น้ำเริ่มทรงตัว ผวาไอ้เข้หนัก

หลายจังหวัดภาคเหนือตอนล่างและภาคกลางที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำยังเผชิญกับน้ำท่วมอย่างหนักต่อไป โดยเฉพาะ กทม. ที่อาจเข้าขั้นวิกฤติสุดในช่วงวันที่ 23-25 ต.ค. หลังเจอทั้งน้ำเหนือจำนวนมหาศาลที่ไหลลงมาและยังมีน้ำทะเลหนุนสูง ขณะที่หลายฝ่ายต่างเตรียมพร้อมรับมือกันเต็มที่เพื่อป้องกันไม่ให้เมืองหลวงจมอยู่ใต้บาดาล

ปิง-ยม-น่าน-เจ้าพระยา น้ำลด

ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และโคลนถล่ม จ.นครสวรรค์ รายงานสภาพน้ำตามลุ่มน้ำต่างๆ เมื่อช่วงเช้าวันที่ 19 ต.ค.ว่า แม่น้ำน่านและแม่น้ำยม ที่ อ.ชุมแสง ระดับน้ำทรงตัว อยู่ที่ระดับ 28.08 เมตร/รทก. ปริมาณน้ำไหลผ่าน 1,522 ลบ.ม./วินาที ระดับน้ำมีแนวโน้มลดลง แม่น้ำปิง ที่ อ.บรรพตพิสัย ระดับน้ำลดลง 83 ซม. อยู่ที่ระดับ 36.63 เมตร/รทก. ปริมาณน้ำไหลผ่าน 834 ลบ.ม./วินาที มีแนวโน้มลดลง แม่น้ำเจ้าพระยา ที่ อ.เมืองนครสวรรค์ ระดับน้ำลดลง 2 ซม.อยู่ที่ระดับ 26.31 เมตร/รทก. ปริมาณน้ำไหลผ่าน 5,850 ลบ.ม./วินาที และมีแนวโน้มลดลง

ปากน้ำโพเริ่มคลี่คลายลงแล้ว

สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมเขตเทศบาลนครนครสวรรค์ล่าสุดเริ่มคลี่คลายลงบ้างแล้ว หลังระดับน้ำในแม่น้ำต่างๆลดลง โดยเฉพาะย่านธุรกิจตลาดปากน้ำโพ ถนนสายต่างๆน้ำแห้งเกือบหมดแล้ว ร้านค้าต่างๆเริ่มเปิดบริการค้าขายกันตามปกติ หลังหยุดกิจการมาหลายวันยกเว้นบริเวณสำนักงานขนส่งจังหวัดนครสวรรค์ แห่งที่ 2 ที่ยังมีน้ำท่วมขังอยู่จำนวนมาก เนื่องจากเป็นที่ลุ่ม สำนักงานขนส่งจังหวัดได้ย้ายมาให้บริการประชาชนที่สำนักงานขนส่งจังหวัดนครสวรรค์ แห่งที่ 1 ถนนมาตุลี ขณะนี้เทศบาลได้หยุดเสริมคันหินคลุกแนวกระสอบทรายบนคันปูนริมแม่น้ำเจ้าพระยาแล้ว แต่ยังสูบน้ำออกในจุดที่มีน้ำขังเนื่องจากยังมีน้ำไหลซึมเข้ามาตลอดเวลา ด้านการช่วยเหลือนายชนินทร์ บัวประเสริฐ ผวจ.นครสวรรค์ พร้อมด้วยนางชัญญา บัวประเสริฐ นายกเหล่ากาชาดจังหวัด นำสิ่งของไปให้ชาวบ้านบึงน้ำใส ต.บังเสนาท อ.เมืองนครสวรรค์

14 หมู่บ้านติดเกาะ-อดอยาก

ด้านนายวิเชียร จันทฤก อายุ 37 ปี นายก อบต.บางเคียน อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ เปิดเผยว่า ต.บางเคียน ประสบภาวะน้ำท่วมมานานกว่า 2 เดือนแล้ว เนื่องจากเป็นพื้นที่ลุ่มที่แม่น้ำน่านและแม่น้ำยมไหลผ่าน โดยมีชาวบ้านเดือดร้อนทั้งหมด 14 หมู่บ้าน รวม 1,530 ครัวเรือนถนนเส้นทางสัญจรใช้การไม่ได้ ต้องอาศัยเรืออย่างเดียว ไฟฟ้าไม่มีใช้ บางคนต้องอาศัยอยู่บนหลังคาบ้านมานับเดือน ก่อนหน้านี้ อบต.บางเคียน จัดงบช่วยเหลือกว่า 2 แสนบาท และนายชนินทร์ บัวประเสริฐ ผวจ.นครสวรรค์ พร้อมด้วยนายเสน่ห์ คงแป้น นอภ.ชุมแสง นำสิ่งของถุงยังชีพเข้าไปแจกจ่าย 2 ครั้ง แต่ขณะนี้ชาวบ้านเริ่มอดอยากกันมาก เพราะข้าวปลาอาหารและน้ำดื่มไม่มี จึงอยากวิงวอนขอให้หน่วยงานทั้งภาครัฐภาคเอกชนเข้าไปช่วยเหลือชาวบ้านโดยด่วน

ส่วนการระบายน้ำในเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ที่รองรับน้ำจาก จ.นครสวรรค์ ล่าสุดน้ำไหลลงเขื่อนอยู่ที่ระดับ 5,795 ลบ.ม./วินาที ลดลงจากวันที่ 18 ต.ค. ซึ่งสูงถึง 5,960 ลบ.ม./วินาที โดยมีการระบายน้ำออก 4,165 ลบ.ม./วินาที สำหรับพื้นที่ที่อยู่บริเวณท้ายเขื่อนยังต้องประสบปัญหาน้ำท่วมต่อไป โดยเฉพาะ ต.โพนางดำตกอ.สรรพยา และ อ.วัดสิงห์ ที่ได้รับผลกระทบจากแม่น้ำท่าจีนไหลผ่าน ส่งผลให้ถนนหลายสายยังเจิ่งนอง ขณะที่บริเวณ สภ.อ.วัดสิงห์ มีน้ำสูงถึง 1.25 ซม. ชาวบ้านที่มาติดต่อราชการต้องนั่งเรือแทนรถ

มอบสิ่งของประทานชาวสิงห์บุรี

ด้าน นพ.ม.ล.สมชาย จักรพันธ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต ในฐานะเลขานุการโครงการทูบีนัมเบอร์วัน นำถุงยังชีพประทานจากทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ให้แก่ราษฎรชาว จ.สิงห์บุรี จำนวน 250 ถุง โดยมีศิลปินค่ายแกรมมี่ นำโดย หนุ่ม-อรรถพร ธีมากร นำทีมวงเสือใหญ่และวงฟาเรนไฮ ร่วมคณะมอบสิ่งของให้ชาวบ้านด้วย ส่วนสถานการณ์น้ำท่วม ขณะนี้ น้ำได้เอ่อล้นท่วมมณฑปที่ตั้งรอยพระพุทธบาท วัดกุฎีทอง ต.บางน้ำเชี่ยว อ.พรหมบุรี ส่วนที่ อ.อินทร์บุรี มีผู้เสียชีวิต 2 ราย คือนางถ่าย จับคีรี อายุ 74 ปี อยู่บ้านเลขที่ 49/4 หมู่ 4 ต.ห้วยชัน อ.อินทร์บุรี หลังจากผู้ตายลงไปหาปลาในคลองแม่ลา แล้วพลัดตกน้ำใกล้ประตูระบายน้ำ และนายหนูพิณ บุ้งทอง ชาวหมู่ 3 ต.อินทร์บุรี เสียชีวิตขณะพายเรือบนถนนสายเอเชียที่ถูกน้ำท่วม และถูกกระแสน้ำซัดเรือล่มเสียชีวิต

จับไอ้เข้หลุดจากฟาร์มได้ 1 ตัว

ส่วนที่ ต. ต้นโพธิ์ อ.เมืองสิงห์บุรี ชาวบ้านได้นำเรือออกจับจระเข้ที่หลุดออกจากฟาร์มเลี้ยงโผล่ลอยในบึงห้วยจระเข้ได้ 1 ตัว ขนาดยาวประมาณ 2 เมตร ก่อนนำส่งประมงจังหวัดสิงห์บุรี โดยหลายคนต่างหวาดกลัว เพราะกลัวว่าจระเข้จะกินเด็กที่ลงเล่นน้ำ เนื่องจากยังไม่รู้ว่ามีจระเข้หลุดออกมาอีกหรือไม่ ส่วนที่ อ.ท่าช้าง ชุดปฏิบัติการไล่ล่าจระเข้ยังคงจัดทีมลาดตระเวนในพื้นที่หมู่ 2 และหมู่ 3 ต.วิหารขาว หลังยังเหลือมีจระเข้จำนวน 20 ตัวหลุดออกจากฟาร์ม และถูกเจ้าหน้าที่ยิงตายไป 9 ตัว จับได้ 1 ตัว อดอาหารตายไปอีก 1 ตัว และยังเหลืออีก 9 ตัว แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่พบ

ตลาดศาลเจ้าโรงทองจมบาดาล

ที่ จ.อ่างทอง แม่น้ำน้อยไหลท่วมตลาดศาลเจ้าโรงทอง อ.วิเศษชัยชาญ ทางเทศบาลตำบลศาลเจ้า ร่วมกับทหารนำกระสอบทรายมาทำแนวกั้นน้ำ ส่วนในเขต อ.เมืองอ่างทอง น้ำยังสูงเฉลี่ย 1-2 เมตร ถนนสายอ่างทอง-โพธิ์ทอง ถนนสายโพธิ์พระยา-ท่าเรือ ช่วง ต.ศาลาแดง และถนนสายอ่างทอง-พระนครศรีอยุธยา ช่วง ต.โพสะ จนถึง อ.ป่าโมก รถเล็กไม่สามารถวิ่งผ่านได้ เหลือเพียงถนนสายเลี่ยงเมือง เชื่อมถนนสายเอเชียเส้นเดียวที่ยังพอใช้การได้ การสัญจรของชาวบ้านต้องใช้เรือเพียงอย่างเดียว ขณะเดียวกัน ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ผู้แทนพระองค์ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี นำถุงยังชีพประทานไปแจกจ่ายให้ชาวบ้านที่วัดลาดเค้า ต.นรสิงห์ อ.ป่าโมก สร้างความปลื้มปีติให้กับพสกนิกรอย่างยิ่ง

พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ มีเพียร ผบก.ภ.จ.อ่างทอง เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รับรายงานว่ามีคนเห็นจระเข้ว่ายอยู่ในแม่น้ำน้อยช่วง ต.องครักษ์ กับ ต.บางพลับ อ.โพธิ์ทอง รวมทั้งในคลองสามโก้ อ.สามโก้ และ ต. ย่านซื่อ อ.เมืองอ่างทอง จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรีบเข้าไปตรวจสอบ แต่ก็ไม่พบ แต่ก็ได้จัดกำลังให้เฝ้าติดตามใกล้ชิด หากพบก็ให้จับกุมทันที ไม่ว่าจับเป็นหรือจับตายเพื่อไม่ให้เป็นอันตรายต่อชาวบ้าน อย่างไรก็ตาม นอกจากจระเข้ที่หลุดมากับน้ำแล้ว ขอให้ระมัดระวังอันตรายจากสัตว์มีพิษที่มากับน้ำด้วย

ท่วมหนักตั้งแต่ตั้งเมือง 111 ปี

นายเอนก สีเขียวสด ประธานหอการค้าจังหวัดอ่างทอง กล่าวว่า น้ำท่วมครั้งนี้นับเป็นครั้งร้ายแรงที่สุดตั้งแต่ตั้งเมืองอ่างทองถึง 111 ปี สร้างความเสียหายให้กับประชาชนทุกระดับชั้น ทั้งเกษตรกร พ่อค้า พนักงานห้างร้าน ยันกรรมกร ที่ต้องขาดรายได้อย่างสิ้นเชิง จนถึงขณะนี้ คาดว่าสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจไปแล้วประมาณ 200 ล้านบาท ทั้งในภาคการเกษตรและภาคพาณิชย์ โดยพื้นที่การเกษตรกว่า 50,000 ไร่ จมหายไปในกระแสน้ำ ส่วนภาคธุรกิจ ร้านค้าส่วนใหญ่ในตลาดอ่างทองจมน้ำเกือบทั้งหมด

น้ำเน่า-ขยะอุจจาระลอยฟ่อง

ที่ จ.สุพรรณบุรี ชาวบ้านในเขตเทศบาลเมืองสุพรรณบุรี ซึ่งเป็นย่านธุรกิจสำคัญยังคงทุกข์ระทมหนักหลังระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องและขยายวงกว้างกินพื้นที่เกือบ 3 ตารางกิโลเมตร ล่าสุดน้ำเริ่มส่งกลิ่นเน่าเหม็น และมีอุจจาระและขยะลอยฟ่องไปทั่ว ขณะที่ท้องนาในทุกอำเภอก็มีน้ำเต็มทุ่งหมดทางที่จะระบายออก ทั้งนี้นายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ รอง ผวจ.รักษาราชการแทน ผวจ. สุพรรณบุรี เปิดเผยว่า ได้ระดมเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานออกช่วยเหลือประชาชนเต็มที่ โดยเฉพาะยารักษาโรคพร้อมทั้งแนะนำและวางมาตรการเพื่อป้องกันโรคระบาด

โบราณสถานทรุด-จัดงบซ่อม

สายวันเดียวกัน คุณหญิงไขศรี ศรีอรุณ รมว.วัฒนธรรม เดินทางไปตรวจชุมชนตำบลปากกราน อ.พระนครศรีอยุธยา ที่ถูกน้ำเจ้าพระยาไหลท่วมจำนวน 1,237 ครอบครัว โดยชุมชนดังกล่าวมีชาวบ้านที่นับถือศาสนาพุทธ ศาสนาคริสต์ และอิสลาม อาศัยอยู่รวมกัน ทั้งนี้ รมว. วัฒนธรรมกล่าวว่า ในส่วนของภาคกลางมีโบราณสถานถูกน้ำท่วมทรุดเสียหายกว่า 36 แห่ง กรมศิลปากรแจ้งว่าเฉพาะภาคกลางต้องใช้งบประมาณบูรณะกว่า 181 ล้านบาท หากรวมทั้งประเทศในภาคเหนือและอีสาน ต้องใช้งบประมาณอีก 1 เท่าตัว

ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมใน จ.พระนครศรีอยุธยา ล่าสุดแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มระดับอีกเล็กน้อยประมาณ 1-2 ซม. ขณะที่การผันน้ำลงทุ่ง อ.บางบาล เพื่อเร่งระบายน้ำไหลเข้า กทม. ปรากฏว่าขณะนี้น้ำในทุ่งสูงเกือบ 3 เมตร และทะลักเข้าสวนหยกและชวนชมในพื้นที่ ต.บางหลวงโดด อ.บางบาล ของนางปรีชาวรรณ กองสงฆ์ อายุ 35 ปี เนื้อที่กว่า 1 ไร่ ส่วนที่ ต.ลุมพลี อ.พระนครศรีอยุธยา ชาวบ้านต่างหวาดผวาหลังมีผู้พบเห็นจระเข้ 2 ตัวโผล่ในคลองขวดที่รองรับน้ำจากแม่น้ำลพบุรี ตำรวจและเจ้าหน้าที่ อบต.นำเรือออกไล่ล่า แต่ไม่พบร่องรอย ขณะที่บริเวณวัดหน้าต่างใน หรือวัดหลวงพ่อจง ต.หน้าไม้ อ.บางไทร ที่มีน้ำท่วมสูงระดับเอว ชาวบ้านและพระสงฆ์ต้องแห่โลงศพนางทุเรียน สุขเกษม อายุ 81 ปี ที่เสียชีวิตเพราะโรคชราลุยน้ำรอบเมรุเผาศพ 3 รอบ ก่อนทำพิธีเผาศพด้วยความทุลักทุเล

ช่วยสาวพิการชักตกบ้านจมน้ำ

ที่ จ.ปทุมธานี แม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้นเล็กน้อย ทำให้ อ.สามโคก และ อ.เมืองปทุมธานี มีน้ำท่วมเป็นบริเวณกว้าง ขณะเดียวกัน ช่วงบ่ายนางสุวรรณา จิตสุจริตวงศ์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัด นำเงินสดและถุงยังชีพไปช่วยเหลือครอบครัวของ น.ส.น้ำฝน ราหุละ อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 66/1 หมู่ 11 ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา หลังจากช่วงเย็นวันที่ 18 ต.ค. น.ส.น้ำฝน ซึ่งพิการเป็นใบ้และเป็นโรคลมบ้าหมู เกิดชักกระตุกขณะนั่งอยู่ในบ้านชั้นเดียวยกพื้นและมีน้ำท่วมสูงเกือบถึงพื้น ทำให้พลัดตกน้ำเสียชีวิตอย่างอนาถ

คาราวานช่วยอุทกภัยภาคกลาง

ที่ศาลาว่าการ กทม. นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม. พร้อมด้วย พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.ทหารสูงสุด ร่วมกันปล่อยขบวนรถ 11 คัน บรรทุกเครื่องอุปโภคบริโภค 12,000 ชุด ไปช่วยพี่น้องผู้ประสบอุทกภัยน้ำท่วมที่ จ.ปทุมธานี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยาและสิงห์บุรี พล.อ.บุญสร้างกล่าวว่า สิ่งของที่ส่งไปช่วยครั้งนี้มีเพียงน้อยนิดเมื่อเทียบกับทุกข์ที่ได้รับ แต่สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่ายังมีพี่น้องคนไทยที่ห่วงใยนำสิ่งของมาบริจาคให้ทางการจัดส่งไปช่วยเหลือคนไทยที่เดือดร้อน และย้ำให้เห็นว่าเรารู้รักสามัคคีหลังจากเคยเห็นในเหตุ การณ์สึนามิ

ฝนเทซ้ำทำฝั่งตะวันออกอ่วม

นายอภิรักษ์กล่าวว่า ระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาในพื้นที่ กทม. ยังทรงตัวเหมือนที่ จ.นครสวรรค์ แต่ยังไม่แน่ใจว่าช่วงวันที่ 23-25 ต.ค. กรมชลประทานจะปล่อยน้ำไม่เกิน 4,600 ลบ.ม./วินาที ตามคำขอของ กทม.ได้หรือไม่ เพียงแต่ก่อนหน้านี้นายสามารถ โชคคณาพิทักษ์ อธิบดีกรมชลประทาน เคยบอกว่าสามารถปล่อยน้ำลงมาเพียง 4,000 ลบ.ม./วินาที ก็ได้ หากเป็นเช่นนั้นก็เป็นแนวโน้มที่ดี ส่วนในพื้นที่ด้านตะวันออกที่ช่วง 1-2 วันนี้มีฝนตกซ้ำลงมาอีกยังอยู่ในสภาวะที่น่าเป็นห่วง เนื่องจากถนนที่กู้จนแห้งสนิทก็กลับมาท่วมเหมือนเดิม ทำให้ต้องเร่งระบายน้ำเต็มที่ และจากนี้ กทม.จะเร่งฟื้นฟูจิตใจของประชาชนที่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาและเขตลาดกระบัง หนองจอก เนื่องจากน้ำท่วมมานานเกือบเดือน จึงอยู่ในภาวะเครียด

สำหรับภาคเหนือแม้ฝนจะหยุดตกและน้ำลดแต่หลายจังหวัดยังถูกน้ำท่วม ที่ จ.พิจิตร น้ำแม่น้ำยมยังไหล่ท่วมบ้านจิกสามร้อย หมู่ 1 ต.บางลาย กิ่ง อ.บึงนาราง ชาวบ้านต้องอาศัยริมถนนพนังกั้นน้ำคลองชลประทานมานานกว่า 1 เดือน ส่วนใหญ่กำลังเดือดร้อนเพราะถูกน้ำท่วมหนัก ทำให้ไม่มีรายได้ต้องหาอาชีพเสริมเพื่อประทังชีวิต โดยนายสำรวย เจียมนาย อายุ 64 ปี อยู่บ้านเลขที่ 32/2 หมู่ 1 ต.บางลาย เผยว่า บ้านถูกน้ำท่วมจมมิดหลังคา นาที่เช่าเขาทำก็เสียหายหมด ทำให้ครอบครัวไม่มีรายได้อะไรเลย ต้องไปรับจ้างนายทุนทำกระปุกออมสิน โดยใช้ปูนปลาสเตอร์หล่อเป็นรูปต่างๆ ได้ค่าจ้างคนละ 40-50 บาท แม้รายได้จะน้อย แต่ก็ต้องทนทำเพื่อเลี้ยงปากท้องดีกว่าอดอยาก

เขื่อนสิริกิติ์รับน้ำใกล้เต็มพิกัด

นายกิตติ ตันเจริญ ผู้อำนวยการเขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ กล่าวว่า ระดับน้ำในเขื่อนสิริกิติ์เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 19 ต.ค. ระดับน้ำอยู่ที่ 161.83 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง มีปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำคิดเป็น 99.54 เปอร์เซ็นต์ ยังสามารถรองรับน้ำได้อีก 43.89 ล้าน ลบ.ม. แม้ว่าจะมีปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำค่อนข้างสูง แต่เขื่อนได้ประสานกับชลประทานเขต 3 จ.พิษณุโลก อย่างใกล้ชิด ในการบริหารจัดการน้ำในลุ่มน้ำน่าน เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนและขอยืนยันถึงความมั่นคงของตัวเขื่อน

บางระกำยังทุกข์ต่อนับเดือน

นายบุญยิ่ง คุ้มสุพรรณ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.พิษณุโลก เปิดเผยว่า อ.บางระกำ ประสบปัญหาน้ำท่วมมานานเกือบ 2 เดือนแล้ว และคาดว่าจะยังคงถูกน้ำท่วมต่อไปอีกอย่างน้อยกว่า 1 เดือน ปัจจุบันมีน้ำท่วมพื้นที่รวม 11 ตำบล 72 หมู่บ้าน รวม 8,967 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตรถูกน้ำท่วมไปแล้วกว่า 130,000 ไร่ ถนนถูกน้ำท่วม 291 สาย เป็นระยะทางกว่า 300 กม. ขณะที่การให้ความช่วยเหลือของส่วนราชการและเอกชนยังคงประสบปัญหาการกระจายสิ่งของช่วยเหลือไม่ทั่วถึง บางพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมจนกลายสภาพเป็นเหมือนติดเกาะ ประชาชนที่ประสบอุทกภัยขาดแคลนข้าวสาร แต่มีปลาเหลือเฟือ จนทำให้เกลือขาดแคลน รวมทั้งน้ำมันพืชด้วย

น้ำมูลท่วมนาข้าวที่กำลังท้อง

ภาคอีสาน ที่ จ.บุรีรัมย์ ลำน้ำมูลได้ทะลักท่วมพื้นที่เกษตรของ ต.สตึก รวม 3 ตำบลคือ ต.สตึก ท่าม่วง และสะแก ทำให้นาข้าวที่กำลังออกรวงได้รับความเสียหายกว่า 14,000 ไร่ ชาวบ้านต้องเร่งเก็บเกี่ยวก่อนฤดูกาลทั้งที่ข้าวยังไม่สุก ด้านนายประจักษ์ วงศาสนธิ นายกอบต.สะแก กล่าวว่า ผลกระทบจากน้ำมูลเอ่อล้นครั้งนี้ ทำให้นาข้าวเฉพาะ ต.สะแก ที่กำลังตั้งท้องเสียหายประมาณ 7,000 ไร่ หากท่วมเกิน 10 วัน มีหวังเสียหายกันทั้งหมด

ที่บริเวณหน้ากระทรวงศึกษาธิการ นายวิจิตร ศรีสอ้าน รมว.ศึกษาธิการ เปิดโครงการ เสมาร่วมใจช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย และปล่อยคาราวานช่วยเหลือน้ำท่วมจำนวน 40 คัน โดยนำสิ่งของเครื่องใช้ เครื่องอุปโภคบริโภค ส้วมลอยน้ำ ส้วมอวกาศ และเรือสะเทินน้ำสะเทินบกไปมอบให้กับนักเรียน นักศึกษา ครูอาจารย์ และประชาชน จำนวน 6,000 ชุด แบ่งเป็น 7 สาย คือ จ.พระนครศรีอยุธยา สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี ปทุมธานี นนทบุรี และปราจีนบุรี

พบวัด 12 จว. 900 แห่งจมน้ำ

ด้านนายปรีชา กันธิยะ อธิบดีกรมการศาสนา ร่วมกับองค์กรศาสนิกสัมพันธ์ 5 ศาสนา นำสิ่งของอุปโภคบริโภคมอบให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วม ใน ต.ปากกราน จ.พระนครศรีอยุธยา และ ต.จระเข้ร้อง จ.อ่างทอง จำนวน 1,200 ชุด โดยนายปรีชากล่าวว่า กรมการศาสนา (ศน.) ได้สำรวจความเสียหายของศาสนสถานใน 12 จังหวัดภาคกลางตอนล่างที่ไม่สามารถปฏิบัติศาสนกิจได้พบว่าวัดเสียหาย 900 วัด มัสยิด 51 แห่ง และโบสถ์คริสต์ 9 แห่งทั้งนี้ ศน.จะของบประมาณกลาง 90 ล้านบาท เพื่อซ่อมแซมไปก่อน หลังจากน้ำลดก็จะต้องทำความสะอาด และสำรวจความเสียหายอีกครั้ง เพื่อนำข้อมูลเสนอของบรัฐบาลมาบูรณะอย่างถาวรต่อไป

ระดมช่วยสัตว์เลี้ยงหลังน้ำลด

นายยุคล ลิ้มแหลมทอง อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยถึงการเข้าไปช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบปัญหาน้ำท่วมว่า หลังน้ำลด กรมปศุสัตว์ จะจัดส่งเจ้าหน้าที่สัตวแพทย์ เคลื่อนที่ พร้อมยาปฏิชีวนะ ยาบำรุง และแร่ธาตุต่างๆ เข้าตรวจสุขภาพสัตว์เลี้ยง เช่น โค กระบือ แพะ แกะ สุกร และสัตว์ปีกชนิดต่างๆของเกษตรกร ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วม โดยเฉพาะในพื้นที่ จ.นครสวรรค์ ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง และพระนครศรีอยุธยา เพื่อป้องกันการระบาดของโรคปากเท้าเปื่อย โรคระบบทางเดินอาหาร และระบบทางเดินหายใจ เนื่องจากสัตว์เลี้ยงแช่น้ำเป็นระยะเวลานาน

จับตา พ.ย.ระวังพายุปลายฤดู

ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผอ.ศูนย์เครือข่าย งานวิเคราะห์วิจัยและฝึกอบรมการเปลี่ยนแปลงของโลกแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า ถึงแม้ว่าช่วงสัปดาห์นี้จะปลอดฝนตกหนักแล้ว แต่ยังคงต้องจับตาว่าในช่วงเดือน พ.ย.นี้ จะมีพายุปลายฤดูเข้ามาจากทะเลจีนใต้ผ่านฟิลิปปินส์ เวียดนาม และพัดเข้าสู่อ่าวไทยหรือไม่ เนื่องจากพบว่าตั้งแต่ปี 2546 เป็นต้นมายังไม่มีพายุปลายฤดูพัดผ่านเข้ามาในประเทศไทย แต่จากสถิติคาบการเกิดมักจะเจอ 2-3 ปีต่อครั้ง ดังนั้น จึงควรต้องจับตาต่อไปอีก 1 เดือนข้างหน้าว่าจะมีพายุหรือไม่ ถ้ามีจะรู้ล่วงหน้าแค่ 7-10 เท่านั้น ส่วนพื้นที่ที่จะได้รับผลกระทบจากพายุปลายฤดูคือจังหวัดแถวภาคใต้ โดยจะมีฝนตกหนักและแรงรวมทั้งมีลมจัด

สัปดาห์หน้าถึงคิวท่วมภาคใต้

ที่มูลนิธิรัฐบุรุษ นายบัญญัติ จันทน์เสนะ รมช. มหาดไทย เปิดเผยว่า ในวันที่ 21 ต.ค. ตนจะเรียกผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ 16 จังหวัด รวมทั้งเพชรบุรีและประจวบคีรีขันธ์ ประชุมที่โรงแรมเจบี หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อหารือเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์น้ำท่วม ซึ่งเชื่อว่าภายในสัปดาห์หน้าน้ำจะเริ่มไหลลงไปในพื้นที่ภาคใต้แล้ว จึงต้องหามาตรการรับมือไว้

แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ