เมื่อวันที่ 3 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 22.00 น. วานนี้ พ.ต.ท.บุญพา ปาระแม สว.เวร สภ.เมืองนครปฐม รับแจ้งจากน.ส.นุช พจน์ชัยกุล อายุ 35 ปี เจ้าของร้านแฟมิลี่โมบาย จำหน่ายอุปกรณ์และโทรศัพท์มือถือ ตั้งอยู่เลขที่ 63/16 ถ.สายตาก้อง-ดอนตูม ต.บ่อพลับ ว่า มีคนร้ายพร้อมอาวุธปืนแอบเข้ามาขโมยทรัพย์สินจึงส่งกำลังรุดไปที่เกิดเหตุ เป็นตึกแถวอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น มีดาดฟ้าติดกันกว่า 10 ห้อง ห้องแถวที่เกิดเหตุเป็นห้องสุดท้าย ที่หน้าบ้านพบ น.ส.นุช เจ้าของบ้านและนายวิทยา อินทดิษฐ์ อายุ 52 ปี เพื่อนข้างห้องแถวติดกัน ยืนรอให้การ
นายวิทยา ให้การว่า ช่วงเกิดเหตุได้ปิดร้านแล้ว น.ส.นุชและคนในบ้านออกไปทานอาหารนอกบ้าน เมื่อกลับมาถึงร้านเจอกับตน ปรากฏว่าตนสังเกตเห็นว่าภายในร้านโทรศัพท์มีแสงไฟฉายส่องไปมา น.ส.นุชจึงชวนตนเปิดประตูบ้านเข้าไปดู เมื่อเปิดประตูเข้าไปเปิดไฟที่ชั้นล่างก็ได้ยินเสียงคนวิ่งอยู่ที่ชั้นสอง จึงเดินขึ้นไปดู ปรากฏว่าคนร้ายเห็นจึงใช้ปืนยิงขู่เสียงดัง 1 นัด ตนจึงวิ่งหนีออกมาแล้วให้ น.ส.นุชแจ้ง ตร.
จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงประกาศให้คนร้ายมอบตัว พร้อมนำกำลังเข้าตรวจค้นกระทั่งพบคนร้ายหลบอยู่ที่ดาดฟ้าจึงขอให้มอบตัวและวางอาวุธ กระทั่งคนร้ายยอมจำนน เจ้าหน้าที่จึงตรวจค้นกระเป๋าหนังใบใหญ่สีดำ พบโทรศัพท์มือถือยี่ห้อต่างๆจำนวนกว่า 10 เครื่อง บัตรเติมเงิน อุปกรณ์อะไหล่โทรศัพท์หลายสิบชิ้น อาวุธปืนปลอมแบบบีบีกัน และเครื่องมือสำหรับงัดแงะ นำตัวมาสอบสวน ทราบชื่อนายศิริชัย เทพจิตร์ อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 142/1 หมู่ 3 ต.ป่าพูน อ.เมืองนครศรีธรรมราช อดีตเป็นพ่อค้าขายอาหารปักษ์ใต้ อยู่ฝั่งตรงข้ามกับร้านที่เกิดเหตุ แต่ขาดทุนเพิ่งเลิกกิจการไปเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา รู้จักเจ้าของร้านที่เกิดเหตุเป็นอย่างดี ให้การว่าหลังขาดทุนจึงคิดอกลับไปตั้งตัวที่บ้านเกิดแต่ไม่มีค่ารถ จึงไปหาซื้อปืนบีบีกัน และอุปกรณ์งัดแงะเพื่องัดร้านนำโทรศัพท์มือถือไปขาย มาดักรอจนร้านปิดจึงฉวยโอกาสงัดประตูหลังบ้านเข้าไปลักทรัพย์สินดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงดำเนินคดีในข้อหาลักทรัพย์บุกรุกเคหะสถานในเวลากลางคืน
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าวคุณภาพดีโดย : หนังสือพิมพ์ข่าวสด