ปล้นพ่อค้าซื้อน้ำยางซิว3แสน

6โจรบุกปล้นพ่อค้ารับซื้อน้ำยางเมืองพัทลุง กวาดทรัพย์กว่า 3 แสนบาทหนีลอยนวล ลงมือต่อหน้าชาวสวนยางที่เอาน้ำยางมาขาย ใช้รถปิคอัพเป็นพาหนะขับมาจอดที่จุดรับซื้อริมถนน ลงจากรถพร้อมอาวุธปืนครบมือ ขู่บังคับทุกคนให้อยู่นิ่งๆ ก่อนค้นทรัพย์สินแล้วฉวยเอากระเป๋าเงินของพ่อค้ารับซื้อน้ำยางที่เตรียมไว้ 3 แสนบาท โดดขึ้นรถหนีหาย ตร.ตั้งด่านสกัดแต่ไม่เป็นผล

เมื่อเวลา 06.30 น. วันที่ 19 ต.ค. พ.ต.ต.เจริญ พรหมนวล สารวัตรเวรสภ.อ.ป่าบอน จ.พัทลุง รับแจ้งเหตุจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจประจำตู้ยามโคกทราย อ.ป่าบอนว่า เกิดเหตุปล้นทรัพย์ โดยคนร้าย 6 คน มีอาวุธปืนสั้นครบมือ บุกเข้าปล้นทรัพย์จุดรับซื้อน้ำยางพารา ริมถนนบ้านควนแหวง-ห้วยเรือ ท้องที่หมู่ที่ 7 ต.โคกทราย อ.ป่าบอน จึงเดินทางไปสอบสวนพร้อมกับพ.ต.อ.ปรีชา กลัดสวัสดิ์ ผกก.สภ.อ.ป่าบอน และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสายสืบอีกจำนวนหนึ่ง

ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบเกษตรกรชาวสวนยางนำน้ำยางพารามารอขายที่จุดดังกล่าวประมาณ 20 คน และพบนายจรัส จรมณี อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 55 หมู่ที่ 4 ต.ควนรู อ.รัตภูมิ จ.สงขลา เจ้าของจุดรับซื้อน้ำยางที่ถูกคนร้ายจำนวน 6 คน ใช้อาวุธปืนสั้นคนละกระบอก บุกเข้าปล้นต่อหน้าชาวบ้านที่กำลังรอขายน้ำยางจำนวนมาก โดยคนร้ายได้ใช้ปืนข่มขู่ให้ทุกคนอยู่ในความสงบ พร้อมกับชิงกระเป๋าเงินจากนายจรัสได้เงินสดไปจำนวน 3 แสนบาท อาวุธปืนขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก กระสุนปืนที่อยู่ในลูกโม่ 6 นัด หลบหนีไป

จากการสอบสวน นายจรัสให้การว่า ขณะที่กำลังจัดเตรียมถังน้ำยางมารอรับซื้อน้ำยางจากชาวสวนและได้นำเงินสดติดตัวมา เพื่อเตรียมจ่ายเป็นค่าน้ำยางให้กับชาวสวนยาง ปรากฏว่าได้มีคนร้ายจำนวน 6 คน ขับรถยนต์กระบะตอนครึ่งยี่ห้ออีซูซุ สีบรอนซ์ทอง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน

ขับมาจอดบนถนนบริเวณใกล้เคียงจุดรับซื้อน้ำยาง จากนั้นกลุ่มคนร้ายได้เดินเข้ามาพร้อมกับชักอาวุธปืนออกมาขู่ให้ชาวสวนและทุกคนอยู่ในความสงบ คนร้าย 2 คนได้ช่วยกันค้นหาทรัพย์สินในตัวและตรวจค้นในรถยนต์กระบะของตนที่จอดอยู่ข้างๆ และหยิบเอาเงินสดในรถที่เตรียมมารับซื้อน้ำยาง 3 แสนบาท ก่อนที่จะล่าถอยไปขึ้นรถยนต์กระบะพากันหลบหนีไป

หลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.กิตติสัณห์ เดชสุนทรวัฒน์ ผบก.ภ.พัทลุง ได้วิทยุสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกสภ.อ.ในจังหวัด จัดกำลังออกไปดูแลความปลอดภัยให้กับพ่อค้ารับซื้อน้ำยางในทุกอำเภอ และสั่งการให้ตำรวจตั้งด่านตรวจจับคนร้ายบนถนนทุกสาย พร้อมทั้งจัดส่งสายสืบลงไปหาข่าวในพื้นที่ เพื่อเก็บข้อมูลและหลักฐานเพื่อติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป

แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ข่าวสด