จ่อยิงฆ่าโหดจ่าทหารนาวิกโยธิน นราธิวาส ดับพร้อมกิ๊ก ต่อหน้าคนนับร้อย หลังสามีฝ่ายหญิง ที่เป็นทหารพราน จับได้ว่าแอบมีสัมพันธ์กัน
เกิดบันดาลโทสะเพราะอุตส่าห์ส่งเสียให้เรียนจนจบ จนมีงานทำเป็นหลักแหล่งที่หาดใหญ่ จ.สงขลา แต่ระแคะระคายว่า ทั้งสองแอบมาพบกันที่นราธิวาส เลยมาดักรอจนพบคาตา เข้าไปเคลียร์จนทะเลาะกัน ทหารพรานหนุ่มชักปืน 9 ม.ม. ออกมา จ่าเข้าแย่งแต่พลาดล้มลง เลยถูกจ่อยิง 5 นัดซ้อน แฟนสาวขวัญกระเจิง ทำท่าจะหนีเจอยิงใส่อีก 3 นัด ดับคาที่พร้อมกันทั้งคู่ ก่อนมือปืนจะหนีไปกลับมาจ่อยิงซ้ำอีก
เมื่อเวลา 14.40 น. วันที่ 28 มี.ค. พ.ต.อ. ขวัญดี ฉิมพลี ผกก.สภ.เมืองนราธิวาส
รับแจ้ง เหตุคนถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 ราย เหตุเกิดขึ้นภายในอาคารสำนักงานขนส่ง จ.นราธิวาส ถ.ระแงะมรรคา เขตเทศบาลเมืองนราธิวาส จึงพร้อมด้วย พ.อ.ไพศาล หนูสังข์ ผบ.กรมทหารพรานที่ 46 น.ท.พงษ์ศักดิ์ ทองไสย ผบ.ฉก. นราธิวาส 33 และกำลังตำรวจทหาร รวมทั้งเจ้าหน้าที่มูลนิธิเมตตาธรรม เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่าที่ด้านหน้าอาคารสำนักงานขนส่ง มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย เป็นหญิง 1 คน และชาย 1 คน นอนร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด เจ้าหน้าที่จึงรีบนำส่งโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์อย่างเร่งด่วน
กระหน่ำปืนโหดตายคา ขนส่งจ่านาวิกฯ แอบกิ๊ก เมียทหาร
ที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบปลอกกระสุนปืนพกสั้น ขนาด 9 ม.ม. ตกอยู่ที่เกิดเหตุ 9 ปลอก จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
ส่วนคนร้ายได้รับแจ้งจากพยานว่า สวมกางเกงยีนส์ขายาว สวมเสื้อยืดแขนยาวสีน้ำเงิน มีแถบสีขาวคาดที่ไหล่ และวิ่งหลบหนีออกจากสำนักงานขนส่ง ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะมาถึงที่เกิดเหตุ ซึ่งพ.ต.อ.ขวัญดีจึงได้แจ้งวิทยุให้เจ้าหน้าที่สกัดกั้นเส้นทางหลบหนี ต่อมาเจ้าหน้าที่เดินทางไปดูผู้บาดเจ็บที่โรงพยาบาลทราบชื่อ พ.จ.อ.ปรีชา มาลีวัฒน์ อายุ 46 ปี ทหารสังกัดหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินภาคใต้ ค่ายจุฬาภรณ์ มีบาดแผลถูกยิงด้วยกระสุนปืนพกสั้น ขนาด 9 ม.ม. ที่ลำตัว 5 นัด และน.ส. ปรารถนา แย้มโอษฐ์ อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 60/12 ม.4 ต.คอหงส์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ถูกยิงด้วยกระสุนปืนชนิดและขนาดเดียวกันที่ขาขวา 1 นัด หน้าอก 2 นัด และใต้ราวนมขวา 1 นัด ทั้งคู่อาการสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา
จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุพ.จ.อ. ปรีชานั่งรถยนต์กระบะโดยสารมากับน.ส. ปรารถนา และลงที่ด้านหน้าอาคารสำนักงานขนส่ง จ.นราธิวาส
เพื่อเดินทางมาส่งน.ส. ปรารถนากลับไปทำงานที่อ.หาดใหญ่ และระหว่างที่พ.จ.อ.ปรีชาและน.ส.ปรารถนา เดินคู่กันเพื่อไปซื้อตั๋วที่เคาน์เตอร์นั้น มีชายฉกรรจ์สวมกางเกงยีนส์ขายาวและสวมเสื้อยืดสีน้ำเงิน ทราบชื่อภายหลังคือ อส.ทพ.อุทัย ไม่ทราบนามสกุล สังกัดกรมทหารพรานที่ 46 เดินเข้าไปหา และมีการพูดคุยโต้เถียงทะเลาะกันเสียงดัง จนชาวบ้านที่นั่งรอขึ้นรถต่างพากันหันมามอง ทันใดนั้นอส.ทพ. อุทัยชักอาวุธปืนพกสั้น ขนาด 9 ม.ม.ออกมาจากเอว แต่พ.จ.อ.ปรีชาเห็นจึงมีการยื้อแย่งปืนกัน จนพ.จ.อ.ปรีชาเสียหลักล้มลง อส.ทพ.อุทัยจึงใช้ปืนยิงใส่พ.จ.อ.ปรีชา 4 นัดจนล้มทั้งยืนน.ส. ปรารถนาเห็นดังนั้น จึงพยายามวิ่งหนี แต่อส.ทพ.อุทัยได้หันอาวุธปืนกระบอกดังกล่าวยิงใส่น.ส.ปรารถนา 3 นัด จนล้มลงทั้งยืนเช่นกัน จากนั้นอส.ทพ.อุทัยวิ่งถือปืนไปเอาเป้ที่วางไว้บนเก้าอี้เพื่อที่จะหลบหนี แต่ได้วิ่งวกกลับมายังร่างของพ.จ.อ.ปรีชาและน.ส.ปรารถนา พร้อมทั้งได้ใช้อาวุธปืนกระบอกดังกล่าวยิงซ้ำไปยังร่างของ พ.จ.อ.ปรีชาและน.ส.ปรารถนาอีกคนละ 1 นัด แล้ววิ่งหลบหนีไป
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ประสานขอภาพโทรทัศน์วงจรปิด ที่ติดไว้ที่ด้านหน้าอาคารสำนักงานขนส่ง เพื่อดูความเคลื่อนไหวของคนร้าย
และทราบว่าผู้ที่ก่อเหตุในครั้งนี้คือ อส.ทพ.อุทัยสามีของน.ส.ปรารถนา ที่อส.ทพ.อุทัยส่งเสียเรียนหนังสือจนจบและปัจจุบันได้ทำงานในอ.หาด ใหญ่ แต่อส.ทพ.อุทัย ทราบระแคะระคายว่า น.ส.ปรารถนาแอบเดินทางมาพบปะกับพ.จ.อ. ปรีชา เป็นประจำ และคบหากันเป็นแฟนโดยปิดบังอส.ทพ.อุทัย และเมื่ออส.ทพ.อุทัย ทราบแน่ชัดว่า น.ส.ปรารถนาเดินทางมาที่จ.นราธิวาส จึงมาดักรอที่อาคารสำนักงานบ.ข.ส.ตั้งแต่ช่วงเช้า เพื่อจะจับได้คาหนังคาเขา กระทั่งพ.จ.อ.ปรีชา เดินทางมาส่งน.ส.ปรารถนาเพื่อกลับอ.หาดใหญ่เหมือนที่คาดไว้ อส.ทพ.อุทัยจึงเกิดบันดาลโทสะใช้อาวุธปืนยิงทั้ง 2 คน เสียชีวิตดังกล่าว