ไฟใต้ลามสงขลา ระเบิด 2 ศพ เจ็บ 11

เมื่อเวลา 07.05 น. วันที่ 20 ต.ค. พ.ต.ท. อุทัย ทิพย์เสภา รอง ผกก.หน.สภ.ต.ห้วยปลิง อ.เทพา จ.สงขลา รับแจ้งมีเหตุระเบิดที่หน้าร้านน้ำชาไม่มีชื่อ เลขที่ 303 ถนนเพชรเกษม (สายเก่า) ใกล้สี่แยกตลาดลำไพล หมู่ 1 ต.ลำไพล อ.เทพา มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก พร้อมด้วย พล.ต.ต.เจตนากร นภีตะภัฎ รอง ผบช.ภ.9 พล.ต.ต.ไพฑูรย์ พัฒนโสภณ ผบก.ภ.จ.สงขลา นายสุเทพ โกมลภมร และนายจิต ผสมพงษ์ รอง ผวจ.สงขลา พร้อมกำลังตำรวจและทหารรุดไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุเป็นเรือนแถวไม้ชั้นเดียวปลูกติดกันเป็นแถวยาวนับสิบห้อง บริเวณหน้าร้านน้ำชาที่เกิดเหตุพบผู้บาดเจ็บนอนร้องครวญครางจากพิษบาดแผลนับสิบคน รีบลำเลียงส่ง รพ.เทพาในเบื้องต้น ส่วนโต๊ะม้านั่งหินอ่อนหน้าร้านถูกแรงระเบิดแหลกกระจุยเป็นชิ้นๆ เศษ ชิ้นส่วนหม้ออะลูมิเนียม เหล็กเส้นตัดสั้นยาว 1 นิ้ว และชิ้นส่วนโทรศัพท์มือถือรุ่น 3310 ปลิวกระจัดกระจายเกลื่อนที่เกิดเหตุ นอกจากนี้ แรงระเบิดยังทำให้หลังคาของร้านน้ำชาที่ต่อเป็นกันสาดยื่นออกมาด้านหน้าพังถล่มลงมากองกับพื้นด้วย ในที่เกิดเหตุพบผู้เสียชีวิต 1 รายคือนายอิมรอน เหล็มเร๊ะ อายุ 35 ปี ถูกแรงระเบิดฉีกขาขาดทั้ง 2 ข้าง หน้าท้องแตกไส้ทะลักเสียชีวิตสุดสยดสยอง

ในส่วนของผู้บาดเจ็บมีจำนวน 12 ราย ทราบชื่อ 1. นายจรัส ดำแดง อายุ 37 ปี 2. นายมงคล พรมคาบุญ อายุ 25 ปี 3. นายสมพงษ์ สังข์แก้ว อายุ 34 ปี 4. นายดนรอหีม สันโยก อายุ 37 ปี ทั้ง 4 คน มีอาการสาหัสถูกสะเก็ดระเบิดที่ลำตัวและใบหน้า ต้องส่งต่อไปรักษาตัวที่ รพ.สงขลานครินทร์ 5. นายบุญส่ง ศรีภิรักษ์สมัย อายุ 62 ปี 6. นายสราวุฒิ ศรีภิรักษ์สมัย อายุ 31 ปี ลูกชาย 7. นายสราวุฒิ สุขจรุง อายุ 38 ปี ทั้ง 3 คนถูกส่งต่อไปรักษาตัวที่ รพ.หาดใหญ่ 8. นายขะทมิ จำกูด อายุ 61 ปี 9. นายชาฮามะ มะแช อายุ 70 ปี 10. นายหมุดตาเหล็บ หัสรังษี อายุ 57 ปี นอนรักษาตัวที่ รพ.เทพา 11. นายชุม ตังเห้ง อายุ 42 ปี บาดเจ็บเล็กน้อยแพทย์ทำแผลแล้วให้กลับบ้านได้ ส่วนรายสุดท้ายคือนายสมมาศ ประทุมทอง อายุ 50 ปี ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตระหว่างทางนำส่ง รพ. สรุปผู้เสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บ 11 คน

จากการตรวจสอบจุดเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พบร่องรอยคนร้ายลอบนำระเบิดแสวงเครื่องจุดชนวนด้วยระบบโทรศัพท์มือถือน้ำหนักประมาณ 5 กก.บรรจุอยู่ในหม้ออะลูมิเนียมมาวางซ่อนไว้ใต้โต๊ะม้านั่งหินอ่อนหน้าร้านช่วงคืนวันเกิดเหตุ รอจังหวะที่มีลูกค้ามานั่งกินน้ำชากาแฟเป็นจำนวนมาก คนร้ายที่ซุ่มรออยู่จึงกดโทรศัพท์จุดระเบิด ทำให้นายอิมรอน เหล็มเร๊ะ กับนายสมมาศ ประทุมทอง ซึ่งนั่งอยู่ใกล้ที่สุดเสียชีวิตและมีผู้บาดเจ็บอีก 11 คนดังกล่าว นอกจากนี้ ยังมีรถ จยย.ของลูกค้าที่จอดอยู่หน้าร้านเสียหายอีก 5 คันด้วย

ขณะเดียวกันจากการสอบปากคำนายจำเริญ แซ่เบ้ อายุ 39 ปี เจ้าของร้านน้ำชา ให้การว่า เปิดร้านน้ำชามานานกว่า 10 ปี แล้วไม่เคยมีปัญหากับใคร ตามปกติทุกๆเช้าจะมีชาวบ้านและพวกข้าราชการมาใช้บริการเป็นจำนวนมาก จึงตกเป็นเป้าหมายของกลุ่มคนร้ายลอบวางระเบิด ช่วงเที่ยงคืนเศษได้ยินเสียงรถ จยย.มาจอดหน้าร้าน และมีเสียงสุนัขเห่าไล่นานประมาณ 15 นาทีเสียงรถ จยย.ก็วิ่งจากไป เมื่อออกมาตรวจสอบก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ จนกระทั่งเปิดร้านได้ไม่ถึง ชม.ก็มีเสียงระเบิดดังกึกก้องขึ้น ฝุ่นควันกับเศษชิ้นส่วนอวัยวะและคราบเลือดสาดกระจายไปทั่วบริเวณ คาดว่าคนร้ายน่าจะลอบเข้ามาวางระเบิดเอาไว้ในช่วงเวลาดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างตรวจสอบหาร่องรอยคนร้ายรายนี้ต่อไป ต่อมาเวลา 16.00 น.วันเดียวกัน ที่วัดลำไพล นายสมพร ใช้บางยาง ผวจ.สงขลา เป็นประธานรดน้ำศพนายสมมาศ ประทุมทอง พร้อมทั้งมอบเงินแก่ครอบครัวของผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย รายละ 1 แสนบาทด้วย โดยศพของนายอิมรอนถูกนำไปฝังตามหลักศาสนาอิสลามในช่วงบ่ายวันเดียวกันแล้ว

ด้านนายผดุงศักดิ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน โทรศัพท์ด่วนถึงนายจำแลง คงตุก สวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จ.สงขลา ประสานงานกับทางสำนักงานประกันสังคมจังหวัดสงขลา ตรวจสอบสถานภาพของผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจากเหตุระเบิดที่ อ.เทพา เพื่อหาทางช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนต่อไป รวมทั้งให้ประสานงานดูแลเรื่องค่ารักษาพยาบาลแก่ผู้บาดเจ็บทั้ง 11 รายด้วย

ส่วนที่ จ.นราธิวาส เกิดเหตุรุนแรงถึง 4 รายซ้อน โดยเมื่อเวลา 20.30 น. คืนวันที่ 19 ต.ค. ร.ต.ต.วราพงษ์ หะยีหวัง ร้อยเวร สภ.อ.บาเจาะ รับแจ้งมีคนร้ายบุกปล้นปืนของเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติบูโด-สุไหงปาดี (น้ำตกปาโจ) ในบ้านเลขที่ 194 หมู่ 4 ต.บาเจาะ รุดไปตรวจสอบพบนายไฟซอล กือแมแซเจ๊ะลอ อายุ 28 ปี เจ้าของบ้านให้การว่า มีคนร้ายเป็นชาย 3 คน พร้อมปืนเอ็ม 16 บุกเข้ามาในบ้านจี้บังคับชิงปืนลูกซองยาว 5 นัด ของทางราชการหลบหนีไป เวลาไล่เลี่ยกันก็ได้รับแจ้งมีคนร้ายบุกปล้นปืนลูกซองยาว 5 นัด ที่บ้านของนายดาโอ๊ะ ดาโอ๊ะ อายุ 57 ปี เลขที่ 51 หมู่ 1 ต.บาเจาะ และที่บ้านของนายมะริเกะ ดาแล อายุ 40 ปี เลขที่ 8 หมู่เดียวกัน ซึ่งทั้งคู่เป็น ชรบ.ของหมู่บ้าน เบื้องต้นคาดว่า น่าจะเป็นฝีมือคนร้ายกลุ่มเดียวกันทั้งหมด โดยปล้นปืนลูกซองยาวแบบ 5 นัด ไปได้รวม 3 กระบอกพร้อมกระสุนจำนวนหนึ่ง

ถัดมาเวลา 06.00 น. วันที่ 20 ต.ค. ร.ต.ท.เนติวุฒิ ดีแก้ว ร้อยเวร สภ.อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส รับแจ้งมีคนถูกยิงเสียชีวิต บนถนนสายจารุเสถียร-บ้านไอบาตู หมู่ 4 ต.โต๊ะเด็ง รุดไปตรวจสอบพบศพนายมะวี วาแม อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4 หมู่ 3 ต.โต๊ะเด็ง นอนตายอยู่ข้างรถ จยย.ฮอนด้า สีแดง ทะเบียน กกว 150 นราธิวาส มีบาดแผลถูกยิงด้วยกระสุนปืน 11 มม. กลางแผ่นหลังทะลุหน้าอกรวม 4 นัด เก็บปลอกกระสุนได้ 3 ปลอก สอบสวนทราบว่าผู้ตายมีอาชีพรับจ้างกรีดยาง ก่อนเกิดเหตุได้ขี่รถ จยย.คันดังกล่าวมากับภรรยา ถึงจุดเกิดเหตุมีคนร้าย 2 คน ขี่รถ จยย.ไม่ทราบทะเบียนตามประกบใช้เท้าถีบจนรถ จยย.ของผู้ตายล้มลง ก่อนจะถูกจ่อยิงจนเสียชีวิต ส่วนภรรยานายมะวีวิ่งหนีไปอีกทางจึงรอดตายหวุดหวิด เชื่อเป็นฝีมือโจรสร้างสถานการณ์

ต่อมาเวลา 14.00 น. วันเดียวกัน ร.ต.ท.เทพสินธุ์ สะอาดอุต ร้อยเวร สภ.อ.ตากใบ จ.นราธิวาส รับแจ้งมีคนถูกยิงเสียชีวิต บนถนนสายจาเราะ-ทรายขาว หมู่ 1 บ้านจาเราะ ต.ไพรวัน อ.ตากใบ รุดไปตรวจสอบพบศพนายมาหามะดือนัย ตันอีโน อายุ 38 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ที่เกิดเหตุ ถูกยิงด้วยกระสุนปืนไม่ทราบขนาดบริเวณลำตัวและแผ่นหลัง 4 นัด นอนตายอยู่ข้างรถ จยย.ไม่ติดป้ายทะเบียน สอบสวนทราบว่า ถูกคนร้ายไล่ยิงขณะขี่รถ จยย.ออกมาทำธุระ คาดเป็นฝีมือโจรอีกเช่นกัน

ในเวลาไล่เลี่ยกันร้อยเวรคนเดิมก็ได้รับแจ้งมีคนถูกยิงบนสะพานข้ามคลองบ้านน้ำแข่ง ต.ศาลาใหม่ อ.ตากใบ ห่างจากจุดเกิดเหตุรายแรกไปเพียง 5 กม. รุดไปตรวจสอบพบนายแดง ทองบุญเรือง อายุ 48 ปี จนท.ประจำศูนย์วิจัยพันธุ์พืชและอาหารสัตว์บ้านโคกกระดูกหมู อยู่บ้านเลขที่ 54/1 หมู่ 4 ต.ไพรวัน อ.ตากใบ นอนจมกองเลือดอยู่ข้างรถ จยย.ฮอนด้าเทน่า ทะเบียน กบธ 551 นราธิวาส มีบาดแผลถูกยิงด้วยกระสุนปืน .357 ที่ลำคอด้านหลังและกลางแผ่นหลัง รวม 4 นัด นำส่ง รพ.ตากใบ อาการสาหัส คาดเป็นฝีมือคนร้ายชุดเดียวกับที่ฆ่านายมาหามะดือนัย

ส่วนที่ จ.ปัตตานี เมื่อเวลา 10.00 น. พ.ต.ต.ประชา ช่วยดี สารวัตรเวร สภ.ต.โสร่ง อ.ยะรัง รับแจ้งมีคนถูกยิงบาดเจ็บ บนถนนสายปัตตานี-ยะลา หมู่ 1 ต.เขาตูม รุดไปตรวจสอบ พบรถ จยย.ฮอนด้า ทะเบียน ท 9621 ยะลา ล้มอยู่ข้างทาง ส่วนผู้บาดเจ็บ ถูกนำส่ง รพ.ศูนย์ยะลา ทราบชื่อต่อมาคือนายวีรชัย ธานีรณานนท์ อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 31/2 ถนนรัฐกิจ ต.สะเตงนอก อ.เมืองยะลา ถูกยิงด้วยกระสุนปืน 9 มม. เข้าลำตัวรวม 3 นัด อาการสาหัส สอบสวนทราบว่าถูกคนร้าย 2 คน ขี่รถ จยย.ไม่ติดป้ายทะเบียนไล่ตามประกบยิง ก่อนจะหลบหนีไป สันนิษฐานว่าเป็นฝีมือโจรสร้างสถานการณ์รายวัน

วันเดียวกัน เมื่อเวลา 15.45 น. ขณะที่ ด.ต.วรชัย แก้วมรกต ผบ.หมู่งานจราจร สภ.อ.บันนังสตา จ.ยะลา ส.ต.อ.สุธรรม จันทร และ ส.ต.ต.ธนพงษ์ โพธิวัลย์ สังกัดเดียวกัน ขี่รถ จยย.คนละคันจะไปอำนวยการจราจรที่หน้า รพ.บันนังสตา ขณะมาถึงหน้าโรงพยาบาล มีคนร้ายเป็น วัยรุ่น 4 คน ขี่รถ จยย. 2 คันไล่ตามประกบมาทางด้านหลัง ก่อนจะชักปืนกระหน่ำยิงตำรวจทั้ง 3 นาย กระสุนถูก ด.ต.วรชัยที่ขาซ้าย ส.ต.ต.ธนพงษ์ถูกยิงที่ขาขวา ส่วน ส.ต.อ.สุธรรมหลบทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ และใช้ปืนยิงไล่หลังกลุ่มคนร้ายถูกคนซ้อนท้ายทั้ง 2 คัน กระเด็นตกจากรถบาดเจ็บ เพื่อนอีก 2 คนพยายามอุ้มขึ้นรถ จยย.จะพาหนีแต่ไปไม่รอดจึงจอดรถ จยย.ทั้ง 2 คันทิ้งไว้ ก่อนจะประคองปีกเพื่อนที่บาดเจ็บ 2 คนหลบหนีเข้าไปในชุมชนข้างโรงพยาบาล

หลังเกิดเหตุ ทาง พล.ต.ต.ไพฑูรย์ ชูชัยยะ ผบก.ภ. จ.ยะลา พ.ต.อ.ชินทัต อินทรนูจิตร รอง ผบก. พ.ต.อ.อนุรุธ อิ่มอาบ ผกก. พ.ต.ท.สำเริง รื่นเริง รอง ผกก.สส. นำกำลังรุดมาสนับสนุนปิดล้อมไล่ล่ากลุ่มคนร้ายทั้ง 4 คน โดยประสานขอกำลังจากร้อย ตชด.ที่ 443 ยะลา นำสุนัขสงครามชนิดแกะรอยคนร้ายมาสนับสนุนการไล่ล่าในครั้งนี้ด้วย ส่วนตำรวจที่บาดเจ็บทั้ง 2 นาย นำส่ง รพ.บันนังสตา ก่อนจะส่งไปรักษาต่อที่ รพ.ศูนย์ยะลา ในส่วนของการติดตามไล่ล่ากลุ่มคนร้าย เจ้าหน้าที่พบรอยเลือดหยดเป็นทางยาวหายเข้าไปในป่าหลังชุมชนข้างโรงพยาบาลบันนังสตา ซึ่งมีเส้นทางไปออกหลายหมู่บ้าน อยู่ระหว่างติดตามสะกดรอยคนร้ายซึ่งคาดว่าน่าจะบาดเจ็บสาหัสอย่างกระชั้นชิด ส่วนรถ จยย.ของคนร้ายทั้ง 2 คันตรวจสอบแล้วเป็นรถ จยย.ฮอนด้า ทะเบียน กธม 706 ยะลา ของนายชาลี ดีสะเอะ อยู่บ้านเลขที่ 38/1 หมู่ 8 บ้านลือมุ ต.กรงปินัง อ.กรงปินัง เขตติดต่อกับ อ.บันนังสตา ส่วนรถ จยย.ฮอนด้าสีดำ ทะเบียน กรร 742 ยะลา เป็นของนายมูฮัมหมัดเปาซา มะแตฮะ อยู่บ้านเลขที่ 119/1 หมู่ 1 บ้านป่าหวัง ต.บันนังสตา อ.บันนังสตา อยู่ระหว่างติดตามตัวมาสอบสวนขยายผลต่อไป

ด้านนายศิริโชค โสภา กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์เหตุการณ์ระเบิดในพื้นที่ อ.เทพา จ.สงขลา ว่า รู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะกับครอบครัวผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ ตนขอประณามการกระทำครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นฝีมือของกลุ่มไหนก็ตาม ส่วนมาตรการแก้ปัญหานั้น รัฐบาลจะต้องตั้งหลักใหม่และเริ่มดำเนินการแก้ไขปัญหา หามาตรการสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชน ไม่ใช่แค่พูดอย่างเดียว ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์พร้อมให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ ขณะเดียวกัน สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานเมื่อวันที่ 20 ต.ค. ระบุว่ารัฐบาลชั่วคราวของไทยประกาศขยายเวลาบังคับใช้ พ.ร.บ.ภาวะฉุกเฉินใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ออกไปอีกอย่างน้อยจนถึงวันที่ 19 ม.ค.2550 หลังมีผู้เสียชีวิตแล้วถึง 21 ราย จากการก่อเหตุรุนแรงของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบระหว่างวันที่ 15-20 ต.ค.นี้

แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ