4 เดือน ปรับ 2 ล้านบาท และให้ออกหมายขังไว้ โดยไม่อนุญาตให้ประกันตัว


แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์